ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 357 กินลูกกวาดแล้วห้ามเศร้า

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 357 กินลูกกวาดแล้วห้ามเศร้า

ตอนที่ 357 กินลูกกวาดแล้วห้ามเศร้า

เสี่ยวอันอันเอียงศีรษะด้วยความไม่เข้าใจ เอ่ยด้วยเสียงเด็กเล็กฟังดูไพเราะ “แต่พี่ชายก็ยังเป็นเด็กนะ”

สวีอิงฟังคำพูดนี้ก็ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้ามองเจ้าก้อนที่นั่งอยู่ข้างๆ และเอ่ยอะไรไม่ออกอีกครั้ง

เขาคุณชายรองสวีอายุสิบสี่ปีแล้ว ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย!

มือเล็กของเสี่ยวอันอันยังคงยื่นค้างอยู่ เสนอลูกกวาดให้อย่างเต็มที่ โดยไม่ได้สังเกตเห็นความเคอะเขินของเด็กหนุ่มนิสัยเสียตรงหน้าเลย

“พี่ชาย พี่ไม่กินจริงๆ หรือ? ลูกกวาดนี้อร่อยมากๆ เลยนะ!”

สวีอิงถูกเด็กน้อยส่งของให้เป็นครั้งแรกก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย มองดวงตากลมโตที่จริงใจของเด็กน้อย ก่อนเอื้อมมือไปหยิบลูกกวาดจากมือน้อยมา

เขาไม่คิดจะกินมัน แต่สายตาของเด็กน้อยดูกระตือรือร้นเกินไป ราวกับรอผลตอบรับจากเขาก็ไม่ปาน เขาจึงทำได้เพียงแกะกระดาษห่อลูกกวาดออก แล้วยัดลูกกวาดสีขาวขุ่นเข้าปาก

เมื่อเข้าปากแล้วก็สัมผัสได้ถึงรสหวานเจี๊ยบ มีกลิ่นหอมน้ำนมเข้มข้น เป็นรสชาติที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน

เสี่ยวอันอันเห็นเขาหยิบลูกกวาดในมือตัวเองไป ก็ยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตากลมโตโค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว “อร่อยไหม?”

สวีอิงหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง

เสี่ยวอันอันเห็นเขาพยักหน้า ก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น และชูนิ้วก้อยให้เขา “อย่างนั้นพี่ชายกินลูกกวาดข้าแล้ว พี่ชายห้ามเศร้าแล้วนะ ทุกวันต้องหวานเหมือนลูกกวาดนี้ เรามาสัญญากัน พูดอย่างไหนทำอย่างนั้น”

นิ้วก้อยสีขาวนวลนั้นดูน่ารักไม่น้อย สวีอิงเหลือบมองไปทางอื่น และพึมพำเสียงเบา “ปัญญาอ่อน”

ทว่าเขายังคงยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวนิ้วที่เล็กกว่าไว้

เด็กๆ กำลังเล่นอย่าางสนุกสนานกันอยู่ เฉียวเยี่ยนก็ทำบะหมี่เย็นเสร็จแล้ว

โชคดีที่คู่รักเก๋อต้าโหยวให้เส้นบะหมี่มามากพอตัว จึงเพียงพอให้กลุ่มของพวกเขาทาน

มู่ฉินเจินชายร่างใหญ่กับสวีอิงเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นมีความอยากอาหารมาก เส้นบะหมี่จึงพูนเต็มชามใหญ่ จนแทบจะล้นออกมาแล้ว

ส่วนที่เหลือนางกับลูกๆ ต่างแบ่งกันใส่ชามใบเล็กๆ

สวีอิงหิวมากมานานแล้ว เสี่ยวอันอันให้ลูกกวาดเขากินชิ้นหนึ่งก็ยิ่งกระตุ้นความกระหายในกระเพาะเขา เมื่อเห็นบะหมี่เย็นเต็มชามใหญ่ตรงหน้า ในปากก็น้ำลายสอไม่หยุด

เดิมทีคิดอยากเล่นตัวสักหน่อย แต่เมื่อเส้นบะหมี่เข้าปากเขาก็หยุดกินไม่ได้ จ้วงเอาๆ อย่างหิวโหย

มันอร่อยมากจริงๆ ทั้งเปรี้ยวและเผ็ด แถมยังมีแตงกวาหั่นเส้นกรุบกรอบ กินในคืนฤดูร้อนแล้วรู้สึกสดชื่นมาก

ด้วยบะหมี่เย็นชามหนึ่ง ทัศนคติของเขาที่มีต่อเฉียวเยี่ยนก็เปลี่ยนไป จากหญิงโหดเหี้ยมได้กลายเป็นหญิงโหดเหี้ยมผู้ทำอาหารอร่อยแทน

