ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 308 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

บทที่ 308 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

บทที่ 308 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

ทว่ามีบางคนไม่ชอบร้านขายของชำที่เปิดในหอนางโลมนี้ หอนางโลมเป็นสถานที่แบบไหนกันเล่า? มันเป็นสถานที่มั่วสุม เข้าไปซื้อของในนั้นไม่กลัวเสียชื่อเสียงกันหรืออย่างไร

ในตอนที่เฉียวเยี่ยนซื้อหอเยี่ยนชุนแห่งนี้ก็คิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทว่าสุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก[1] ตราบใดที่ร้านของนางดีพอ ข้อกังขาและคำครหาเหล่านี้จะหายไปในวันหนึ่ง

ขณะที่เฉียวเยี่ยนใช้กรรไกรตัดแถบแพรสีแดง ประตูร้านขายของชำเฉียวจี้ก็เปิดจากด้านใน ลูกค้าที่รออยู่ข้างนอกชะเง้อมอง เห็นร้านว่างเปล่าเป็นระเบียบพร้อมชั้นวางเรียงเป็นทิวแถว

เมื่อพาเข้าไปในร้าน พวกเขาต่างตกตะลึงกับร้านขายของชำขนาดใหญ่ที่มีสินค้าทุกประเภท ทำให้พวกเขาที่เห็นรู้สึกตาลายไปหมด

แค่พื้นที่ชั้นแรกอย่างเดียวก็มีขนาดใหญ่มากแล้ว แต่ยังมีชั้นสองอีก หากจะเดินเที่ยวซื้อในร้านขายของชำทั้งร้านหมดคงต้องใช้เวลามากโข

อีกทั้งการบริการในร้านก็เอาใจใส่มาก หากหาของที่ต้องการซื้อไม่เจอ ไปถามบริกรในร้าน บริกรก็จะพาพวกเขาไปหาสินค้าอย่างกระตือรือร้น แถมยังแนะนำสินค้าอย่างใส่ใจให้ด้วย

เปิดร้านวันแรก ลูกค้าเต็มร้าน เฉียวเยี่ยนกับโจวผิงฟานสองเจ้าของร้านวุ่นอยู่ในร้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ระยะเวลาเพียงแค่วันเดียว กำไรของพวกเขาสูงถึงสองพันกว่าตำลึง หากเป็นไปตามความเร็วนี้ ไม่ถึงหนึ่งเดือนพวกเขาก็กลับมาอู้ฟู้เช่นเคยแล้ว

เหล่าเด็กๆ ก็ช่วยแม่ป่าวประกาศร้านค้าเช่นกัน โดยการนำข่าวมาบอกสหายตัวน้อยของพวกเขา ให้เหล่าสหายตัวน้อยกลับบ้านมาบอกแก่ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บางคนไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ ทว่าก็มีบางคนคิดว่าน่าสนใจ และมาดูร้านที่เปิดในวันนี้เช่นกัน

ส่วนพวกเจ้าหน้าที่กับครอบครัวใหญ่โตร่ำรวยในอำเภอชิงผิงรู้ว่าซู่หวางเฟยเปิดร้านขายของชำแห่งนี้ เพื่อรักษาหน้าของท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟย พวกเขาจึงมาที่ร้านเพื่อจับจ่ายใช้สอยด้วย

แต่พอมาถึงพวกเขาก็กลายเป็นขาประจำของร้านขายของชำทันที วันหน้าไปเดินซื้อของกับภรรยาไม่ต้องเดินเตร่ไปตามถนนให้ขาเมื่อยขาอ่อนแล้ว ตรงมาที่ร้านขายของชำครบวงจรแห่งนี้ก็จบเรื่อง แถมยังสามารถนั่งดื่มชาตรงจุดพักได้ด้วย

ก่อนเปิดร้านสามวันมีคูปองส่วนลด ลูกค้าจึงเต็มแน่นขนัด หลังจากช่วงลดราคาผ่านไป กิจการในร้านก็ยังไม่ซบเซาลง เนื่องจากชื่อเสียงของร้านค้าได้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว จึงมีคนมากมายมาที่นี่อย่างอธิบายไม่ได้

……

หลังการเปิดตัวร้านค้าสิ้นสุดลง งานที่เหลือต่อไปจึงเป็นหน้าที่ดูแลของโจวผิงฟาน ส่วนเฉียวเยี่ยนก็ยุ่งกับอีกเรื่องหนึ่ง

ปลายเดือนสิบเริ่มทยอยเกี่ยวข้าวได้แล้ว และต้องวิดน้ำในนาออกล่วงหน้าประมาณครึ่งเดือน ดังนั้นจึงถึงเวลาจับปลาในนาออกมาแล้ว

ไม่กี่วันมานี้ ชาวนาที่ขายที่ดินให้กับเฉียวเยี่ยนต่างถือแหจับปลากับถังไม้ในบ้านของตัวเองมาจับปลาในทุ่งนาทุกวัน

ปลาที่จับได้ โจวผิงฟานจะส่งคนไปรับมายังร้านอาหารของตัวเอง และพวกชาวบ้านเองก็สามารถเหลือเอาไว้กินที่บ้านตัวเองได้ ทั้งยังได้ค่าลำบากเล็กน้อยด้วย

ทันทีที่ปลานาออกสู่ตลาด กิจการร้านอาหารของโจวผิงฟานก็เต็มไปด้วยลูกค้า เมื่อร้านอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ก็หันมาซื้อปลานากับเฉียวเยี่ยน ทว่าโจวผิงฟานได้ลงนามเอกสารกับเฉียวเยี่ยนล่วงหน้าก่อนแล้วว่าให้ปลานาทั้งหมดเป็นของเขา

เขามีร้านอาหารอยู่สองสามแห่ง จึงสามารถจัดการปลาเหล่านี้ไปได้หมด ร้านอื่นๆ ได้ยินเรื่องนี้ก็ทำได้เพียงจากไปด้วยความเสียใจ และมองร้านอาหารของโจวผิงฟานที่เต็มไปด้วยลูกค้าทุกวันด้วยสายตาอิจฉา ในขณะที่ร้านอาหารของพวกเขามีเพียงความเงียบเหงาซบเซา

พวกชาวบ้านที่ช่วยเฉียวเยี่ยนเลี้ยงปลาต่างรู้ถึงประโยชน์ของปลานา อย่ามองว่าปลาตัวเล็กเลย รสชาติกลับดีมากอย่างยิ่ง อร่อยกว่าปลาในแม่น้ำตั้งหลายเท่า

ที่สำคัญที่สุดคืออุจจาระของปลาเหล่านี้สามารถเป็นปุ๋ยให้แก่ข้าวได้ ข้าวก็เจริญเติบโตได้ดี ช่างได้ประโยชน์หลายอย่างจริงๆ

พวกชาวบ้านที่ไม่ได้ขายที่ดินมองคนอื่นจับปลาตาเป็นมัน เด็กๆ ในบ้านเห็นคนบ้านอื่นได้กินเนื้อปลา ก็ทำได้เพียนมองตาปริบๆ น้ำลายไหล

ด้วยมิอาจเห็นลูกตัวเองหิวกระหายได้ พวกผู้ใหญ่จึงกัดฟันไปซื้อปลากับบ้านคนอื่นมา และลองทำชิมดู ถึงได้รู้รสชาติแสนอร่อยของปลานี้ มิน่าเล่าถึงได้ขายดีปานนี้

กลางเดือนสิบ น้ำในนาลดลง ข้าวกลายเป็นสีเหลืองทอง บางพื้นที่ได้แดดเพียงพอ ก็พร้อมเก็บเกี่ยวได้

ข้าวพันธุ์ผสมมีรวงข้าวขนาดใหญ่ เมล็ดข้าวมาก ให้ผลผลิตตามปกติได้ประมาณสามพันชั่งต่อทุกหมู่ สมัยโบราณไม่มีปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูงเหมือนสมัยปัจจุบัน ผลผลิตจึงลดลง แต่ก็ยังเก็บเกี่ยวได้สองพันกว่าชั่ง ซึ่งสูงกว่าข้าวพันธุ์เก่าที่พวกเขาปลูกตั้งหลายเท่าตัว

หลายวันมานี้มีกองข้าวสีทองตากแดดอยู่บนลานตากข้าว เมล็ดข้าวอ้วนท้วนสมบูรณ์เหล่านั้นทำให้พวกชาวนาที่วุ่นมาทั้งปีคลี่ยิ้มด้วยความปลื้มใจ

ปีนี้พวกเขาไม่กลุ้มเรื่องอาหารหรือเครื่องนุ่งห่มเลยสักนิด แค่ผลผลิตข้าวในฤดูกาลนี้ นอกจากมอบให้เฉียวเยี่ยนแล้ว เสบียงอาหารที่เหลือของพวกเขาก็เพียงพอต่อคนทั้งครอบครัวแล้ว!

พวกชาวนาแบกรวงข้าวเป็นกำๆ จากผืนนาไปยังลานตากข้าว แม้จะตากแดดจนเหงื่อไหลไคลย้อย แต่ก็ยังยิ้มอย่างสดใส

ชีวิตช่วงนี้ช่างมีความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ !

ลานตากข้าวคึกคักมากทุกวัน หลังจากตากข้าวแล้วก็ตีเมล็ดข้าวออกมา จากนั้นก็นำมาตำและฝัดเปลือกข้าวออก ก็จะได้ข้าวขาวเกลี้ยงเกลา ส่วนฟางข้าวที่เหลือก็เอาไปใช้เลี้ยงสัตว์ได้

ข้าวชุดนี้ ส่วนใหญ่เฉียวเยี่ยนนำมาใช้ปลูก หลังจากตีเอาเมล็ดข้าวออกมาแล้ว ก็ตากแดดให้แห้ง แล้วเลือกเมล็ดข้าวคุณภาพสูงจากในนั้นออกมาใช้เป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับปีหน้า

หลังจากนางคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ออกมาแล้ว ก็แบ่งออกมาบรรจุเป็นถุงเล็กๆ และขายเมล็ดพันธุ์ให้กับพวกชาวบ้านในราคาต่ำ พร้อมกับหนังสือการปลูกข้าวเล่มเล็ก เพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวพันธุ์ผสมให้แพร่ขยายไปอย่างกว้างขวางขึ้น

แม้ผลผลิตของเมล็ดพันธุ์ที่สงวนไว้เองจะไม่ดีเท่ากับข้าวที่ปลูกอย่างประณีตในสมัยปัจจุบัน ทว่าก็ยังดีกว่าข้าวที่ปลูกในราชวงศ์เทียนลี่ตอนนี้มากโข

ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ท้องนาเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ครอบครัวเฉียวเยี่ยนก็ไปช่วยเกี่ยวข้าวในทุ่งนาด้วย

พวกชาวบ้านมองคู่รักลงไปทุ่งนาด้วยกัน ก็รู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจอย่างมาก

หากพวกเขาออกไปบอกคนอื่นด้านนอกว่าสองคนนี้เป็นท่านอ๋องกับหวางเฟย ใครจะเชื่อกัน?

ดูท่าควงเคียวนั่นสิ ชำนาญกว่าพวกเขาเสียอีก พวกเขาน่าจะเป็นท่านอ๋องกับหวางเฟยคู่แรกในประวัติศาสตร์ที่ชอบทำนาแล้วล่ะ

เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว หัวหน้าหมู่บ้านหูซีจึงจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟให้ทุกคน ตอนเย็นก่อไฟขนาดใหญ่ขึ้น ทุกครัวเรือนทำอาหารอร่อยๆ มายังลานตากข้าว จัดงานเลี้ยงบนถนนยาว หลังจากกินอิ่มดื่มพอ ก็เต้นรำรอบกองไฟ

เฉียวเยี่ยนชอบบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวานี้มาก จึงเข้าร่วมกับฝูงชนไปเต้นรำ และจับมือกับพวกพี่สาวป้าอาในหมู่บ้าน เต้นสนุกสนานรอบกองไฟ

มู่ฉินเจินกลัวเสียหน้า ไม่กล้าออกไปเต้น จึงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า มองเจ้าท่อนไม้เต้นยุกยิกไปมาอย่างมีชีวิตชีวา

พวกเด็กๆ ก็มีวงของตัวเอง พวกผู้ใหญ่ขายาวเกินไป ขาสั้นของพวกเขาตามไม่ทัน ดังนั้นพวกเขาจึงเต้นกันเอง

เมื่อระบบตัวน้อยเห็นการเต้นรำ ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายจนจะปล่อยแสงออกมา นางชำนาญเรื่องนี้ดี!

นางเป็นองค์หญิงน้อยนักเต้นบนลานกว้างเชียวนะ เพลงเทพๆ บนลานกว้าง นางสามารถร้องได้หลายเพลงเลย

ด้วยเหตุนี้ ระบบตัวน้อยจึงอาศัยความสามารถตัวเอง นำเด็กๆ กลุ่มหนึ่งออกไป และสอนให้พวกเขาเต้นบนลานกว้าง

นางยังคงนับจังหวะเป๊ะทุกอย่าง “มา ทำตามข้า หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด สองสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด…”

กลุ่มเด็กๆ ที่อยู่ด้านหลังเรียนได้เหมือนเปี๊ยบ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เรียนรู้ได้เร็วที่สุด และเต้นอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ

เสี่ยวอันอันก็โบกสะบัดแขนขาตัวเอง เตะซ้ายเตะขวา ดูตลกอย่างยิ่ง

กลุ่มที่อยู่ด้านหลังล้วนเป็นเด็กในหมู่บ้าน และรู้สึกว่าการเต้นแบบลานกว้างเช่นนี้แปลกใหม่มาก จึงเรียนรู้กับระบบตัวน้อยและเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่อยู่ข้างหน้าอย่างตั้งใจ

ระบบตัวน้อยยังสอนให้พวกเขาร้องเพลงในการเต้นแบบลานกว้างด้วย พวกเด็กๆ ร้องเพลงดุจเสียงหมาหอนเสียดแทงหัวใจ ทำให้ผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ดูอยู่รอบๆ หัวเราะจนปวดท้อง

และในเวลานี้เอง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ข้างๆ เหมือนผู้เป็นพ่อของเขา พลางเฝ้ามองพี่น้องทั้งสามเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยรอยยิ้มแผ่วเบา

เรื่องเช่นนี้ เขาดูก็พอแล้ว จะบ้าตามไปด้วยไม่ได้ หากบ้าไปพร้อมกันสี่คน ก็ไม่มีใครรักษาพวกนางได้แล้ว

[1] สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก (酒香不怕巷子深) หมายถึง ของสิ่งใดที่เป็นของดี ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดย่อมมีคนพยายามเสาะแสวงหาจนพบในที่สุด เปรียบเสมือนแม้ร้านสุราจะอยู่ลึกเข้าไปในตรอก แต่หากเป็นสุราดีจริงๆ อย่างไรผู้คนก็ยังคงตามไปดื่มอยู่ดี

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โอย เห็นกองเงินกองทองมากองตรงหน้าเลย เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่สมชื่อตอนจริงๆ

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท