ตอนที่ 2 พบเจอ
“เอ๋ แปลกจริง” เหล่าคุณชายเพลย์บอยสะบัดหัวเพราะเข้าใจว่าตนคงดื่มมากไป ได้แต่มองเงาร่างบางเดินห่างออกไปตาละห้อย
สวยบาดตาเช่นนี้ ยังไม่ได้ทันได้ทำความรู้จัก ช่างน่าเสียดายจริงๆ
กู้ซีจิ่นมองดูท่าทีของคนเหล่านั้น มือที่ถือแก้วไวน์ซีดลงเล็กน้อย ตั้งแต่วันแรกที่กู้ซีเฉียวมาเหยียบบ้านหลังนี้ เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่ากู้ซีเฉียวคือหายนะที่มีดีก็แค่หน้าตา ทว่าโลกใบนี้ ต่อให้แจกันจะงดงามเพียงใด สุดท้ายแล้วก็เป็นได้แค่ของเล่นของคนอื่น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่นก็เบาใจ แต่ถึงอย่างนั้นเงามืดในแววตากลับมิได้จางหาย
สาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ “อาจิ่น เธอนี่ก็ใจกว้างเสียเหลือเกิน หล่อนคือน้องสาวของเธอคนนั้นน่ะหรือ หน้าตาดูร้ายไม่เบา แค่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร ไม่รู้ว่าคุณปู่กู้กล้าพากลับมาได้ยังไง”
เรื่องราวชีวิตของกู้ซีเฉียวไม่ใช่ความลับสำหรับคนเหล่านี้ คนส่วนใหญ่ล้วนทราบว่าเธอเป็นลูกของดาวหนังโป๊ อีกทั้งเธอยังมาจากชนบท เนื้อตัวของเธอเหม็นกลิ่นสาบดิน เกรงว่าศิลปะแห่งปัญญาชนคงเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัส เป็นพวกสมองกลวงขนานแท้
“มีอะไรให้ต้องกลัว ก็แค่เด็กบ้านนอกโง่ๆ ผ่านไปไม่กี่วันนางคงได้รู้ว่าเมืองเอ็นแตกต่างจากโคลนตมที่นางเคยจากมา!”
“…”
ถูกต้องแล้ว เมืองเอ็นแตกต่างจากที่เธอคิดโดยสิ้นเชิง ความเข้าใจนี้เธอแลกมาด้วยชีวิตของเธอเอง กู้ซีเฉียวกระตุกมุมปาก สายตาเย้ยหยันมองกลับไปที่คฤหาสน์หลังงามด้านหลัง ในทันใดนั้น ภายในบ้านเกิดความโกลาหลฉับพลัน…
“ตายแล้ว อาจิ่น ชุดของเธอ!”
“ว้าย…” เสียงร้องหวาดผวาแหลมสูงดังก้องทำลายความเงียบสงบแห่งค่ำคืนลง
กู้ซีเฉียวบิดขี้เกียจ แววตาเย็นชา ทำให้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ความสามารถพิเศษนี้นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว
คนรับใช้ที่เดินผ่านไปรู้ว่าคุณผู้หญิงพาลูกสาวนอกสมรสกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ แต่นอกจากเธอจะไม่สำนึกบุญคุณแล้ว เธอยังทำหน้าเศร้าสลดอยู่ทุกวันเหมือนกับมารดาจากไปอย่างนั้น ซวยจริง! คนรับใช้เหล่านั้นไม่คิดจะชายตามองเธอเลยสักนิด เพียงแต่เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในตัวบ้าน
คนเหล่านี้มีหรือจะเข้าใจหัวอกลูกนอกสมรสที่ต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่ในที่ที่ไม่มีสิ่งใดเข้ากับเธอ คนในครอบครัวจงใจขับไล่เธอ หนำซ้ำคุณผู้หญิงของบ้านยังพยายามจะฆ่าเธอ เธอจึงต้องระแวดระวังทุกฝีก้าว การที่เธอมีชีวิตรอดมาได้จนถึงบัดนี้โดยที่จิตใจไม่แตกสลายไปเสียก่อนเธอจะต้องมีจิตใจที่แน่วแน่เพียงใด
กู้ซีเฉียวกลับไม่คิดถือสา เธอเป็นลูกนอกสมรสต่ำต้อย เมื่อชาติที่แล้วเธอเห็นคนรับใช้ที่เชิดชูผู้มีอำนาจและเหยียบย่ำคนที่ด้อยกว่ามามากพอแล้ว ฉะนั้นสายตาของคนเหล่านี้ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว
เธอออกมาจากสถานที่ที่ทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออกได้อย่างราบรื่น
เพียงแต่ ตอนนี้เธอได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง กลับมาเกิดใหม่ในตอนที่ตัวเองอายุสิบแปดปี ซึ่งเป็นปีที่เธอเพิ่งเข้ามาอยู่ที่ตระกูลกู้
กู้ซีเฉียวชะงักฝีเท้า รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู ภาพเบื้องหน้าคือนิ้วมือเรียวยาวขาวนวล แม้ที่ฝ่ามือจะมีหนังด้านบ้างเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้ความงดงามดูลดน้อยลงไป มือนี้สมบูรณ์ครบถ้วน เธอหัวเราะแผ่วเบา มิใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นนี้
ทันใดนั้น มีแสงสว่างวาบสาดมาจากด้านหน้า
[ระวัง! สามเมตรด้านหน้ามีอันตราย กรุณาหลบภายใน 0.01 วินาที หรือ ใช้คะแนนสะสมหนึ่งแต้มเพื่อซื้อการ์ดหลบภัย!]
ค่ำคืนสงัดร้อนอบอ้าวมีเสียงเบรกดังสนั่นยาวนานบาดหู
คนขับรถรีบร้อนลงจากรถ ครั้นเห็นเด็กสาว หัวใจก็เต้นตึกตัก เขามัวแต่รีบไปให้ทันเครื่องบิน โดยปกติแล้วถนนเส้นนี้แทบจะไม่มีคนเดิน ครั้นเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนมาแล้วจึงไม่คิดว่าข้างหน้าจะมีคนเดิน ด้วยความตกใจเขาเหยียบเบรกในทันที คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับชนคนเข้าอยู่ดี
ว่าแต่คงไม่ได้ชนแรงขนาดนั้นหรอกใช่ไหมนะ อีกอย่างเด็กสาวคนนี้เห็นไฟรถกลับไม่ยอมหลบ หรือว่าจะเป็นพวกแก๊งต้มตุ๋นที่จงใจสร้างสถานการณ์
คนขับรถพิศมองด้วยแววตาเคลือบแคลง
กู้ซีเฉียวพลันได้สติ เธอมองท่าทีของคนขับรถออก เธอไม่เอ่ยอะไรก็ค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างเชื่องช้า สีหน้ายังคงเย็นเยียบ มิได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด
เจ้าระบบตัวการที่ตอนนี้ทำได้แค่ทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ในใจของเธอเจ็บปวดจริงๆ “รถขับมาถึงตรงหน้าแล้วเพิ่งจะมาบอกว่าข้างหน้ามีอันตรายเนี่ยนะ ถ้าหลบได้ภายใน 0.01 วินาที ฉันก็ไม่ใช่คนแล้วไหม!”
[โฮสต์ ขณะนี้ระบบปฏิบัติการอยู่ในระดับศูนย์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดและยังอ่อนแอมาก ยังต้องการให้โฮสต์ทำภารกิจให้มากขึ้นเพื่อปรับปรุงการทำงานของระบบ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก!] ระบบทำหน้าเศร้าสร้อย มันเองก็น้อยใจเป็นเหมือนกัน
“มีแกไว้มีประโยชน์อะไร!” กู้ซีเฉียวหรี่ตาพลางคิด
จู่ๆ รถคันนี้ก็โผล่มา แปลกพิกล เธอเป็นพวกโชคร้ายปานนั้นเชียวหรือ ขนาดโอกาสจะหลบยังไม่มี
ระบบผู้ถูกดูแคลน: [……] แงๆๆ!
เธอยืดหลังตรง ลานสายตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ท่อนขาเรียวขาวสัมผัสอากาศด้านนอก ในตอนนั้น แผลที่ตรงหัวเข่ามีเลือดไหลซิบ หนังกำพร้าถลอกปอกเปิก กรวดทรายเล็กๆ ฝังตัวอยู่ในปากแผล ผิวนวลขาวราวหิมะช้ำเป็นจ้ำสีม่วงเข้มน่าพรั่นพรึง
ลุงคนขับรถเห็นบาดแผลชัดขึ้นเพราะแสงไฟ เขาอึ้งไปชั่วครู่ บาดเจ็บหนักขนาดนี้เชียวรึ
ภายใต้แสงไฟส่องจ้า สีหน้าของเด็กสาวแลดูมึนงงเล็กน้อย แต่นั่นไม่อาจทำให้โครงหน้าได้รูปดูงดงามน้อยลง ขนตายาวงอนโค้งได้องศา ใบหน้าหมดจด แต่เพราะดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยเจือไปด้วยความเคร่งขรึมเด็ดขาด คนขับรถจำต้องชำเลืองมอง
แต่เมื่อตั้งใจมองให้ดีก็เห็นว่าแววตาของเด็กสาวสุกใสงดงาม ไม่ได้ต่างไปจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเลย
เขาขยี้ตาพลางคิดว่า เด็กสาวคนนี้ดูไม่เหมือนพวกต้มตุ๋นที่มาสร้างสถานการณ์เลยสักนิด อีกอย่างการมาเป็นนักต้มตุ๋นในละแวกที่พักอาศัยของคนรวย ว่างนักหรือ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เดินไปแจ้งแก่คนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังของรถ หลังจากสนทนาเพียงไม่กี่ประโยคก็ตัดสินใจพาเด็กสาวไปส่งที่โรงพยาบาล
กู้ซีเฉียวลองยกขาขึ้น แต่แค่ลองขยับเพียงเล็กน้อย ความเจ็บแปลบจากขาก็พุ่งขึ้นมาจนเธอแทบขาดใจ แม้ว่าเธอจะมาจากชนบท แต่แม่บุญธรรมก็ไม่เคยปล่อยให้เธอลำบาก เธอแทบไม่เคยต้องทำงานอะไร อีกทั้งยังได้ร่ำเรียนงานหัตถการจากคุณปู่ข้างบ้าน ขณะที่เธออาศัยอยู่ที่นั่น เธอได้รับการประคบประหงมอย่างดี ฉะนั้นจู่ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา
แต่ต่อให้เจ็บปวดเพียงใด ความเจ็บนั้นก็ไม่อาจสู้ความเจ็บที่เกิดจากการที่นิ้วทั้งสิบนิ้วถูกบดจนแหลกได้
แววตาของกู้ซีเฉียวยังคงแจ่มชัด เธอวิเคราะห์เหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างใจเย็น ถนนนี้ยาวนัก อีกทั้งยังเป็นละแวกที่อยู่อาศัยของเศรษฐี รถแท็กซี่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่นี้ ฉะนั้นแล้ว เธอใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ยอมขึ้นไปบนรถยนต์ยี่ห้อหรู
ทันทีที่ประตูรถปิดลง พลังจิตมหาศาลก็กดทับลงมาที่ร่างของเธอ
กู้ซีเฉียวหน้าซีดในบัดดล
เธออยู่ในพื้นที่เสมือนจริงของระบบมานาน ในช่วงเวลานั้นเธอขลุกตัวอยู่กับหนังสือมากมายนับไม่ถ้วนจึงเคยอ่านตำราเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การรบแบบจีนมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นพลังจิตมหาศาลที่แผ่ขยายทับลงที่ร่างของเธอในเวลานี้กลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เธอที่มีชีวิตมาถึงสองชาติยังสู้ไม่ได้
เธอรู้สึกเหมือนกับว่าพลังจิตของตัวเองถูกโจมตีอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งสมองยังเจ็บปวดราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ!
หากคนคนนี้ออกแรงอีกเพียงนิดเดียว พลังจิตของเธอคงได้รับความเสียหายจนกลายเป็นปัญญาอ่อนแน่!
ระบบในรูปร่างเสมือนคนเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ ทันทีที่ได้สติ มันก็รีบใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างแตะลงบนนิ้วอื่นๆ เพื่อสร้างเกราะกำบังให้กู้ซีเฉียว
ร่างกายของหญิงสาวรู้สึกว่าพลังมหาศาลนั้นค่อยๆ ไหลออกจากร่างราวกับคลื่นน้ำ ระบบประสาทของกู้ซีเฉียวเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ความระแวงยังคงมีมากอยู่
บนเบาะหลังสีเข้ม ร่างที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นกะทันหันเผยให้เห็นนัยน์ตาลุ่มลึกคู่หนึ่ง ประหนึ่งว่ามีลำแสงเข้มข้นสาดตรงมายังแผ่นหลังของกู้ซีเฉียว แต่เพราะเธออยู่ในเกราะกำบังที่ระบบสร้างขึ้น เธอจึงไม่รับรู้ถึงสายตาคู่นั้น
ไม่นานรถก็ขับมาถึงโรงพยาบาล กู้ซีเฉียวกระโดดลงจากรถประหนึ่งกำลังหลบหนีบางสิ่ง เหงื่อเย็นชุ่มโชกไปทั่วร่าง ความรู้สึกเข้าใกล้ความตายช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เมื่อลุงคนขับรถเห็นเธอเดินกะเผลกก็รีบเข้ามาประคอง
เมื่อทั้งคู่เดินห่างออกไปแล้ว กระจกหน้าต่างประตูหลังก็ค่อยๆ ลดลง เผยให้เห็นใบหน้าเย็นชาของใครคนหนึ่ง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวหมดจด แววตาขับประกายเย็นเยียบทว่าไม่สื่ออารมณ์ใด จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเม้มลงเล็กน้อย โครงหน้าเรียวคมคายทำให้เขาดูหล่อเหลาเอาการ
นิ้วขาวเรียวขยับสองสามหน ดวงตาสีนิลเป็นประกายแวบหนึ่ง เขาหรี่ตา เนิ่นนานกว่าจะหยิบหนังสือบนขาวางลงบนเบาะข้างๆ เขาเปิดประตูและเดินหายไปในความมืด