พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 39

ตอนที่ 39

บทที่4ตอนที่9

 

 

「เห้ย เควิน ไหวเปล่า?」

 

 

เพื่อนของเควินพูดกับเควินเช่นนั้น

 

 

พวกเขาเดินผ่านป่า จุดประสงค์ก็คือการปราบหมีคลั่ง

 

 

หมีคลั่ง เป็นชื่อของสัตว์อสูรที่บอกว่าเป็นหมีตัวใหญ่ เป็นสัตว์อสูรแรงค์ C แต่ความกังวลของพวกนั้นไม่ใช่หมีคลั่ง

 

 

「ฮัน?」

 

 

「ปล่อยให้กิลด์จัดการไปเหอะน่า พวกไซคลอปส์มันอยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอไง」

 

 

สิ่งที่กังวลก็คือพวกไซคลอปส์ที่เพิ่งพบเห็นในป่าเป็นมอนอันตรายแรงค์ A มันอาจอยู่ใกล้ๆกับพวกเขา หากสังเกตดีๆสมาชิกคนอื่นๆก็กำลังหวาดกลัวอยู่

 

「เฮ้ย ช่างมันเหอะน่า พวกนั้นก็บอกแล้วว่ามันอยู่ในส่วนลึกของป่า อาจจะเห็นมันหลงฝูงก็ได้ ถ้ามาแค่ตัวเดียวน่ะไม่ยากเย็นหรอก」

 

 

「……อืม ก็จริงนะ……」

 

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเควินจะไม่โกรธกับสมาชิกที่ทำท่าทางหวาดกลัวไซคลอปส์ แน่นอนเขาเป็นถึงคนที่มีความสามารถมากที่สุดในสถาบัน ความสามารถและความมั่นใจในตัวเอง แม้จะดูเย่อหยิ่งไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ได้เขาคอยจัดการทั้งนั้น

 

 

「เน่! ถ้ากลัวจะกลับบ้านก็ได้นะ」

 

 

「มะมะไม่ได้กลัวสักหน่อย!! ไม่เป็นไรหรอก!」

 

 

「ฮัน! ไม่เป็นไรหรอกน่า」

 

 

เควินเดินหน้าต่อไปขณะที่ยังหัวเราะเยาะเหล่าสมาชิกที่ไม่สบายใจ เควินยังคงมั่นใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม้ท่าทางจะดูแย่ แต่ในฐานะผู้นำเขาแข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างมาก

 

 

「อืม?」

 

 

เควินที่เดินนำหน้าอยู่ก็หรี่ตาลงและมองไปรอบๆ หูสีเงินซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าหมาป่าสีเงินกำลังเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล และจมูกเองก็กำลังทำงานเหมือนกัน

 

 

「เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เควิน?」

 

 

「อย่าเข้ามา…………」

 

 

เมื่อหนึ่งในสมาชิกพยายามเข้าหาเควินตะโกนเสียงดังบอกว่าไม่ให้เข้ามา

 

 

ในเวลานั้นเอง พวกทหารในชุดเกราะก็ปรากฏตัวขึ้นตรงพุ่มไม้

 

 

โล่และชุดเกราะของพวกเขาถูกสลักตราของเมืองอัลคาซัม เป็นผู้พิทักษ์แห่งอัลคาซัม

 

 

「นี่เจอพวกนักเรียนของสถาบันโซลมินาติ…นี่พวกนายไม่ได้ยินรายงานของกิลด์งั้นเหรอ? ที่นี่มันอันตรายกลับเข้าเมืองไปซะ」

 

 

「หะ! ทำไมต้องมาฟังที่แกพูดด้วยวะ」

 

 

เมื่อพวกทหารเจอพวกเควินก็รีบไล่กลับเมือง แต่เควินละเลยคำเตือนของพวกเขา

 

 

ท่าทีที่ไม่เคารพพวกเขารบกวนจิตใจเหล่าทหารอย่างมาก และน้ำเสียงของเขาเริ่มมีอารมณ์มากขึ้น

 

 

「พวกเราเป็นคนดูแลเรื่องนี้ นักเรียนอย่างพวกเธอไม่มีปัญญาจัดการไซคลอปส์ได้หรอก」

 

 

「นั่นมันก็เรื่องของแกสิวะ ไม่ได้เกี่ยวกับข้าสักหน่อย」

 

 

ทหารยังคงเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่เควินก็ไม่ได้ลดละท่าทีลงเลย มันยิ่งทำให้เหล่าทหารปวดหัวกันไปใหญ่

 

 

◇◆◇

 

 

「แม้ว่าพวกนายจะอยู่ที่นั่นก็มีแต่ตายเปล่า กลับบ้านไปซะ!」

 

「เหอะ!ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาฟังคนที่ต้องใช้จำนวนคนเข้าว่าจัดการไซคลอปส์หรอก」

 

「ไม่ต้องกลัว! ถ้ายังพูดจาแบบนั้นอีกละก็พูดจาเห็นแก่ตัวแบบนี้ เดี๋ยวปัดจับเข้าคุก!!」

 

「ก็นะ! ถ้าทำได้ก็ลองดู「พอแค่นั้นแหละ……」!!」

 

「ท่านจิฮัด……」

 

 

เขาคิดว่าเหล่าทหารน่าจะพูดคุยได้ราบรื่นแท้ๆ ทันใดนั้นนักรบที่มีดาบใหญ่พาดหลังอยู่ก็พุ่งมาทางนี้ ผมสีดำแกมขาวมีผิวคล้ำและใบหน้ามีรอยแผลลึก

 

 

แม้ว่าเขาจะอายุประมาณ 40 กว่าปีแล้ว แต่ดวงตาอันแสนเฉียบคมและร่างกายที่มองเห็นได้ภายใต้เกราะสีเงินนั้นถูกปลุกคลุมไปด้วยร่างกายอันหนาแน่น จิตวิญญาณของเขายังดูเหมือนคนอายุ 20 ยังได้

 

 

จิฮัด・รัลเดล

 

อัศวินที่อยู่ในกลุ่มอัศวินเงินสีรุ้ง เขาเป็นหนึ่งในนักดาบชั้นนำของทวีปและมีฉายาว่า “กรามค้าง”

 

 

เขายังเป็นคนสอนที่สถาบันโซลมินาติ และยังเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในอาร์คาซัม

 

 

ครั้งนี้เอง อัศวินเงินสีรุ้งได้รับข้อมูลจากกิลด์ว่ามีไซคลอปส์ปรากฏตัวขึ้นเลยส่งพวกเขามาจัดการอันตรายแถวนี้

 

◇◆◇

 

 

「ต้องขอโทษด้วยนะคุณเมาส์ นักเรียนของข้าทำให้ลำบากสินะ」

 

「ไม่หรอกครับ ท่านจิฮัด……」

 

「ความผิดของลูกศิษย์ก็เป็นความผิดของอาจารย์เช่นกัน ดังนั้นโปรดยกโทษให้ด้วยเพราะข้าเป็นคนดูแลเจ้าพวกนี้เอง」

 

 

จิฮัดคำนับกัปตันป้องกันเมืองอย่างเมาส์ด้วยใจจริง

 

กัปตันเมาส์ที่ทำท่าทางหวาดกลัวกับนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ในทวีปอาร์คาซัมเมื่อ 10ปีก่อนผู้หยุดการรุกรานครั้งใหญ่

 

 

มีอิสระในการเข้าป่า แต่ถ้าตายก็ไม่มีสิทธิโทษใครได้ ต้องยอมรับความเสี่ยงเอง ไม่ว่าจะใครก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าคนๆนั้นบอกถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ฟัง แต่ว่าช่วยไม่ได้

 

 

「……เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นจะฝากให้คุณจิฮัดดูแลพวกนั้นเอง」

 

「ขอบคุณมากครับ・・・・・・พวกเจ้าจะตามมาก็ได้แต่หากเกิดอันตรายอะไรขึ้นมาให้รีบทำตามคำแนะนำของข้าทันที」

 

 

หลังจากเขาขอบคุณเมาส์เสร็จก็หันมาทางเควินและเตือนพวกเขาอีกครั้ง

 

 

บางทีพวกนักเรียนเองก็คงเข้าใจสถานการณ์จึงพยักหน้า

 

「เควินแกเองก็ด้วยนะ。」

 

「หืมมม………เอางั้นก็ได้」

 

จิฮัดถามเควินอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

 

 

เควินรับปากจิฮัดนั้นแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเป็นอย่างมาก เลยยอมรับอย่างเชื่อฟัง

 

「เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไปกัน……」

 

ถ้าทำตามคำแนะนำก็ไม่มีอะไรต้องพูดเยอะ จิฮัดเริ่มเดินเข้าไปในป่าลึก เควินและเมาส์เองก็เดินตามเขาไป

 

 

ในส่วนลึกของความมืดมิด ราวกับว่าความมืดจะปกคลุมตลอดไป

 

◇◆◇

 

 

ยักษ์ทั้งสามกำลังวิ่งเข้าหาชายหนุ่ม

 

 

กำแพงเนื้อที่เรียงตัวกันจนพื้นสั่นสะเสือนและวิ่งมาเหมือนดั่งคลื่น

 

ความรุนแรงของมันทำให้ฝุ่นปกคลุมบริเวณโดยรอบซะหมด

 

 

แม้แต่นักผจญภัยระดับสูงยังต้องหวาดหวั่นกับจิตสังหารที่อยากจะฆ่าของเหล่ายักษ์พวกนี้

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุมองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยชา

 

จิตใจอันเร่าร้อนกำลังลุกโชน

 

โนโซมุเปรียบเป็นโคลนภายในลาวา และอารมณ์ก็กำลังปะทุขึ้นเป็นแม็กม่า ตอนนี้ยักษ์ตรงหน้าเทียบได้กับเส้นผมเท่านั้นเอง ตัวเขาที่เจอเจตนาฆ่าขนาดนี้แต่ยังมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย

 

 

“…3.4.5 ในตรงต้นทาง?  ที่เหลือคือด้านขวา 2 และทางด้านซ้ายมี 3 ตัว……”

 

 

โนโซมุเห็นกำแพงเนื้อขนาดใหญ่กำลังเข้าใกล้ตัวเอง แต่ตัวเขาก็ยังคงใจเย็นอยู่ แม้ว่ามันจะกลายเป็นเนื้อสับในอีกไม่กี่วิก็เถอะ เขาคิดว่าจะจัดการกับยักษ์ตรงหน้านี่ยังไง

 

ตอนนี้เขาไม่มีความลังเลอีกต่อไปและเขาปลด “พันธนาการ” ออกแล้วสมาธิของเขานั้นสูงมากความคิดถูกเร่งจนถึงขีดสุด ทำให้เหมือนกับเวลาตรงหน้ามันช้าลง

 

ในโลกนี้มีโนโซมุที่คิดวิธีการหลากหลายเส้นทางในหัวของเขาว่าจะจัดการกับพวกมันยังไง ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที

 

พลังงานจำนวนมากบีบอัดอยู่ที่ดาบคาตานะ มันบีบอัดมากเสียจนใบดาบส่องแสงประกายเจิดจรัส

 

ระยะห่างระหว่างยักษ์กับโนโซมุเหลือไม่กี่เมตร มันเป็นระยะที่ยักษ์ที่มีพละกำลังถึงสองเท่าเคลื่อนไหวไม่ถึงวิด้วยซ้ำ

 

ยักษ์เหล่านั้นที่มาล้อมรอบ ความตายของโนโซมุที่กระชั้นชิด

 

◇◆◇

 

 

แต่ว่าวินาทีถัดมาโนโซมุชิงลงมือ

 

 

พื้นดินที่เขาเหยียบอยู่แตกกระจายและเขาก็เร่งความเร็วทันที เข้าหาศัตรูก่อนที่มันจะเข้าหาและไปโผล่ทางด้านซ้ายมือของยักษ์เหล่านั้น

 

พวกมันตกใจรีบเหวี่ยงกระบองมาทางโนโซมุทันที

 

“ดวงตาแห่งความบ้าคลั่ง”กล้ามเนื้อที่ส่งเสียงหนาแน่นพลังเพิ่มขึ้นสองเท่าและกระบองก็ถูกเหวี่ยงมา

 

แม้ว่าจะด้อยกว่าไซคลอปส์ทั่วไป แต่มันก็มีพลังพอที่จะฆ่าคนๆเดียว

 

 

อย่างไรก็ตาม โนโซมุฟันมันทิ้งทันที

 

กระบองที่ควรจะทุบศีรษะโนโซมุจนแหลกละเอียดกลับกระเด็นออกไปเพราะโนโซมุออกแรงฟันด้วยมือข้างหนึ่ง

 

 

โนโซมุมองดูไม้กระบองที่กระเด็นออกไปและคราวนี้เขาเสริมพลังไปที่ฟักดาบอีกข้างแล้วปล่อยคมดาบออกไป

 

 

ฝักดาบที่ถูกฟันออกไปกระแทกเข้ากับข้อศอกของไซคลอปส์ ข้อต่อของมันแตกและแรงกระแทกนั่นก็ทำให้แขนมันงอเหมือนท่อนซุง

 

 

นอกจากนี้แขนที่สูญเสียข้อต่อก็โดนโนโซมุกระโดดขึ้นไปและใช้วิชาดาบ “คมดาบผ่ามายา-หวนคืน-”ตัดร่างของมันเป็นสองส่วนและตัดอีกสองร่างเป็นสองท่อนพร้อมกับไม้กระบองที่มันถือ

 

 

โนโซมุใช้ก้าวพริบตามุ่งเข้าหาไซคลอปตรงกลางอีก 5 ตัว

 

ไซคลอปตรงหน้าทั้งห้าตัวต่างฟาดไม้กระบองเพื่อพยายามฆ่าโนโซมุ แต่โนโซมุเคลื่อนไหวด้วยท่าทางอันแสนซับซ้อนด้วยความเร็วสูงและใช้ก้าวพริบตาดาบเริงระบำ หลบไม้กระบองได้อย่างง่ายดาย

 

 

◇◆◇

 

 

จุดประสงค์ของโนโซมุคือการใช้ความเหลื่อมล้ำทางกายภาพระหว่างคู่ต่อสู้กับเองจัดการศัตรูแต่ละตัว

 

สิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อยกำลังดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่

 

แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตัวนี้จะไม่สามารถเอาชนะตัวใหญ่ได้ นั่นก็เพราะว่าความสามารถของเจ้าตัวน้อยมันไม่ธรรมดา

 

ความต่างของกำลังนั้นห่างกันอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน การได้สู้ตัวต่อตัวเก่งกว่าในด้านความคล่องตัวและความเร็วที่มีมากมาย มันทำให้ร่างกายและความคิดของพวกมันตามไม่ทันกัน

 

การเคลื่อนไหวของโนโซมุตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและความคิดจนถึงขีดสุดและความสามารถทางกายภาพที่สูงกว่าเหล่ายักษ์ไปแล้ว

 

 

 

แม้จะโดน 5 ต่อ 1 แต่ก็ไม่หวั่น

 

พวกมันไม่สามารถตอบสนองต่อการโผล่มาของโนโซมุในทันที

 

โนโซมุฟันร่างทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยดาบทั้งสองข้างและแทงเข้าไปในร่างกายของพวกมัน

 

พวกมันพยายามสลัดออกและพยายามไล่โนโซมุออกไป แต่โนโซมุที่เห็นวิถีของกระบองที่ฟาดมานั้นช้าจนผิดปกติ และโนโซมุก็ตอบสนองมันเหมือนปกติ

 

หลังจากอ่านวิถีเสร็จเขาก็วิ่งไต่ขึ้นไปบนกระบองขึ้นไปบนไหล่ของตัวยักษ์

 

 

มันพยายามจะจับตัวโนโซมุที่วิ่งไต่ขึ้นไป

 

 

โนโซมุพุ่งเข้าใส่ยักษ์ที่มีพลังมหาศาล มันพยายามกดดันโนโซมุและมันพยายามจะออกวิ่งเพื่อสลัดตัวโนโซมุให้หลุด

 

ไซคลอปส์ที่พยายามจะหยุดโนโซมุต่อยเข้าไปที่เขาแต่ว่าก็กลายเป็นเนื้อสับไปแล้ว

 

 

◇◆◇

 

 

ร่างของยักษ์ปลิวไปกับแรงกระแทกของหมัดตัวเอง เขาอยู่ตรงนั้นและหมัดเองก็จ่อหน้าเขาอยู่แต่ว่ามันไม่โดนโนโซมุเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ผันผวน”

 

เทคนิคทำลายอวัยวะภายในเช่นเดียวกับวิชาคิ “ขาดสะบั้น” ร่างกายที่ถูกโจมตีไปที่ขา สะโพกและลำตัว

 

 

แรงกระแทกทั้งหมดนั่นกระแทกเข้าไปที่ลำตัวจนกลายเป็นคลื่นกระแทกและแทรกซึมเข้าไปในร่างของฝ่ายตรงข้ามจนอวัยวะภายในถูกทำลาย

 

 

มันเป็นเทคนิคทางร่างกายตรงๆ ไม่ใช่เทคนิคคิและไม่มีการเปิดใช้งาน นอกจากนี้มันเป็นเทคนิคที่ยากจะป้องกันเพราะมันโจมตีได้สมบูรณ์แบบ

 

เดิมทีปกติมันเป็นเทคนิคของวิชาดาบ มันถูกใช้เวลาใช้ดาบไม่ได้และถึงแม้จะเป็นการยากที่จะฟาดเข้าไปอย่างแรง แต่มันเป็นเทคนิคที่อุ่นใจได้มากในสถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้ดาบได้

 

 

ไซคลอปส์ที่โดนเทคนิคนี้เข้าไปร่างกายแหลกสลาย ทำให้มันตายในทันที

 

 

 

「อั่ก!」

 

ทันใดนั้นเองเลือดก็พุ่งออกมาจากไหล่ของโนโซมุ เลือดไหลอยู่ใต้เสื้อผ้าของเขา

 

 

นี่ไม่ใช่จากหมาป่าหรือไซคลอปส์แต่มันเป็นเพราะพลังของเทียแมทที่เกินควบคุมจนเปิดปากแผล

 

 

 

พลังของเทียแมทที่โนโซมุใช้นั้นมันมากกว่าพลังของดราก้อนสเลเยอร์คนอื่นๆ

 

 

พลังของมันไม่เหมาะกับมนุษย์เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีความสามารถแต่ก็จะถูกมันกลืนกินหากไม่มีความสามารถในการ “พันธนาการ”ไว้

 

 

 

จนถึงขณะนี้ หลังจากปลด “พันธนาการ”โนโซมุก็พยายามควบคุมมันมาตลอด แต่ว่าพลังนี่มันก็จะทำลายร่างกายของเขาทุกครั้ง เขาควบคุมมันได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

 

 

แต่ตอนนี้มันเกินควบคุมไปแล้ว เขาลืมไปด้วยซ้ำที่จะควบคุมมันและพลังนั่นก็เริ่มกลืนกินร่างกายเขา

 

บางทีเพราะมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดแทรกซึมเข้ามาทำให้เขาเริ่มที่จะเริ่มกลับมาควบคุมมันอีกครั้ง ไม่งั้นการดำรงอยู่ของตัวตนที่ชื่อโนโซมุได้หายไปจากโลกนี้แน่

 

 

 

 

「「「「「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!」」」」」

 

ไซคลอปส์ทั้งห้าที่โนโซมุทิ้งไว้ด้านหลังพุ่งเข้ามาและมันก็เริ่มฟาดกระบองใส่โนโซมุ

 

โนโซมุปัดป้องกระบองที่ถูกฟาดมาด้านหน้าด้วยมือเปล่าและผลักมันไปกระแทกกับกระบองที่มาทางซ้าย

 

เสียงคำรามเกิดดังก้องไปทั่วการปะทะของกระบองสองอันส่งแรงสั่นสะเทือนมหาศาล แต่โนโซมุก็จัดการกับการโจมตีทางขวาโดยไร้ซึ่งความกังวล

 

กระบองที่ถูกซัดไปด้านข้างก็แตกออกโนโซมุหยิบดาบขึ้นมาฟันจนกระบองแตก

 

โนโซมุฟันทะลุร่างของเหล่ายักษ์ที่กำลังตะลึงกับกระบอกที่แตกไป ไซคลอปส์อีกสองตัวก็โดนฟันไปพร้อมๆกัน

 

ยักษ์สามตัวแยกเป็นหกส่วนและกลิ้งลงไปกับพื้น

หลายสิบวินาทีผ่านไปยักษ์เจ็ดตัวถูกสังหาร

 

 

ไซคลอปส์ที่เหลืออีกสองตัวพุ่งเข้าหาโนโซมุ โนโซมุเห็นภาพตรงหน้าก็ส่งพลังลงไปในฝักดาบ

 

 

การที่โนโซมุอัดแน่นพลังไว้ในฝักดาบนั้นจนแขนของเขาฉีกออกมาเลือดพุ่งออกมาจากบาดแผล แต่โนโซมุก็กระแทกหมัดลงพื้นโดยไม่ลังเล

 

คิ“ระเบิดทำลายล้าง”

 

กระแสวิญญาณที่พัดผ่านต่อหน้าผืนดินของเหล่ายักษ์ ไซคลอปส์ที่วิ่งมาไม่หยุดก็โดนเสาไฟอันแสนบริสุทธิ์เผาไหม้จนเสียชีวิต

◇◆◇

(จัดการเศษสวะหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ไซคลอปส์เท่านั้น…………)

 

ไซคลอปส์ทั้งหมดตายลง และโนโซโมุก็กลั้นหายใจพร้อมกับวิ่งไปพร้อมกับร่างที่ฉีกขาดตามส่วนต่างๆ เลือดจำนวนมากกระฉูดออกจากร่าง แต่โนโซมุไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

 

 

โนโซมุสัมผัสได้ถึงแสงสีแดงสดตรงหน้าที่ฉายอยู่ตรงหน้า เทียแมทกำลังอาละวาดอยู่ในตัวเขา จนทำให้เขาอยากอาละวาดออกมา

 

“ฝากทุกอย่างไว้ที่ข้า ปลดปล่อยมันออกมาซะ ทุกอย่างที่ตรงหน้า ข้าจะเผามันให้เป็นจุล!”

 

 

โนโซมุและ “หมอนั่น”เข้ากันได้ดีกว่าที่เคยและเสียงที่ก้องอยู่ในใจของผมก็เหมือนกับจะหลอมรวมตัวเขากับผมให้เป็นหนึ่งเดียว ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าตัวผมเป็นใครเป็นเขาหรือตัวผมในตอนนี้

 

 

หัวใจเต้นรัวขึ้นและพลังมันพุ่งพล่านมากกว่าที่เคย ทุกครั้งที่หัวใจเต้น ราวกับชีวิตของโนโซมุกำลังจะตายจากเพราะเลือดจำนวนมาก บาดแผลนั้นกลายเป็นรอยแกะสลักและลุกจนเป็นไฟ และเขาก็เริ่มรู้สึกที่จะสบายตัวมากขึ้น

 

 

โนโซมุจ้องมองไปยังไซคลอปส์อีกสามตัวที่เหลือ

 

ไซคลอปส์ที่ควรจะบ้าคลั่งไปแล้วมันกำลังอยู่ในท่าทางสับสน

 

แต่ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรด้วย โนโซมุผลักดันตัวเองในทันทีและแผลใหม่ก็ผุดขึ้นที่ขา

 

จากทั้งสามมีสองตัวที่พุ่งมาด้านหน้า แต่มันสายไปแล้ว

 

โนโซมุที่เร็วยิ่งกว่าไซคลอปส์ที่เหวี่ยงกระบองลงมา เขาย่องไปยังพื้นที่โจมตีของตัวเองและเขาก็ฟันแขนทั้งสองข้างของมันทิ้ง แขนนั้นปลิวไปตามลมพร้อมกับกระบองนั่นและดาบที่ย้อนกลับมาก็ฟาดฟันไปที่อกมันอย่างรวดเร็ว

 

การฟันของโนโซมุทะลุหน้าอกที่หนาราวกับแผ่นเหล็ก แต่แผลมันตื้นจนไม่น่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

 

ทันใดนั้นรอยฟันที่โนโซมุปล่อยออกไปก็ตัดผ่านหน้าอกจนแผลขยายออกทันที เมื่อผืนพิวของแผลเปิดใหญ่ขึ้นก็มีคมดาบนับไม่ถ้วนฟาดฟันเข้าไปไม่ยั้ง

 

 

 

คิ“ปัดฝุ่น”

 

หาก “คมดาบลวงตา”เป็นการฟาดฟันที่ฟันศัตรูจากสองทิศทางเทคนิคนี้ก็เป็นการฟันที่จะฉีกกระฉากร่างของคู่ต่อสู้ออกมา ใบมีดที่ปล่อยไปยังกล้ามเนื้อมันจะขยายออกและกลายเป็นเหมือนเข็มนับไม่ถ้วนฟาดฟัน มันเป็นเหมือนกับการขูดร่างของคู่ต่อสู้เหมือนตะไบ

 

ไซคลอปส์ที่ถูกฉีกหน้าอก นั้นจนกล้ามเนื้อและซี่โครงหน้าอกหายไปด้วยการ “ปัดฝุ่น”

 

 

ปอดและหัวใจของมันร่วงหล่นออกมาและไซคลอปส์ก็ล้มลงพร้อมกับเลือดจำนวนมาก

 

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุกระโจนเข้าหาไซคลอปส์ตัวอื่นและกระแทกหน้าของมัน หักกระดูกคอของมันและกระโดนข้ามหัวและขึ้นไปบนหลัง

 

 

 

เมื่อลงจอดบนหลังยักษ์อีกตัวก็ฟาดดาบเข้าไปที่หลังของมัน

 

 

พลังงานที่ถูกอัดและแรงกระแทรกนั่นทำลายอวัยวะภายในของไซคลอปส์ อวัยวะภายในถูกระเบิดออกมาและกระเด็นไปทั่ว

 

 

 

(ตัวสุดท้ายแล้วสินะ…………)

 

โนโซมุเผชิญหน้ากับไซคลอปส์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ขณะที่ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือดและแผลที่เกิดขึ้นจากการใช้พลังของดราก้อนสเลเยอร์

 

 

「โอววววววววว! โฮวววววววววววววววววววววว!」

 

 

เสียงคำรามของไซคลอปส์ตัวสุดท้ายท่ามกลางแสงดาวอันระยิบระยับ จะกลัวสัตว์อสูรตัวกระจ้อยตรงหน้าหรือพยายามจะข่มขวัญเพื่อสร้างแรงใจให้กับตัวเองเพื่อข่มความกลัวนั่น

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุอ่านใจมันไม่ออกหรอกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้คือกำจัดทิ้งซะ

 

 

 

 

「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!」

 

 

