ตอนที่ 395 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ 3
ตอนที่ 395 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ 3
ตอนนั้นข้าร้อนรนทันที ไม่สนต่อสู้อีกแล้ว ยกเท้าเตรียมจะกระโดดลงไปหาโดเรม่อนของข้าในสระบัว
ทว่าเจ้าสระน้ำเน่าบ้านั่นเร็วกว่าข้าไปก้าวหนึ่ง ดึงข้าเอาไว้ ไม่ให้ข้าลงไป ในสระบัวเต็มไปด้วยโคลน อาจจะถูกดูดเข้าไป
ข้าไม่ฟัง กระทำอย่างไร้ยางอายพลางดิ้นรน ข้าอยากจะไปงมหาโดเรม่อนของข้า
งานฝีมือหยาบๆ ของมารดาเช่นนั้น ไม่ง่ายเลยที่ถักตุ๊กตาออกมา นั่นเป็นของล้ำค่าที่ข้าหวงแหนทะนุถนอมมาสิบกว่าปีนะ
เจ้าสระน้ำขวางข้าไว้ ลูกน้องของเขากับพลคุ้มกันของข้าต่างพากันกระโดดลงสระบัว ไปงมหาโดเรม่อนให้ข้า
ทว่ามีคนมากเกินไป น้ำจึงขุ่นขึ้นมา หาไม่เจอเลย
ข้ามองสระบัวอย่างเสียใจ ก่อนร้องไห้แงออกมา ร้องเสียงดังมาก ทำให้เจ้าสระน้ำเน่าตกใจสุดขีด
เขากล่อมข้าอย่างลนลาน ทว่าข้าที่กำลังตีโพยตีพายจะกล่อมง่ายได้อย่างไรกัน ยิ่งเปล่งร้องระงมจนสะเทือนฟ้าสะเทือนผีสางเทวดา
สายตาองครักษ์ของสำนักเขาจันทร์กระจ่างเหล่านั้นมองข้าอย่างแปลกๆ ราวกับมองลิงเล่นซน ดูแปลกอย่างมาก
ข้าเข้าใจ พวกเขาคงรู้สึกว่ามันแปลกมากที่ตัวข้านางมารสีชมพูคนนี้ร้องไห้กระมัง
ไม่ผิดหรอกที่สตรีจะร้องไห้งอแง ข้ามองสระบัวด้วยสายตาโหยหา น่าสงสาร ในขณะที่เจ้าสระน้ำเน่าเหมือนบิดาที่เป็นกังวล เดี๋ยวก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ข้าเช็ดน้ำมูก เดี๋ยวก็รินน้ำให้ข้า เพิ่มเสริมเติมน้ำตาที่ไหลออกมา
ข้าเห็นเขากังวลจนปวดหัว ก็รู้สึกราวกับได้ค้นพบโลกใหม่ เจ้าสระน้ำเน่ากลัวข้าร้องไห้!
หลังจากค้นพบสิ่งนี้ ข้าจึงคิดค้นกระบวนยุทธ ‘จู่โจมทางจิต’ ที่มุ่งเป้าไปที่เจ้าสระน้ำโดยเฉพาะ เรียกเต็มๆ ว่าแสร้งร้องไห้อย่างไร้ยางอาย
หลังจากปฏิบัติไปสองสามครั้ง ข้าพบว่ากระบวนท่านี้ได้ผลจริงๆ ทุกครั้งที่ข้าต่อสู้กับเจ้าสระน้ำ ก็จะใช้วิธีการโจมตีทางจิตนี้ในช่วงเวลาที่สำคัญ รับรองว่าจะทำให้ท่านลุงคนนี้แพ้อย่างว่านอนสอนง่าย
ในที่สุดข้าก็เอาชนะศัตรูชั่วชีวิตของข้าได้ จึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก และเจ้าโดเรม่อนของข้าก็ถูกงมขึ้นมาได้ หลังจากที่ช่วยกันหามาตลอดทั้งคืน
ต่อมา ข้ารู้มาจากปากคนอื่นว่า เจ้าสระน้ำเป็นคนลงไปงมหาโดเรม่อนและแช่อยู่ในสระบัวเกือบทั้งคืนถึงจะงมหามาได้
ข้าติดต่อคบหากับเจ้าสระน้ำมานานมาก ยาวนานจนคนอื่นคิดว่าเราเป็นคู่รักกัน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในแต่ละวันของเราจะไม่มีอะไรนอกจากต่อสู้
ข้าไปท้าเขาสู้ แต่เขาไม่ยอมอ่อนให้ข้า เมื่อข้ากำลังจะแพ้ ก็ร้องไห้เสียงดัง เขาทำอะไรไม่ถูก ข้าเลยฉวยโอกาสเอาชนะศัตรู
เราให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี จนต่อมา ทุกครั้งที่ต่อสู้กันก็ไม่ต้องให้ข้าแสร้งทำเป็นร้องไห้แล้ว เพียงแค่ขมวดคิ้ว นิดเดียว เขาก็ยอมให้จับโดยไม่ต้องสู้ทันที
ข้าจัดการผู้นำยุทธภพคนนี้จนว่านอนสอนง่าย และกลายเป็นบุคคลที่เก่งกาจที่สุดในยุทธภพ
ทว่านานวันเข้า ข้ามักรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านลุงคนนี้มันลึกซึ้งไปหน่อย บอกว่าเป็นสหายกัน กลับสนิทกันยิ่งกว่าสหาย ครั้นจะบอกว่าเป็นคู่รักกัน แต่เราสองคนก็ไม่มีใครเอ่ยเรื่องคู่รักออกมาเลย
ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตนรู้สึกอย่างไรกับเจ้าสระน้ำเน่าคนนี้ บอกได้แค่ว่าไม่รังเกียจ และรู้สึกชอบมากกว่าคนอื่นไปนิดหน่อย แต่แค่นิดหน่อยเท่าปลายเล็บมือเท่านั้น
ในฤดูหนาวเมื่อข้าอายุได้ยี่สิบปี พี่ชายส่งจดหมายมาบอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ ให้ข้ารีบกลับไป
งานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ชายข้าย่อมไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไปบอกลาสหายเก่า และเตรียมกลับเมืองหลวง
คืนนั้น ข้าวิ่งไปที่ห้องของเจ้าสระน้ำอย่างคุ้นเคย แต่เมื่อผลักประตูเปิดกลับเห็นสตรีผู้หนึ่งเปลือยกายอยู่บนเตียงของเขา
ข้าจำไม่ได้แล้วว่าหน้าตาของสตรีคนนั้นเป็นอย่างไร จำได้แค่ว่าหมั่นโถวลูกโตสองลูกของนางนั้นนูนเด้ง อวบใหญ่กว่าซาลาเปาลูกเล็กของข้าเสียอีก
เจ้าสระน้ำยืนถัดจากหญิงคนนั้น สีหน้าดูไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนั้นข้าคิดว่าเขาแสดงสีหน้านี้ให้ข้าเห็นน่าจะเป็นเพราะรำคาญที่ข้ามาขัดจังหวะเรื่องดีๆ ของเขา
ท้ายที่สุดความเย้ายวนของซาลาเปาลูกเล็กจะดีกว่าหมั่นโถวลูกใหญ่ได้อย่างไร!
ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าคิดอะไร บางทีสมองอาจกระตุกไปแล้ว จึงคำรามออกมา “เจ้าอยู่กับหมั่นโถวก้อนโตของเจ้าไปเถิด ข้าไม่อยู่กับเจ้าแล้ว!”
ข้ากระแทกประตูปิดแล้วจากไป เหมือนภรรยาจับได้ว่าสามีนอกใจ เสียใจอย่างมาก
ข้าไม่ได้เอ่ยกระทั่งคำบอกลา แต่นำกลุ่มพลคุ้มกันทะยานจากไปไกลด้วยความโกรธ ทิ้งแผ่นหลังแน่วแน่ไว้ให้เจ้าสระน้ำ
ระหว่างทางกลับเมืองหลวง ความโกรธของข้าเหือดหายไปแล้ว มีแค่เยาะเย้ยตัวเองที่ไร้เหตุผลเล็กน้อย
ข้าเป็นอะไรกับเขา? มีสิทธิ์อะไรไปโกรธกัน?