แม้พวกเด็กๆ จะกินข้าวมาหมดแล้ว ทว่าการขี่ม้ามาตลอดทางทำให้สูญเสียพลังไปมาก ตอนนี้จึงหิวแล้วเช่นกัน เลยถือชามน้อยของตัวเองกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ลูกน้อยคนสุดท้องก็สามารถกินอาหารของผู้ใหญ่ได้บ้างในปริมาณที่พอเหมาะ เฉียวเยี่ยนยังทำบะหมี่ให้เขาด้วยเล็กน้อย แต่ไม่ใส่น้ำมันพริก เด็กน้อยคิดว่าบะหมี่ของตัวเองเหมือนกับของคนอื่น จึงกินอย่างกระตือรือร้น

สวีอิงกินอาหารเสร็จก็กลับไปที่หอพัก หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อกลับไปถึงหอพักล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ เขาก็ล้มหัวกับหมอนนอนหลับไปทันที ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา ไม่มีวันไหนหลับสนิทเช่นนี้มาก่อนเลย

คืนนี้ครอบครัวใหญ่ของเฉียวเยี่ยนก็พักอยู่ที่ลานบ้านเล็กหลังนี้ โชคดีที่มีสามห้องนอน พวกเขาถึงสามารถนอนกันได้

เด็กหญิงสามคนนอนในห้องเดียวกันหนึ่งห้อง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์นอนห้องคนเดียวหนึ่งห้อง ส่วนเสี่ยวอวี่เป่าคนเล็กสุดยังดูแลตัวเองไม่ได้ จึงได้แต่นอนกับพ่อแม่

ทุกคนเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข เช้าวันรุ่งขึ้น มู่ฉินเจินต้องกลับไปจัดการงานราชการในเมือง และวันนี้พวกเด็กๆ ไม่ต้องไปเข้าเรียน รบเร้าอยากจะอยู่กับมารดา

เฉียวเยี่ยนย่อมตอบตกลง หลังจากส่งองค์รัชทายาทจากไปแล้ว ก็พาเด็ก ๆ ไปเริ่มภารกิจของวันนี้

สวีอิงคิดว่าหลังจากผ่านเมื่อวานไป ชีวิตอันน่าสังเวชของเขาจะจบลงแล้ว แต่เมื่อตื่นมาเช้านี้ ร่างกายทั้งบนทั้งล่างของเขาก็ปวดเมื่อยไปหมด และไม่มีความกระปรี้กระเปร่าเลย

แต่เจ้าของที่ผู้ไร้มนุษยธรรมกลับพาเขาออกไปทำงานอีกครั้ง!

จากคำพูดของเฉียวเยี่ยน เจ้าไม่อยากเข้าเรียนมิใช่หรือ? จะได้ให้เจ้าได้สัมผัสความสนุกแบบไม่เข้าเรียนพอดีเลย!

วันนี้เฉียวเยี่ยนจะไปเนินเขารกร้างสองลูกด้านหลังโรงเรียนเพื่อดูฝูงแกะกับฝูงหมูที่คนงานเลี้ยงไว้ ม้าแคระของพวกเด็กๆ ก็ยังอยู่ วันนี้สามารถไปขี่เล่นบนเนินเขา หรือปล่อยให้มันวิ่งเล่นก็ได้

เฉียวเยี่ยนยังหาม้ามาอีกตัวหนึ่ง แบกลูกน้อยคนที่ห้าไว้บนหลัง และขี่ม้าพาเด็กๆ ขึ้นเขาไป

เมื่อสวีอิงเห็นเด็กๆ แต่ละคนขี่ม้าแคระคนละตัว พลันความนับถือตนเองของเขาก็ลดลงทันที เขาอายุสิบสี่ปีแล้วยังขี่ม้าไม่เป็น เด็กน้อยพวกนี้ยังอายุไม่ถึงสิบปีเต็มเลยกลับขี่ม้าเป็นแล้ว!

นี่จะให้เขายอมรับได้อย่างไร!

ประเด็นสำคัญคือ หญิงคนนั้นไม่ได้ให้เขาขี่ม้า เป็นครอบครัวของนางต่างหากที่ขี่ม้าอย่างสบายๆ ส่วนเขาทำได้เพียงเดินตามหลังด้วยสองขาของเขาเอง

เดือนหกมีน้ำฝนค่อนข้างมาก ทุ่งหญ้าบนภูเขาเติบโตได้ดี และฝูงแกะก็อ้วนพีมาก

ยามทอดมองออกไปไกลจะเห็นฝูงแกะบนภูเขาเป็นปุยขาว และยังมีลูกแกะตัวน้อยน่ารักอยู่ด้วย

เด็กๆ ได้เห็นแกะจำนวนมากเป็นครั้งแรกต่างก็ตื่นเต้นมาก และอ้าปากร้องแบะๆ เลียนแบบแกะ แม้แต่เสี่ยวอวี่เป่าก็ยังเลียนเสียงแกะสองสามคำอย่างไม่ค่อยชัดเจนนัก