ไซคลอปส์พุ่งเข้าโนโซมุด้วยเสียงคำรามดังลั่น มันทำไปเพราะเพื่อข่มขู่ศัตรู แม้มันกำลังคลั่งแต่มันก็ไม่สามารถเอาชนะศัตรูตรงหน้าได้

 

แต่มันก็ไม่หนี เพราะอยากแก้แค้น คลั่ง หรือทำตามสัญชาตญาณ

 

ไม่มีใครรู้เหตุผลของมัน

 

โนโซมุเองก็ไม่รู้ เพราะนี่คือสนามรบ เขาไม่มีเวลามาสนใจเหตุผลของฝ่ายตรงข้าม เพราะที่แห่งนี้ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า

 

 

มือของโนโซมุจับด้ามดาบที่เก็บเขาฝัก ในเวลาต่อมา แขนข้างหนึ่งของยักษ์ก็โดน “แฟนท่อม” ฟันทิ้ง

 

 

「ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!」

 

 

อย่างไรก็ตามมันไม่สนแขนที่ขาดออกไปและยังเข้าหาโนโวมุ

 

 

อย่างไรก็ตามมันเดินมาก็โดน “คมดาบมายา-หวนคืน-”จนแขนขาดอีกข้าง

 

แขนขาดทั้งสองข้างแต่มันก็ไม่ยอมแพ้

 

 

ไซคลอปส์เริ่มพุ่งมาทางโนโซมุและพยายามโจมตีเขา

 

 

“อย่างน้อยก็ขอชมเชยให้ละกันเจ้าเศษสวะ!!”

 

 

มันตะโกนก้องและพุ่งเข้ามาหาและดูเหมือนว่าโนโซมุจะเผลอพูดภาษาสัตว์อสูรออกไปโดยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตามเสียงนั่นก็ไปไม่ถึงมัน

 

 

โนโซมุเอามือสองข้างจับสะโพกและส่งพลังงานจำนวนมากจนบีบอัดแน่น

 

 

เทคนิคนี้ถูกปลดปล่อยออกมาหลังจากมันเข้าใกล้โนโซมุได้ไม่กี่ก้าว

 

คิ“ปืนใหญ่”

 

กระแสของพลังงานที่ถูกบีบอัดและปล่อยออกมาในทิศทางเดียวกับไซคลอปส์ที่เข้ามาทางโนโซมุ และร่างยักษ์นั่นก็ปลิวไปทันที

 

 

ไซคลอปส์กระแทกลงกับพื้น แขนทั้งสองข้างที่ขาดไปแล้ว พยายามลุกขึ้นโดยใช้ร่างกายท่อนยบน และภาพสุดท้ายที่เห็นคือสัตว์อสูรตัวน้อยที่กำลังถือดาบคาตานะอยู่

 

◇◆◇

 

 

โนโซมุส่งพลังจำนวนมากไปยังดาบและบีบอัดมันจนแน่น

 

 

เขาแทงออกไปด้วยมือข้างเดียวราวกับถือคันธนูที่เล็งเป้าและปิดฉากมันด้วยการโจมตีเดียว

 

 

พลังมหาศาลที่ปลดปล่อยอยู่ทั่วร่างโนโซมุทำให้บรรยากาศรอบๆมีเสียงดังสนั่นไปทั่ว แต่โนโซมุไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย

 

 

ร่างของโนโซมุจมดิ่งลงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ระเบิดเสียงคำรามอยู่รอบพื้นตรงหน้าของไซคลอปส์

 

ตอนนั้นเองดวงตาของพวกเขาสบกัน ดวงตาของยักษ์หยุดคลั่งแล้ว พวกเขาต่างจ้องมองกันและกันมองไปยังสิ่งมีชีวิตตรงหน้า โนโซมุที่เห็นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย

 

ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า

 

 

การเผชิญหน้าชั่วขณะชีวิตอันแสนยาวนาน

 

 

คิ“ทะลวงแก่นแท้”

 

โดยไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ โนโซมุจึงปลดปล่อยลูกธนูที่ง้างเอาไว้

 

 

◇◆◇

 

 

ไซคลอปส์ตายจากการโดนโจมตีด้วย “ทะลวงแก่นแท้” ที่ผมปล่อยออกมาจนทะลุหลังมันและระเบิดออก ยังไงก็ตามมันเกิดเป็นรูยักษ์ขนาดใหญ่

 

 

“ทะลวงแก่นแท้”

 

เป็นการประสานวิชาของ “คมดาบลวงตา”กับ”ปัดฝุ่น”เข้าด้วยกัน ใบมีดอัดอากาศอันรุนแรงจะพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม จากนั้น”ปัดฝุ่น”ก็จะถูกใช้งาน มันเป็นเทคนิคที่อันตรายอย่างยิง เพราะคนที่โดนฟันจะเกิดบาดแผลทั่วร่างกายนับไม่ถ้วน

 

 

 

ทำไมตอนนั้นหมอนั่นถึงได้หลุดจากสภาพบ้าคลั่ง

 

ยอมแพ้ยังงั้นเหรอ? หรือมีเหตุผลอื่น?

 

ผมเองก็ไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ทำเต็มที่แล้ว อย่างน้อยผมก็สู้กับมันเหมือนที่สู้กับเทียแมท

 

แต่ทำไม หมอนั่นจึงไม่ดิ้นรนจนถึงที่สุด ทำไมถึงไม่รักชีวิตตัวเองกันเลย…………。

 

ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนหน้านี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเหตุผลเหล่านั้น

 

 

「…………อาาาาา……」

 

ทัใดนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าที่ย้อมเต็มไปด้วยเลือด โศกนาฏกรรมที่ผมก่อขึ้นกับพวกเหล่าไซคลอปส์และหมาป่าด้วยตัวคนเดียว

 

ร่างกายของไซคลอปส์จำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว มีทั้งที่ส่วนบนส่วนล่างแยกจากกัน มีทั้งตัวที่ลำตัวเป็นรู มีทั้งตัวที่อวัยวะภายในหายไปจนหมด ตัวที่ถูกเผาทั้งตัว และอีกมากมาย แต่ละศพต่างตายด้วยวิธีการอันแสนโหดเหี้ยม

 

 

เลือดที่ไหลออกมาจากศพเหล่านั้นย้อมพื้นที่โดยรอบให้เป็นสีแดงสด เกิดเป็นบ่อเลือดขนาดใหญ่

 

ความฝันสีแดงสดนั้นย้อนเข้ากลับมาในหัวอีกรอบ

 

 

กลิ่นของเลือดทั่วทั้งเมืองอาร์คาซัมและคนคุ้นหน้าที่ถูกเผาตาย

 

สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าขึ้นบ่อเลือดขนาดใหญ่และตัวผมที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดสดๆ

 

 

ทั้งสองเป็นภาพแห่งความมรณาที่ไม่สามารถจะพรรณาได้

 

 

 

「อั่กกกกกกก!!! อ๊ากกกกก!!」

 

ผมรู้สึกอยากจะอาเจียนสิ่งที่อยู่ในท้องออกมาอย่างรุนแรง ผมทนไม่ไหวแล้ว คุกเข่าลงและพ่นสิ่งของต่างๆมากมายในท้องลงไปในบ่อเลือด

 

 

รสเปรี้ยวกระจายไปทั่วทั้งปากและกรดในกระเพาะที่กำลังเผาผลาญลำคอ

 

 

「หึ หึ หึ หึ หึ……」

 

ความรู้สึกอยากอาเจียนมันยังไม่หายไปแม้ว่าจะพ่นทุกอย่างออกมาจนหมดแล้ว แม้แต่น้ำย่อยในกระเพราะอาหารก็ปล่อยออกมา

 

 

 

「ตัวผม เป็นอะไร……」

 

 

 

“อยากแข็งแกร่งไม่ใช่เหรอ?”

 

ผมเองคิดแบบนั้นอย่างแน่นอน ผมต้องการสนับสนุนความฝันของลิซ่าและพยายามแข็งแกร่งขึ้นเพื่อสิ่งนั้น นับแต่นั้นเป็นต้นมาหลังจากเกิดเรื่อง ก็หนีมาตลอด แต่อย่างน้อยก็อยากจะแกร่งขึ้นจริงๆ

 

 

เมื่อมองมือทั้งสองข้างที่เปื้อนเลือดและอาเจียนออกมา

 

 

มือของฆาตกรที่ฆ่าทุกอย่างไม่เลือกหน้าเพราะกิเลสของตัวเอง

 

 

แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ไม่ได้อยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเป็นแบบนี้

 

 

ถึงจะหนี แต่อย่างน้อยก็ไม่อยากจะพรากชีวิตของผู้อื่นไปทั่ว!!

 

 

 

「สำหรับผมแล้ว………ถ้าเป็นแบบนี้ละก็………………ไม่อยากจะแข็งแกร่งขึ้นหรอก…………」

 

 

ร่างของผมทรุดลงไปในทะเลเลือด ผมถูกอารมณ์กลืนกินจนทำลายซึ่งเหตุผลไป และจิตสำนึกของผมในตอนนี้ก็โดนความมืดพรากไปแล้วเช่นกัน

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท