ตอนที่ 26 สายเข้า
[เฮ้ จะไม่สนใจกู้ซีจิ่นจริงๆ หรือ จากที่ฉันเห็น เธอน่าจะกำลังคิดไม่ดีกับภาพวาดนั้น]
“ช่างเถอะ อยากรนหาที่ขนาดนั้น เธอเองก็ห้ามไม่อยู่หรอก” กู้ซีเฉียวล้วงมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋า ส่วนอีกข้างม้วนกระดาษเป็นท่อนยาว ก้าวเดินเชื่องช้าไปตามทาง ไม่กังวลถึงภาพวาดสีน้ำมันเลยสักนิด
เมื่อชาติที่แล้ว หล่อนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็เพราะภาพวาดของตน แต่ชาตินี้ อย่าแม้แต่จะคิด! หากกู้ซีจิ่นคิดจะทำแบบนั้นล่ะก็…
อืม เธอจะจับหงส์มาถอนขนให้ดู… หญิงสาวตั้งตารออย่างมาก
ขณะที่เธอเดินกลับมาถึงห้องศิลปะ กู้ซีจิ่นก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ทั้งห้องเงียบสงัดประหนึ่งว่าไม่เคยมีใครเข้ามาในนี้ กู้ซีเฉียวเห็นดังนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก เธอเก็บอุปกรณ์วาดรูปเตรียมจะกลับ แต่โทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้นอีกครั้ง เธอหยิบออกมาดูพบว่าเป็นเจียงซูเสวียน
“พี่เจียง?” หญิงสาวเอ่ย ชายหนุ่มไม่ได้กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว คงเป็นเพราะติดปัญหาบางอย่าง
ขนาดระบบยังตรวจสอบฐานะที่แท้จริงของบุคคลอันตรายจุดสีแดงไม่ได้ เกรงว่าการจะจัดการคงไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเธอเองก็ไม่มีความสามารถที่จะช่วยอะไรได้จึงทำได้เพียงสวดภาวนาให้เขาแก้ปัญหาได้โดยเร็ว
เจียงซูเสวียนพูดอยู่นาน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้จึงทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเหม่อ ชายหนุ่มทั้งเคืองทั้งขำ กล้าเหม่อต่อหน้าเขาอย่างนั้นเหรอ เด็กคนนี้นี่ช่างกล้าดีจริงๆ ชายหนุ่มอดตะโกนเสียงดังไม่ได้ “กู้ซีเฉียว!”
กู้ซีเฉียวหลุดจากภวังค์ทันใด “…ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหมคะ”
ชายหนุ่มนวดบริเวณขมับอย่างจนใจ ความเย็นชาบนใบหน้าคมคายกลายเป็นความอ่อนโยน เขาเริ่มพูดตั้งแต่ต้นใหม่ทั้งหมดอย่างใจเย็น เช่นเรื่องที่กำชับให้เธอดื่มซุปที่ป้าจางตุ๋นให้ให้ตรงเวลาทุกวัน อาหารทุกมื้อต้องกินไม่น้อยกว่าหนึ่งชาม ต้องดื่มนมทุกเช้า…
แม้น้ำเสียงอาจฟังดูเข้มงวด แต่ทว่านัยน์ตาสีหมึกกลับเจือไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากที่เขาวางสาย วัยรุ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มองเขาด้วยสายตาตะลึง
เด็กวัยรุ่นคนนั้นเป็นเด็กในบ้านตระกูลเจียงที่เติบโตขึ้นมาพร้อมเจียงซูเสวียน เขาคุ้นเคยกับบุคลิกแสนเย็นชาของเจียงซูเสวียนเป็นอย่างดี แม้แต่คุณปู่เจียงยังจนใจกับนิสัยแข็งกระด้างของชายหนุ่ม ท่าทางเงียบขรึมเป็นท่อนไม้ แต่ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงได้เปลี่ยนนิสัย “กินข้าวให้ตรงเวลา” เมื่อประโยคที่ควรมาจากปากของคนที่เป็นแม่กลับหลุดออกจากปากคุณเจียง วัยรุ่นหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกผีหลอกเข้าให้แล้ว!
‘กู้ซีเฉียว’ ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นชื่อของผู้หญิง เจียงซูเสวียนควรจะกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อจัดการธุระตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว แต่ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอะไร เขาถึงได้เลื่อนวันกลับออกไปนานหลายวัน และแม้ว่าจะกลับมาที่เมืองหลวงแล้วยังย้ายขอบข่ายงานของตนไปที่เมืองเอ็นอีก ดูท่าอีกไม่กี่วันเขาคงจะกลับไปที่เมืองเอ็นอีกครั้ง เด็กหนุ่มยังคงฉงนหนัก
แต่วินาทีที่สายตาเย็นเยือกของเจียงซูเสวียนตวัดมาทางเด็กหนุ่ม แผ่นหลังของเขาก็ค้อมต่ำลงทันใด เขารู้สึกราวกับมีแรงที่มองไม่เห็นกดทับลงมาจนร่างของเขาแทบทรุดลงกับพื้นเพราะความแตกต่างของพลัง เด็กหนุ่มรีบขจัดความคิดนั้นออกจากหัวทันที
หากว่างจนมานั่งซุบซิบเรื่องของคุณเจียงเขาก็คงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!
……
เช้าวันถัดมากู้ซีเฉียวหยิบแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์เดินออกมาจากบ้าน เด็กสาวเดินเล่นบริเวณใจกลางเมืองและหาที่กดเงินสด
บ่ายนี้เธอจะไปทานอาหารที่บ้านของเซียวอวิ๋น เธอควรซื้ออะไรติดไม้ติดมือไปหน่อยหรือเปล่า ว่าแต่ซื้ออะไรดี เมื่อสองสามวันก่อนเธอแอบถามสถานการณ์ที่บ้านของเซียวอวิ๋น ยังไม่ต้องพูดถึงใบหน้าเย็นเยียบประหนึ่งภูเขาน้ำแข็งนั่น เพราะเมื่อเซียวอวิ๋นรู้สึกสนิทใจกับใคร เธอจะพูดสิ่งที่คิดออกมาโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ฉะนั้นคำพูดเพียงสองสามประโยคของเซียวอวิ๋น กู้ซีเฉียวก็พอจะจินตนาการภาพครอบครัวเธอได้อย่างแจ่มชัด
พี่ชายของเธอรับช่วงต่อธุรกิจขนาดใหญ่ ในบ้านเหลือเพียงปู่ที่ร่างกายไม่สู้ดี ผู้ชอบสะสมของเก่า เธอไม่ได้เอ่ยถึงพ่อแม่ กู้ซีเฉียวก็ไม่ได้ซักไซ้เพราะเกรงว่าจะทำให้เพื่อนรู้สึกลำบากใจ
เด็กสาวเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแต่ยังเลือกไม่ได้ว่าควรจะซื้อของขวัญอะไรจึงตัดสินใจปรึกษากับระบบ
[เฉียวเหม่ยเหริน อย่าเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว] ระบบที่นั่งไขว่ห้างดูอนิเมะอยู่ในพื้นที่เสมือนได้ยินดังนั้นก็บุ้ยปาก
“แบบนี้ไม่ได้เรียกขี้เหนียวสักหน่อย เขาเรียกว่าคิดรอบคอบ เธอจะไปรู้อะไร” ขณะที่กำลังพูดระบบได้มอบหมายภารกิจให้เธออย่างหนึ่ง กู้ซีเฉียวคว้าตัวเด็กวัยรุ่นท่าทางใสซื่อ หยิบกระเป๋าตังออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วยัดกลับเข้าไปในกระเป๋าถือของเจ้าของตัวจริงโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เธอเคลื่อนไหวคล่องแคล่วจนเด็กวัยรุ่นคนนั้นมองตามไม่ทัน กู้ซีเฉียวจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพในเวลาอันรวดเร็วจนเด็กวัยรุ่นคนนั้นเริ่มรู้สึกกลัว เขาพยายามจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่กลับสู้แรงของกู้ซีเฉียวไม่ได้ นี่ขนาดเขาเป็นผู้ชายนะเนี่ย!
สองสามวันนี้เธอใช้เวลาอยู่กับการฝึกวิทยายุทธ์โบราณ ฝีมือของเธอพัฒนาไปมาก กู้ซีเฉียวรู้สึกพอใจกับพละกำลังของตัวเอง เพราะอย่างน้อยในสถานการณ์เช่นนี้เธอไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนแลกซื้อสถานะปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์
หญิงสาวลากตัวเด็กหนุ่มเข้ามาที่มุมอับ เธอยังไม่ทันพูดอะไร เด็กวัยรุ่นคนก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมาก่อน “คุณผู้หญิง มันช่วยไม่ได้จริงๆ แต่ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว คุณเป็นคนมีเมตตาปล่อยผมไปเถอะ!”
“นี่ร้องไห้จริงๆ หรือว่าแสดง” กู้ซีเฉียวเริ่มสนุก เธอยืนกอดอกพิงกำแพง
เสียงร้องไห้ฟูมฟายของเด็กวัยรุ่นหยุดลง เขาเงยหน้า บนหน้าไม่มีน้ำตาสักหยด แสดงละครได้เก่งเหลือเกิน! เด็กวัยรุ่นถามด้วยความระแวง “นี่คุณ…ปล่อยผมแล้วใช่ไหม”
“จากท่าทางเธอน่าจะเป็นเด็กมอปลาย ทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน แต่กลับออกมาเป็นขโมย ถ้าถูกจับส่งตำรวจ ประวัติเธอจะเสีย คนที่เขาไม่มีมือมีเท้า เขายังนั่งขอทานอยู่ใต้สะพานลอย ส่วนเธออวัยวะครบถ้วน มือเท้าก็มี เสียของจริงๆ!” กู้ซีเฉียวชำเลืองไปที่เด็กหนุ่ม
“…ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นสักหน่อย” เด็กหนุ่มนวดคอที่แข็งเกร็ง ใบหน้าเรื่อสีแดง
ขโมยของครั้งแรกแต่กลับถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ จับได้ก็ทำให้เขารู้สึกละอายใจมากพอแล้ว หากคนอื่นรู้เข้าเขาคงต้องเอาปี๊บคลุมหัว!
กู้ซีเฉียวยืดหลังตรง เอื้อมมือไปดึงคอเสื้อของเด็กหนุ่มมาตรงหน้า “เรื่องนั้นฉันไม่สน แต่คราวหลังจะทำแบบนี้อีกหรือเปล่า”
แววตาเป็นประกาย ผิวขาวจัด ริมฝีปากบางสีชมพูเรื่อ ใบหน้าสวยประณีต ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้าของเธอแทบจะไม่มีรูขุมขน เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ เขาฝืนหันคอไปทางอื่น “อือ ไม่ขโมยแล้ว”
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานนี้ แต่วันนี้…ผีต้องเข้าสิงเขาแน่ๆ!
กู้ซีเฉียวยอมปล่อยมือ เธอหยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าด้านหลัง ยัดไว้ที่อกของเด็กหนุ่ม “อันที่จริง โลกนี้สวยงามมาก ดังนั้น…อีกหน่อยก็ตั้งใจหางานทำ ใช้ชีวิตให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน”
เด็กหนุ่มชะงักค้าง มือกำปึกเงินนิ่งไปชั่วขณะ หนึ่งวินาทีหลังจากนั้น เด็กหนุ่มคว้าแขนเสื้อของกู้ซีเฉียวไว้แน่น “ขอเบอร์หน่อย”
กู้ซีเฉียวอยากจะเตะเขาออกไปให้พ้นทาง แต่เมื่อเห็นแววตาแดงก่ำ เธอจึงเลิกคิ้วเป็นสัญญาณให้เขาพูดต่อ
“ก็…ทิ้งเบอร์ไว้หน่อยคราวหน้าจะได้ติดต่อได้”
กู้ซีเฉียวส่งยิ้ม ปัดแขนเสื้อแล้วเดินไปเลือกซื้อของอย่างไม่รีบร้อน เด็กหนุ่มตั้งใจจะถามต่อ แต่เมื่อเงยหน้า หญิงสาวกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว!
เด็กหนุ่มยืนอึ้งอยู่ที่เก่าเป็นนาน หากมือไม่ได้ถือปึกเงินอยู่ เขาคงคิดว่าตัวเองฝันไปแน่ๆ เธอ…หายไปไหนแล้วล่ะ
เมื่อออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า กู้ซีเฉียวใช้คะแนนสามคะแนนแลกซื้อโสมคน โดยที่ไม่รู้เลยว่าโสมคนหนึ่งรากเอาไปทำอะไรได้บ้างถึงต้องใช้คะแนนสะสมมากมายขนาดนี้