เมื่อคนงานเลี้ยงแกะเห็นเจ้านายมาตรวจสอบ ก็รีบวิ่งเข้าไปทักทาย เฉียวเยี่ยนจึงถามสถานการณ์ในช่วงนี้ของฝูงแกะกับพวกเขาเสียเลย

ตอนนี้ในภัตตาคารมีความต้องการเนื้อแกะจำนวนมาก จำนวนแกะบนภูเขาก็เพิ่มขึ้นมามากเช่นกัน

สวีอิงหอบเหนื่อยมาตลอดทาง เมื่อมาถึงที่หมาย ก็นั่งลงบนพื้นหญ้าทันที

เมื่อทอดมองยังฝูงแกะตรงหน้า เขาก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นทอดมองยังทุ่งหญ้าโล่งกว้างข้างหน้า อีกทั้งแสงแดดเจิดจ้า ก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีขึ้นทันที

ทว่ายังไม่ทันให้เขาได้รู้สึกสบายชั่วขณะหนึ่ง เจ้าของที่ดินเฉียวก็มอบหมายงานให้เขาอีกครั้ง

งานของเขาในวันนี้คือต้อนฝูงแกะกับคนงาน และปฏิบัติตามคำสั่งของคนงาน

เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย โมโหจนใบหน้าดำคล้ำ พลางใช้เท้าเตะดินก้อนเล็กๆ ตรงหน้า

“เหตุใดนายน้อยอย่างข้าต้องฟังเจ้าด้วย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครหา!”

เขาพูดเสียงเบามาก แต่เฉียวเยี่ยนซึ่งอยู่ไม่ไกลได้ยินเข้า นางจึงเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าเลือกที่จะไม่ทำก็ได้ ข้าแค่อยากเห็นว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะมีค่าแค่ไหน แต่หากเจ้าเลือกที่จะจากไป เช่นนั้นจากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่งในที่แห่งนี้”

เป็นวิธีกระตุ้นอันคุ้นเคยอีกแล้ว ทว่าคุณชายรองสวียังคงหลงกลวิธีนี้ พลันเชิดหน้าขึ้น สะบัดคอ วิ่งตามคนงานเลี้ยงแกะไป

สวีอิงไปเลี้ยงแกะแล้ว ส่วนเฉียวเยี่ยนพาเด็กๆ ไปเล่นบนภูเขา นางได้คุยกับพวกคนงานที่นั้นแล้ว พวกเขาบอกว่าจะดูแลสวีอิงอย่างดี

ม้าแคระของพวกเด็กๆ ถูกแก้มัดเชือกแล้ว และวิ่งอย่างอิสระบนภูเขา พวกมันทุกตัวได้รับการฝึกฝนมาแล้ว จึงไม่มีวิ่งหนีหายไป แค่ผิวปากหนึ่งครั้งพวกมันก็จะกลับมา

หกแม่ลูกเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่สวีอิงค่อนข้างน่าสงสารเล็กน้อย ทำงานกับพวกคนงานจนเหงื่อออกท่วมตัว

เดี๋ยวก็โกยมูลแกะในคอก เดี๋ยวก็ไปตัดหญ้า หรือไล่ลูกแกะที่ไม่เชื่อฟังกลับไป

วิ่งไปทางนี้ที ทางนั้นที วิ่งจนเอวเมื่อยขาอ่อนแรง สุดท้ายเขาก็พบว่าตัวเองยังเทียบแม้กระทั่งหมาตัวหนึ่งไม่ได้!

สุนัขตัวนั้นที่คนงานเลี้ยงไว้สามารถต้อนฝูงแกะได้แล้ว ภายใต้สายตามัน ไม่มีแกะสักตัวเดียวที่หนีรอดไปได้

……

สวีอิงกับเฉียวเยี่ยนต่อสู้ยืดเยื้อกันมานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็ถูกลบเหลี่ยมออกไปได้ และตระหนักได้ว่าตัวเองไม่มีจุดแข็งอะไรเลย

เขาค่อยๆ เริ่มตั้งใจเรียน ตอนเข้าเรียนไม่สร้างปัญหา ไม่นอนในห้องเรียน หลังเลิกเรียนไม่พยายามคิดหาทางโดดเรียน ซึ่งพวกอาจารย์ต่างประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของเขามาก

เมื่อถามว่าอะไรทำให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง คำตอบของเขาก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

เขาตอบว่า ‘ในอนาคตเขาอยากเลี้ยงแกะ!’

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อันอันน่ารัก คำปลอบโยนจากเด็กน้อยนับว่าเป็นความหวังดีที่บริสุทธิ์ใจที่สุดแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท