ตอนที่ 334 เผชิญกับสิ่งมหัศจรรย์อีกครั้ง
ตอนที่ 334 เผชิญกับสิ่งมหัศจรรย์อีกครั้ง
เสียงสบถของหูอวี้กุ้ยยังคงดังให้ได้ยินแม้คนทั้งกลุ่มจะเดินออกจากลานบ้านไปแล้ว ดวงตาของหลันหนิงฉายประกายวูบหนึ่ง ก่อนออกจากกลุ่มไปเงียบๆ แตะเท้าหนึ่งครั้ง และทะยานหายไปในชั่วพริบตา
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงร้องโหยหวนของหูอวี้กุ้ยกับหวังซื่อก็ดังขึ้นจากลานบ้านสกุลหู ฟังคล้ายกับหูอวี้กุ้ยได้ล้มลงด้วยแรงที่ไม่เบาเลย
หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนี้ ดวงตาแก่ๆ พลันกวาดมองกลุ่มของเฉียวเยี่ยน คนสูงศักดิ์เหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลย!
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ใครใช้ให้เจ้าเด็กหูอวี้กุ้ยคนนี้ดูถูกผู้อื่นกัน วันนี้ต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขาเสียบ้าง!
ขณะออกจากบ้านสกุลหู เฉียวเยี่ยนก็สังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูครัว ซึ่งน่าจะเป็นบุตรสาวคนโตของหูอวี้กุ้ย
ลูกสาวคนโตผู้นี้ต่างจากลูกชายผู้อ้วนท้วนสมบูรณ์ทั้งสอง นางผอมแห้งราวกับกิ่งไม้ ผิวพรรณซีดเซียว เพียงปราดมองก็ทราบแล้วว่าอยู่ในภาวะทุพโพชนาการ
นางกำลังมองพวกเขาด้วยดวงตาว่างเปล่าไร้แวว สีหน้าเรียบเฉย ดูแล้วคล้ายกับหุ่นเชิดตัวหนึ่ง
เฉียวเยี่ยนถอนหายใจ นางไม่อาจช่วยเหลือได้ทุกคน ทำเพียงมอบโอกาสให้คนอื่นที่ต้องการโอกาสนี้มากกว่า
เด็กสาวคนนั้นโชคร้ายเองที่มาเกิดในครอบครัวแบบนี้
หลังพบครอบครัวเส็งเคร็งอย่างครอบครัวหูอวี้กุ้ยไปแล้ว เฉียวเยี่ยนกับคนอื่นๆ ต่างรู้สึกอารมณ์ขึ้นไม่หาย โดยเฉพาะเว่ยอวิ๋นซูที่ยังโมโหอยู่ หากเฉียวเยี่ยนไม่ดึงรั้งนางไว้ตลอดทั้งวันนี้ ก็เกรงว่านางจะไปซัดปากสารเลวผู้นั้นจนฟันร่วงแล้ว
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านพากลุ่มเฉียวเยี่ยนไปหาคนต่อ เขาก็พยายามเลี่ยงครอบครัวนิสัยไม่ดีโดยอัตโนมัติ เนื่องเพราะไม่อยากอารมณ์เสียอีกแล้ว
แต่ต่อให้พวกเขาเลี่ยงปัญหาแล้ว ปัญหาก็ยังคงมาเยือนพวกเขา
เฉียวเยี่ยนและคนอื่นๆ เดินทางไปทั่วหมู่บ้าน แต่ขณะกำลังจะกลับเข้าเมือง แม่ม่ายผู้หนึ่งและลูกสาวของนางก็มาขวางทางพวกเขาไว้
แม่ม่ายผู้นั้นคุกเข่าต่อหน้ารถม้าของเฉียวเยี่ยน ร้องไห้ฟูมฟายอย่างขมขื่น ร้องขอให้รับลูกสาวของนางเข้าศึกษา “ท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย โปรดพวกท่านช่วยเหลือข้าด้วย ไม่ง่ายเลยที่แม่ม่ายอย่างข้าจะเลี้ยงลูกคนหนึ่งได้ ข้าอยากส่งลูกสาวข้าเข้าศึกษาหาความรู้เช่นกัน ได้โปรดรับลูกสาวของข้าเข้าศึกษาด้วยเถิด”
เฉียวเยี่ยนที่นั่งอยู่ในรถม้าพลันเยี่ยมหน้าออกมาเมื่อได้ยินเสียง
หลังได้ยินเสียงหญิงผู้นั้น นางก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย หากเด็กคนนั้นมีคุณสมบัติพอ รับเข้าศึกษาก็คงไม่เป็นไร
แต่เมื่อเห็นแม่ม่ายผู้นั้นคำนับต่อหน้ารถม้าของนางพร้อมกับสาวน้อยผู้หนึ่ง นางก็พลันรู้สึกไม่ชอบมาพากล
แม่ม่ายผู้นั้นมีอายุสามสิบปีกว่าเท่านั้น แต่กลับมีใบหน้างดงามรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร สวมชุดรัดรูปคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารถม้า ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าขณะคร่ำครวญอย่างโศกเศร้า
แต่สายตานางกลับเหลือบมองเกาจัวหยวนที่ขับรถม้าอยู่เป็นระยะ สายตานั้นดูเศร้าสลดน่าสงสาร ดูน้อยใจและไม่เต็มใจ ราวกับว่าเป็นตะขอเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่พยายามเกี่ยวกุมหัวใจของเกาจัวหยวน
เห็นดังนี้แล้ว เฉียวเยี่ยนก็ไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหานาง แต่มาหาเกาจัวหยวนบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม
ปีนี้เกาจัวหยวนอายุยี่สิบแปดปีแล้ว พ้นจากความเยาว์วัยไร้เดียงสา กลายเป็นชายชาตรีน่าดึงดูดเต็มตัว แม้รูปลักษณ์ของเขาจะไม่โดดเด่น แต่ก็ดูคมสันไม่น้อย คิ้วหนาตาโต ซึ่งไม่น่าแปลกใจหากจะมีแม่ม่ายมาติดพัน
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเด็กสาวที่ติดตามแม่ม่ายคนนี้ นางมีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปี สวมชุดกระโปรงสีชมพูดอกท้อ ทำให้นางดูงดงามเยาว์วัยนัก
ในตอนนี้ สาวน้อยผู้นี้ได้กระพริบดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำเหมือนกับแม่ของตน มองเกาจัวหยวนอย่างไร้เดียงสาดูน่าสงสาร ราวกับดอกไม้ขาวดอกน้อยที่ต้องลมและฝน รอให้ใครสักคนมาปกป้อง
เป็นครอบครัวที่ดีจริงๆ นี่คือแม่และลูกสาวที่ตกหลุมรักคนๆ หนึ่งพร้อมกัน แต่ละคนล้วนงัดมารยาประจำกายขึ้นมาใช้ หากชายคนนั้นตกหลุมใครก่อนคนนั้นก็ได้ไปครอง
เฉียวเยี่ยนเดาะลิ้นครั้งแล้วครั้งเล่า นางไม่คิดอยากเจออะไรแปลกๆ แบบนี้อีกเลยในชีวิตนี้
แน่นอนว่านางไม่กล้ารับเด็กประเภทนี้เข้าโรงเรียน ถ้าเด็กสาวคนนี้ไม่มีอะไรทำแล้วกล้าข้ามกำแพงไปยั่วยวนบุรุษฝั่งสำนักศึกษาชายล่ะก็ ชื่อเสียงของโรงเรียนนางจะต้องเสียหายหนักแน่!
หลันหนิงที่นั่งบนหลังม้ามองสายตาของแม่ลูกคู่นี้ ดวงตาเฉยชาก็พลันหดลงทันที
ส่วนเกาจัวหยวนที่ถูกแม่ลูกคู่นี้จ้องมองพลันขนลุกซู่ไปทั่วสรรพางค์ พร้อมกับหัวใจพลันหนาวเยือก
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?
ทำไมต้องเกิดเรื่องโชคร้ายเช่นนี้กับเขาด้วย!
เดิมทีสตรีของเขายังจับไม่ได้ แต่บัดนี้นางเห็นสตรีเหล่านี้มาพัวพันเขาแล้ว เขาจะไม่จบเห่แล้วหรือ?
เช่นนั้นเขาขอตามรอยเจ้านายด้วยการยึดถือหลักคุณธรรมชายชาตรีจนถึงที่สุด คิดจะมาพัวพันกับเขาเหรอ? ไม่มีทางหรอก!
เขาพลันชี้หน้าแม่และลูกสาวโดยไม่สนว่าพวกนางจะเป็นสตรีหรือไม่ ก่อนเปิดปากด่าในทันที
“ข้าขอเตือนพวกเจ้า อย่าได้มองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ข้าขยะแขยง!”
“ขอบอกให้ว่าเจ้าไม่ใช่หญิงสาวแล้ว จะไร้คุณธรรมไร้ยางอายแค่ไหนก็ไม่ว่า แต่กลับสั่งสอนลูกสาวเจ้าแบบนี้ได้อย่างไร!”
“ภรรยาของข้าก็อยู่ข้างๆ เจ้า ขืนเจ้ากล้ามองข้าด้วยสายตาน่ารังเกียจแบบนี้อีก ภรรยาของข้าจะฆ่าพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!”
เขากล่าวราวกับบุตรที่ฟ้องเรื่องราวต่อบิดามารดา ขณะมองหลันหนิงด้วยสายตาน่าสงสาร “ภรรยา พวกนางมาพัวพันข้า เจ้าต้องช่วยข้าจัดการด้วยนะ!”
มุมปากหลันหนิงกระตุก ขณะพึมพำเสียงเย็นชาไม่แยแส “ใครเป็นภรรยาเจ้ากัน!”
แต่เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลง พร้อมกับปลายใบหูกลายเป็นสีแดง
เกาจัวหยวนไม่เคยคิดว่าหลันหนิงจะช่วยเหลือเขา เขาเพียงต้องการแสดงเจตจำนงว่าไม่มีใครอยู่ในสายตาเขาได้นอกจากนาง
แต่ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เขาพูดจบ หลันหนิงที่นั่งบนหลังม้าจะชักดาบยาวออกมา และจ้องมองสองแม่ลูกคู่นั้นเขม็ง
นางชี้ดาบเป็นประกายไปที่พวกนาง พลางเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ไสหัวไป!”
แม่ม่ายและลูกสาวไม่อาจรักษากิริยาไว้ได้อีกเมื่อถูกเกาจัวหยวนด่า และเมื่อหลันหนิงชักดาบชี้มาที่พวกตน พวกนางก็ตัวสั่นสะท้านยิ่งขึ้น รีบผุดลุกจากพื้นด้วยความอับอายและวิ่งหนีหายไปทันที
พวกนางเห็นคนกลุ่มนี้เข้ามาในหมู่บ้านวันนี้แล้วว่ามีบุรุษเพียงคนเดียวในนั้น บุรุษผู้นั้นช่างดูดีเกินประมาณ หล่อเหลาเอาการ ทั้งยังสวมอาภรณ์ยอดเยี่ยม แสดงว่าเขาจะต้องไม่ขาดแคลนเงินทอง
พวกนางจึงต้องการพัวพันกับเขา หากตกปลาใหญ่ตัวนี้ได้แล้วก็ไม่ต้องกังวลถึงอนาคตเลย
พวกนางงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนเหล่านี้มาใช้กับคนในหมู่บ้านหลายครั้ง ซึ่งมีบุรุษหลายคนที่ตกเป็นผู้อุปถัมภ์ลับๆ ของพวกนาง คอยให้อาหารเสื้อผ้าและเงินทองแก่พวกนาง
หลังแม่ม่ายและลูกสาวจากไปแล้ว เฉียวเยี่ยนก็หันมาส่งสายตามีความหมายให้กับเกาจัวหยวนและหลันหนิงพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
ช่างดีเหลือเกิน! ดูเหมือนเกาจัวหยวนจะครองใจสาวงามผู้นี้ได้เสียแล้ว
หลันหนิงขับไล่คนออกไปแล้วก็เก็บดาบเข้าฝัก กระตุกบังเหียนเบาๆ และขี่ม้าไปข้างหน้า
แต่เกาจัวหยวนยังคงตกตะลึงอยู่กับที่ ภาพฉากเมื่อครู่ยังติดตรึงอยู่ในใจ
หลันหนิงช่วยเขา! หลันหนิงยอมเป็นภรรยาในนามของเขาแล้ว!
เขากำลังฝันไปหรือไม่?
เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจยามเห็นท่าทางโง่งมของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยกขาถีบเขาเบาๆ และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าโง่ รีบตามภรรยาของเจ้าไปสิ เกิดนางหนีไปแล้วอย่ามาร้องไห้ทีหลังนะ!”
ตอนนั้นเองเกาจัวหยวนถึงกลับมาได้สติ เขากระโดดออกจากรถม้าวิ่งตามม้าของหลันหนิงทันที หลังวิ่งไปสองก้าวจึงนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีหน้าที่ขับรถม้า จึงหยุดอยู่กับที่และหน้าแดงด้วยความร้อนใจ
เฉียวเยี่ยนจึงโบกมือห้าม “เจ้าไปเถอะ ข้าจะขับรถม้าเอง”
พวกเขาออกมาข้างนอกด้วยรถม้าสองคัน รถม้าอีกคันมีสารถีอีกคนหนึ่งเป็นคนขับ ขณะรถม้าคันนี้มีเกาจัวหยวนเป็นคนขับ โดยที่หลันหนิงขี่ม้าอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เกาจัวหยวนไล่ตามภรรยาไปแล้ว นางจึงมีหน้าที่ขับรถม้าเอง
นางนั่งลงตรงที่นั่งคนขับ ดึงกระตุกบังเหียนเบาๆ ทำให้ม้าค่อยๆ เคลื่อนเท้าไปข้างหน้า
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ออกจากรถม้ามานั่งข้าง ๆ มารดา มองท่านลุงเกาจัวหยวนที่ไล่ตามม้าของท่านน้าหลันหนิงไปติดๆ พลางคิดว่าท่านลุงเกาไม่ค่อยฉลาดเอาเสียเลย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจอแต่เรื่องพีคๆ โชคดีที่มีหลันหนิงคอยคุ้มกัน
เกาจัวหยวนสู้ๆ จะตามหัวใจทันไหมนะ
ไหหม่า(海馬)