ตอนที่ 343 ลูกคนที่ห้าปกป้องมารดา
ตอนที่ 343 ลูกคนที่ห้าปกป้องมารดา
เหยาซื่อผู้เป็นกวงลู่ซื่อชิงฮูหยินดูอ่อนโยนและใจกว้างมาก อายุสามสิบกว่าปี แต่ดูแลตัวเองดีมาก พูดจานุ่มนวลและมีเหตุผล
นางเอ่ยอย่างเกรงใจเล็กน้อย “ขอไม่ปิดบังไท่จื่อเฟย ลูกข้านั้นซนเป็นอย่างมาก และย้ายสำนักศึกษามานับไม่ถ้วน แต่ก็ถูกอาจารย์ไล่ออก ตอนนี้ก็จ้างใครมาสอนเขาไม่ได้อีกแล้ว”
“หลังจากวันที่ได้เยี่ยมชมโรงเรียนพระนางวันนั้น หม่อมฉันและสามีพอใจเป็นอย่างมาก จึงอยากส่งเจ้าตัวแสบเข้าไปเรียน พวกกระหม่อมไม่ได้หวังให้เขาเรียนแล้วได้อะไร ขอเพียงสามารถดัดนิสัย ทำให้เขาสงบลงบ้างได้ก็ดีมากแล้ว”
นางพูดประโยคนี้จบ กลัวว่าเฉียวเยี่ยนจะไม่เห็นด้วยจึงรีบเอ่ยเสริม “หม่อมฉันรู้ดีว่าสำนักศึกษาของพระองค์เปิดให้พวกชาวบ้าน ค่าเล่าเรียนก็ถูกมาก ทว่าพระองค์โปรดวางพระทัย พวกเราจะไม่เอาเปรียบพวกชาวบ้านแน่นอน พวกเราจะบริจาคเงินให้แก่สำนักศึกษา เพื่อถือว่าเป็นการช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้นอีกแรง”
ขณะที่พูดคุยกัน นางได้หยิบเงินจากแขนเสื้อออกมาวางไว้ตรงหน้าเฉียวเยี่ยน เป็นจำนวนทั้งหมดหนึ่งแสนตำลึง
แม้เงินเดือนตำแหน่งกวงลู่ซื่อชิงจะไม่สูงนัก ทว่าบ้านทางแม่ของเหยาซื่อนั้นทำการค้าขาย มีร้านค้าทั่วประเทศ ถือว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย เงินเพียงแสนตำลึง สำหรับนางแล้วไม่ใช่ปัญหาอะไร
เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ฟังคำพูดของเหยาซื่อ ก็รู้สึกประทับใจเล็กน้อย อีกฝ่ายมาด้วยความจริงใจ นางย่อมควรตอบกลับด้วยความจริงใจเช่นกัน
“ในเมื่อฮูหยินเหยาเอ่ยมาถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นอีกสามวันส่งบุตรท่านไปโรงเรียนได้เลย ส่วนเรื่องห้องเรียน ที่พักของเด็กข้าจะเป็นคนจัดการให้เอง”
“ชุดนักเรียน อาหาร เครื่องนอนทางโรงเรียนมีให้ ให้เด็กเตรียมสัมภาระธรรมดาๆ มาก็เพียงพอแล้ว”
ฮูหยินเหยาดีใจมาก รีบดึงบุตรตนคำนับไท่จื่อเฟย “อิงเอ๋อร์ ยังไม่รีบขอบพระทัยไท่จื่อเฟยอีก!”
สวีอิงยังคงมีสีหน้าดื้อรั้น และเผยความรำคาญออกทางสีหน้า ทว่าก็ยังไว้หน้ามารดาตน คำนับเฉียวเยี่ยนอย่างเย่อหยิ่ง
เหยาซื่อเก้อเขินเล็กน้อย พลางตบหลังบุตรตนไปทีหนึ่ง และเอ่ยสอนเสียงเบา “ก่อนมาคุยกันไว้ว่าอย่างไร? อาการเริ่มกำเริบแล้วหรือ ค่อยดูแล้วกันว่ากลับไปพ่อเจ้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”
นางสั่งสอนลูกเสร็จก็รีบขอโทษเฉียวเยี่ยน “ไท่จื่อเฟย ขอประทานอภัยจริงๆ เพคะ บุตรหม่อมฉันนั้นไม่รู้ความ หวังว่าพระองค์จะไม่ใส่ใจ และอย่าได้ถือสากับคนแบบเขาเลย”
เฉียวเยี่ยนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร พลางสำรวจมองสวีอิงครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างขบขันอยู่ในใจ ‘ดูท่าจะเป็นพวกวัยรุ่นอวดเก่งหัวขบถสินะ’
หัวขบถก็หัวขบถไปเถิด รอเข้าโรงเรียนไป คอยดูว่านางจะสั่งสอนและเปลี่ยนเขาให้หนักเลย!
เฉียวเยี่ยนไม่ได้โกรธอะไร ทว่าลูกน้อยห้าขวบในอ้อมกอดนางกลับโมโห เห็นพี่ชายตรงหน้าพูดไม่ดีกับมารดาตน คนตัวเล็กก็ยื่นมือน้อยออกไปชี้สวีอิงแล้วเริ่มด่า
“แอ่อ้าแอ่อ้า……..ไม่ดี! ดื้อ! ตีตูดๆ!”
เด็กน้อยพูดอ้อแอ้ยาวเหยียด แต่พวกผู้ใหญ่ฟังออกอยู่ไม่กี่คำ ทว่าท่าทางดุดันแบบเด็กน้อยของเขาแล้ว ก็พอดูออกว่าเจ้าตัวน้อยกำลังด่าคนอยู่
จวบจนพูดภาษาเด็กของตัวเองจบ เจ้าตัวน้อยยังเอามือเท้าเอวทำท่าทางโมโห ใบหน้าอวบอ้วนเต็มไปด้วยเนื้อพองลมขึ้นมา
ภาพนี้ช่างน่ารักเป็นอย่างมาก ฮูหยินเหยากับฮูหยินอู่ต่างมองเด็กน้อยอย่างรักใคร่
เจ้าก้อนแป้งน่ารักอะไรเช่นนี้ อยากกอดจังเลย
บ้านของพวกนางไม่มีเด็กน้อยมานานแล้ว วันนี้ได้เห็นเจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่มอวบอิ่มเช่นนี้ ก็นึกอยากขโมยกลับบ้านเสียจริง!
ฮูหยินเหยามองเสี่ยวอวี๋เป่าอย่างรักใคร่ ก่อนเอ่ยกับเฉียวเยี่ยน “ไท่จื่อเฟยช่างโชคดีจริงๆ บุตรยังเล็กปานนี้ยังรู้จักปกป้องมารดา หากเจ้าเด็กแสบลูกหม่อมฉันรู้ความได้สักครึ่งหนึ่ง หม่อมฉันก็พอใจแล้ว ”
สวีอิงไม่คิดเลยว่าตนจะถูกเด็กที่ยังไม่หย่านมหยามเอาได้ จึงรู้สึกขายหน้าไม่น้อย
แต่เขาอายุตั้งสิบสี่ปีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กเล็ก จึงทำได้เพียงกอดอกอย่างทระนง พลางเชิดหน้า ทำท่าทางไม่ยินยอม
เฉียวเยี่ยนบีบใบหน้าน้อยที่บึ้งบูด ก่อนเอ่ยเกลี้ยกล่อมเบาๆ “พอได้แล้ว ลูกรักไม่โกรธแล้ว ลูกแม่เก่งที่สุด”
เมื่อได้รับคำชมจากมารดา เสี่ยวอวี๋เป่าก็ยิ้มกว้างเผยฟันน้ำนมของตัวเองออกมา จากนั้นก็เอนตัวพิงอยู่ในอ้อมแขนมารดาอย่างเชื่อฟัง และตั้งใจฟังการสนทนาของผู้ใหญ่ต่อ
แม้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้าใจหรือไม่ ทว่าดูท่าทางแล้วจริงจังมาก
อู่ซื่อผู้เป็นอวิ๋นหยางปั๋วฮูหยินเห็นสวีอิงเข้าเรียนได้แล้ว จึงรีบดึงบุตรตนอกมา
นางหยิบเงินออกจากแขนเสื้อออกมากองเช่นกัน และยังคงเป็นแสนตำลึงเช่นเคย นี่คือสิ่งที่นางปรึกษากับเหยาซื่อก่อนมาที่นี่
นางดึงลูกชายข้างตัวมา และเอ่ยกับเฉียวเยี่ยน “ไท่จื่อเฟย ลูกชายของหม่อมฉันนั้นเชื่อฟัง และวางใจได้ ทว่าด้านการเรียนยังขาดความมุ่งมั่น เรียนอย่างไรก็เรียนไม่ได้ แต่เขาสนใจพวกต้นไม้ดอกไม้มาตั้งแต่เด็ก หม่อมฉันทราบมาว่าสำนักศึกษาที่พระองค์สร้างนั้นมีการสอนเฉพาะทางอยู่ จึงอยากส่งเขาไปศึกษาเล่าเรียนที่นั่น”
ลูกชายของอู่ซื่อมีนามว่าเถียนเฮ่าเฉิน เจ้าเด็กอ้วนเห็นมารดาตนแนะนำตัวเอง ก็ยิ้มอย่างเขินอายขึ้นมา ท่าทางนั้นดูยิ้มแย้มไร้เดียงสาจริงๆ
เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินว่าเขาชอบต้นไม้ดอกไม้ ก็เกิดความสนใจ จึงเอ่ยถาม “ปกติเจ้าชอบปลูกดอกไม้มากกว่าหรือชื่นชมดอกไม้มากกว่ากัน?”
เถียนเฮ่าเฉินลูบหัวกลมของตัวเอง ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ตอนกระหม่อมยังเด็กชอบปลูกดอกไม้ ทว่าหลังจากได้ยินว่าพระองค์ปลูกผักในวังหลวง กระหม่อมจึงเปลี่ยนมาปลูกผักในบ้านแทน”
อู่ซื่อรีบเอ่ยเสริมช่วยลูกชาย “ใช่เพคะ สวนดอกไม้ในจวนหม่อมฉันตอนนี้ถูกเจ้าเด็กคนนี้ยึดไปหมดแล้ว พวกเรามักจะได้กินผักที่เขาปลูกอยู่บ่อยๆ ปีที่แล้วเขาปลูกฟักทองลูกใหญ่เป็นพิเศษด้วยเพคะ”
ตอนนี้เฉียวเยี่ยนยิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก การหาคนที่ชอบศึกษาพืชพรรณในบรรดาเด็กน้อยเป็นเรื่องที่ยากมาก นางอยากหาศิษย์ที่มีพรสวรรค์ทางด้านการเกษตรมาตลอด หลังจากนั้นก็จะถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้แก่เขา
หากเจ้าเด็กอ้วนคนนี้มีพรสวรรค์ในด้านนี้จริง นางอาจจะรับเขาไว้เป็นลูกศิษย์
นางยังถามเถียนเฮ่าเฉินเรื่องเกี่ยวกับการปลูกผักอีก หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขา ก็พบว่าเด็กน้อยคนนี้มีพรสวรรค์มากเลยทีเดียว
นายน้อยแห่งตระกูลร่ำรวยคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด มีโอกาสน้อยมากที่จะสัมผัสทำงานในไร่นา แต่เขากลับสามารถหาวิธีได้ด้วยตัวเอง และผักที่เขาปลูกก็งอกงามไม่เลวเลย
อีกอย่างปกติเขาก็ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเกษตรด้วย จึงมีความรู้ความเข้าใจอยู่ไม่น้อย
หลังจากได้พูดคุยกัน เฉียวเยี่ยนพอใจในตัวเถียนเฮ่าเฉินอย่างมาก รอเขาไปโรงเรียนและคอยสังเกตดูอีกสักพัก หากเขาทำได้ดี นางก็จะคุยกับเขา และรับเขาเป็นลูกศิษย์
เหยาซื่อกับอู่ซื่อคุยกับเฉียวเยี่ยนตลอดทั้งเช้า หลังจากส่งลูกๆ เข้าเรียนได้สำเร็จแล้ว ตอนกลับไปนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ สองพี่น้องจึงนัดกันจะไปกินอาหารที่หอหวาอวิ้นเพื่อเลี้ยงฉลอง
ตอนนี้หอหวาอวิ้นมีรายการอาหารใหม่ออกมาคือหมูกรอบ ครั้งก่อนพวกนางได้ลองครั้งหนึ่ง รสชาตินั้นยังจำได้ไม่ลืมเลือน
หนังทั้งกรุบทั้งกรอบ ไขมันจากเนื้อถูกย่างจนหอม เนื้อก็หมักเข้ารสชาติ ห่อด้วยผัก ยัดเข้าใส่ปากยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย
วันนี้ต้องไปกินอีกครั้งให้ได้!
มู่ฉินเจินจากไปนานสิบวันแล้ว และในวันที่แปดเขาก็ส่งจดหมายกลับมา โดยบอกว่าการเดินทางทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อยดี
ทว่าเฉียวเยี่ยนก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ คนที่ออกจากบ้านไปต่างแดนก็จะรายงานแต่เรื่องดีไม่รายงานเรื่องร้าย ซึ่งนางรู้ว่าการเดินทางของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นและเรียบร้อยเหมือนในจดหมายเขียนไว้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต่อไปคุณชายเถียนนี่น่าจะได้เป็นศิษย์สายตรงของไท่จื่อเฟยแน่ๆ ดูชอบอะไรเหมือนๆ กันเลย
จะเกิดอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาทไหมนะ ขอให้อย่าเป็นอะไรไปเลย
ไหหม่า(海馬)