บุรุษยังไม่ได้แต่งงาน สตรียังไม่ได้แต่งงาน เขาหาสตรีอื่นมาก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วมิใช่หรือ?
อีกอย่างชายในวัยเดียวกันกับเขา อาจจะมีคนที่อยู่ด้วยไปตลอดชีวิตแต่ไม่ได้รัก คนที่รักกลับไม่อาจแต่งงานด้วยได้ หรือไม่ก็มีคนรักนับไม่ถ้วนมากมายมานานแล้ว
ข้าเป็นองค์หญิง ข้าไม่ชอบคนแก่หรอก ปล่อยให้เจ้าสระน้ำเน่ากับแม่นางหมั่นโถวลูกโตของเขาเหม็นเน่าไปพร้อมเถิด!
ทว่า เหตุใดใจข้ามันถึงได้เปรี้ยวนัก เปรี้ยวยิ่งกว่ากินมะนาวเป็นร้อยลูกเสียอีก!
ข้าหยุดๆ พักๆ มาตลอดทาง ชะลอความเร็วลง แม้จะบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึงเจ้าสระน้ำเน่านั่น แต่ศีรษะกลับเหลียวหลังเป็นพักๆ หวังว่าจะมีร่างอันคุ้นเคยไล่ตามหลังมา
แต่น่าเสียดาย มาถึงเมืองหลวงแล้ว คนๆ นั้นที่ข้ารอก็ยังไม่มา
ข้าโมโหขึ้นมา และตัดสินใจตัดขาดกับเจ้าสระน้ำเน่านั่น นับจากนี้ไป ก็ปล่อยให้เขากินหมั่นโถวลูกโตของเขาไปเถอะ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับซาลาเปาลูกเล็กอย่างข้า !
ข้ากลับไปบ้านอันคุ้นเคย เมื่อบิดาเห็นข้าก็มีความสุขอย่างมาก จึงให้รางวัลเงินทองเครื่องประดับมากมายแก่ข้า ข้ารู้ นี่เป็นวิธีแสดงความรักของบิดา
ส่วนมารดาบอกว่าข้าผอมไป จึงทำอาหารให้ข้าโต๊ะใหญ่ เลี้ยงข้าให้เป็นหมูน้อยที่มีความสุข
ความจริง เหตุที่ข้าอ้วนขึ้นนิดหน่อย นี่ต้องขอบคุณ…
ช่างเถิด อย่าเอ่ยถึงลุงคนนี้เลย!
คืนนั้นที่กลับถึงบ้าน ข้าแสดงท่าทางมีความสุขมาก ทว่าสองพี่น้องกับมารดาสังเกตเห็นว่าอารมณ์ข้าไม่ปกติ พวกเขาสามคนจึงพากันเข้ามาในห้อง นอนร่วมเตียงเดียวกันกับข้า และคุยเรื่องกลุ้มใจของข้า
พวกเราแม่ลูกไม่ได้นอนเตียงเดียวกันมากว่าสิบปีแล้ว เราคุยกันทุกเรื่องอย่างมีความสุขมาก กระทั่งดื่มเหล้าด้วย
คนเมามักจะคายความจริงออกมา ข้าเอ่ยเรื่องเมามาย ในคำพูดล้วนด่าลุงคนนั้น
มารดาว่า “ลูกรัก ใครรังแกเจ้า บอกแม่มา”
ข้าร้องไห้เอ่ย “ก็แค่ลุงสำส่อนคนหนึ่ง ชอบหมั่นโถวลูกใหญ่ ไม่ต้องการซาลาเปาลูกเล็กอย่างข้าแล้ว!”
ทันใดนั้น บรรยากาศก็พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา
สองพี่น้องที่กำลังดื่มเหล้าอยู่สำลักจนหน้าดำหน้าแดง แม้แต่มารดายังมีสีหน้าตกใจ
ในขณะที่บิดา พี่ชายกับน้องเล็กที่แอบฟังอยู่ด้านนอกประตูโมโหขึ้นมาอย่างมาก บิดากระแทกประตูของข้าอย่างแรง
รังสีเย็นชาดุดันของราชาบนตัวเขาช่างน่ากลัวอย่างมาก ราวกับวินาทีต่อไปจะฉีกร่างลุงที่ออกมาจากปากข้าออกเป็นชิ้นๆ
พี่ชายเองก็มีสีหน้าโกรธเคืองเช่นกัน เขาได้จินตนาการภาพข้าถูกชายสารเลวใจร้ายคนนั้นทิ้งไปในหัวแล้ว
ส่วนน้องชายของข้าที่หมกมุ่นอยู่กับการทำไร่ไถนา เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ชายสำส่อนข้าเข้าใจ แต่หมั่นโถวลูกใหญ่คืออะไร? ซาลาเปาลูกเล็กคืออะไร?”
สิ่งที่น้องชายคนเล็กพูดเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟ ทำให้ญาติสนิทที่ปกป้องข้าเหมือนแก้วตาดวงใจยิ่งเดือดดาลมากขึ้น
บิดาไม่อยากให้ข้าแต่งงานออกไป และยิ่งไม่อยากให้ข้าถูกบุรุษหยอกล้อ ดังนั้นคำพูดขี้เมาสองสามคำของข้าจึงประณามเจ้าสระน้ำเป็นคนสารเลว สำส่อน เป็นเหตุให้ต่อมา เมื่อบิดาเห็นเจ้าสระน้ำก็มีอันต้องเริ่มต่อสู้
ข้าเมาเหล้าพึมพำเกี่ยวกับหมั่นโถวลูกใหญ่ซาลาเปาลูกเล็กตลอดทั้งคืน พึมพำจนร้องไห้อย่างขมขื่น จนถึงวันรุ่งขึ้น มารดาก็เตรียมอาหารบำรุงต่างๆ ให้ข้ามากมาย
เม็ดบัวตุ๋นกับมะละกอพุทราจีน ตับไก่ผัดกับมันแกวและหน่อไม้ นมเฉ่าเหมยกับซิ่งเหริน ปีกไก่ตุ๋นกับถั่วเหลือง…
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารบำรุงหน้าอก ทำให้ซาลาเปาก้อนเล็กของข้ากลายเป็นหมั่นโถวก้อนโตได้
หลังจากผ่านคืนอันเจ็บปวดไป ข้าก็สงบสติอารมณ์ลงแล้ว คิดดูสิข้าที่เป็นนางมารสีชมพูผู้โด่งดังในยุทธภพ กลับพ่ายแพ้ให้กับหมั่นโถว จะเป็นไปได้อย่างไร!
ความศรัทธาของข้าพี่อวี๋คือ ‘การไม่ยอมแพ้!’
ข้าต้องบำรุงซาลาเปาลูกเล็กของข้าให้ดีๆ เมื่อมันโตเป็นหมั่นโถวลูกใหญ่แล้ว ค่อยไปต่อสู้กับลุงคนนั้นอีกครั้ง ให้เขาได้เห็นว่าที่ตัวเองเลือกในตอนนั้นมันตื้นเขินเพียงใด
เมื่อข้าเอาชนะเขาได้ ค่อยสะบัดตูดจากไป ปล่อยให้เขาเสียใจอยู่อย่างนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โอยย ๕๕๕ น้องปลาน้อยใจที่ตัวเองไม่ดูมมะจาเลดูมเท่าสาวคนนั้น กลับมาบำรุงตัวเองใหญ่เลย
ถ้าคนจะรักกันจริงๆ จะเล็กจะใหญ่ก็ไม่สำคัญเท่านิสัยว่าเข้ากันได้ไหมต่างหากหนู
ไหหม่า(海馬)