ตอนที่ 27 เพื่อน
บ้านตระกูลเซียวอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เธอนั่งรถแท็กซี่เพียงไม่นานก็ถึงจุดหมาย เซียวอวิ๋นคอยอยู่ตั้งแต่เช้า ทันทีที่เห็นกู้ซีเฉียว เธอก็พุ่งตัวเข้าไปต้อนรับ คุณปู่ของเซียวอวิ๋นออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้เขานั่งเล่นอยู่ในสวนเล็กๆ สีหน้าดูดีขึ้นมาก ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด
“ในมือคืออะไรน่ะ” เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้าน เซียวอวิ๋นมองถุงพาสติกสีขาวในมือกู้ซีเฉียวแล้วถามอย่างใคร่รู้
กู้ซีเฉียวก้มลงมองพลางบุ้ยปาก
เธอใช้คะแนนแลกโสมคนมาจากระบบ แต่ระบบกลับไม่ใส่กล่องมาให้ ให้เธอใช้ถุงพาสติกแทน โสมคนในถุงพาสติกคนยังจะเชื่อว่าเป็นโสมคนไหมนะ
“นี่น่ะหรือ เป็นของฝากให้คุณปู่เซียว เป็นโสมป่าอายุร้อยปี” กู้ซีเฉียวยัดถุงพาสติกใส่มือเซียวอวิ๋น เริ่มพล่ามสรรพคุณร้อยแปดพันเก้าของโสมป่าร้อยปี ความจริงเธอรู้ว่ามันเป็นโสมธรรมดาที่มาจากระบบ แต่เพราะมีจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมทำให้รูปร่างดูดีมาก “ระบบ ของที่แลกซื้อมาแล้วคืนได้หรือเปล่า”
เพราะหากเซียวอวิ๋นไม่อยากได้ เธอตั้งใจว่าจะคืน
[ไม่สามารถคืนได้] ระบบไม่อยากสนใจเธอ
เอาเถอะ หากเซียวอวิ๋นโยนทิ้ง เธอค่อยเก็บกลับไปให้ป้าจางดองเหล้าไว้ดื่มก็แล้วกัน
เซียวอวิ๋นรับไปส่งให้พ่อบ้าน “เมื่อวานเพิ่งมีคนเอาเหล้าร้อยปีมาให้ใช่ไหม เอาเหล้านั้นมาดองก็แล้วกัน ถ้าเป็นยาดอง คุณปู่ดื่มนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นอะไร”
“เฮ้ เธอเชื่อจริงเหรอว่านี่คือโสมคน” กู้ซีเฉียวประหลาดใจ ถ้ามีคนถือถุงพาสติกมาให้เธอแล้วบอกว่าในถุงนั้นคือโสมป่าอายุร้อยปี เธอคงตบสักฉาด โสมร้อยปีจะมาอยู่ในถุงพาสติกได้อย่างไร
พ่อบ้านหยิบโสมป่าออกมาจากถุงก่อนจะหัวเราะ “คุณหนูกู้ โสมนี้ยังไงก็ไม่ใช่โสมธรรมดา”
นี่มีความรู้จริงเหรอ กู้ซีเฉียวขยับเข้าไปใกล้ “คุณดูออกด้วยหรือคะ”
“ลุงหัวหน้าพ่อบ้านเคยเรียนหมอ อีกอย่างแค่ดูก็รู้ว่าโสมคนอันนี้ไม่ใช่ของปลอม” เซียวอวิ๋นหรี่ตามองกู้ซีเฉียว แววตารังเกียจที่เพื่อนสาวถามคำถามไร้สาระ
“เธอจะรู้อะไร” กู้ซีเฉียวเดินตามเซียวอวิ๋นเข้าไปหาปู่ของเธอในสวน “ถ้าเก่งขนาดนั้น ไหนลองท่องกวีสู่เต้าหนานให้ฉันฟังหน่อย”
เซียวอวิ๋นชะงักงัน สู่เต้าหนานขึ้นต้นว่ายังไงนะ “แต่ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านนี่”
กู้ซีเฉียวหรี่ตา “พูดมา จะท่องหรือไม่ท่อง”
“สู่เต้าหนาน…”
กู้ซีเฉียวฟังพลางแก้ส่วนที่ผิด เธอทดสอบตัวอักษรจีนของเซียวอวิ๋นบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อเห็นชายชรา สงครามขนาดย่อมของเด็กสาวทั้งสองก็หยุดลง
“คุณปู่เซียว สวัสดีค่ะ” กู้ซีเฉียวส่งยิ้มหวานกว่าปกติให้คุณปู่เซียว
เธอเป็นคนสวย แววตาคล้ายกับมีคลื่นใส ผิวนวลเป็นยองใย รอยยิ้มบริสุทธิ์ ขณะที่เธอย่างเท้า เหมือนมีจิตวิญญาณเบาบางห่อหุ้มร่างของเธอไว้ ใบหน้าสวยจัดเย็นชาของเซียวอวิ๋นกลับถูกเธอกลบรัศมีจนกลายเป็นเพียงไม้ประดับไป คุณปู่เซียวแค่เห็นก็รู้สึกชื่นชอบในทันที ทั้งคู่สนทนากันอย่างยินดี เซียวอวิ๋นยากที่จะแทรกเข้าสนทนาด้วยได้ สุดท้ายเซียวอวิ๋นที่โมโหจึงถือใบงานวิชาคณิตศาสตร์ที่กู้ซีเฉียวนำมาไปนั่งทำโจทย์เพียงลำพัง
“เฉียวเฉียว ได้ยินอาอวิ๋นเล่าว่า ช่วงนี้หนูช่วยติวให้อาอวิ๋นใช่ไหม” คุณปู่เซียวมองเด็กสาวตรงหน้า ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตา อายุแค่นี้กลับเชี่ยวชาญศาสตร์การรักษา คะแนนก็ดี โตไปอนาคตไกลแน่ หากเซียวอวิ๋นอยู่กับแม่หนูคนนี้ เขาก็เบาใจ
กู้ซีเฉียวชงชาให้คุณปู่เซียว แววตาเป็นประกาย “ก็ช่วยๆ กันค่ะ”
อากัปกิริยายามที่เธอชงชาสง่าน่ามองเกินบรรยาย ขั้นตอนถูกต้องครบถ้วนชี้ชัดว่าเธอไม่ใช่คนตื้นเขิน
มองแวบแรกจะรู้สึกว่าเธอหน้าตาดี แต่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์น่าหลงใหล ชาที่เธอชงเจือสีขาวจางๆ
คุณปู่เซียวรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับฝีมือของเด็กสาว “ชงชาก็เก่งเหรอ”
ฝีมือของผู้เชี่ยวชาญด้านการชงชายังสู้เธอไม่ได้
“หนูแค่เคยเรียนตอนเบื่อๆ ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเก่ง แค่ทำท่าเหมือนเซียนก็เท่านั้น” กู้ซีเฉียวหัวเราะก่อนจะรินชาส่งให้ “คุณปู่เซียวดูแล้วมีความสุข หนูก็ยินดี แต่ว่าอย่าคิดจริงจังเลยค่ะ เพราะถึงยังไงหนูก็คงสู้คุณปู่ไม่ได้”
หากมีใครสักคนอยู่ในสภาพเดียวกับเธอ คือถูกกักขังอยู่ในพื้นที่เสมือนจริงเป็นเวลานานโขชนิดไม่รู้วันไม่รู้คืน ตัวคนเดียวไม่มีคนสนทนาด้วย ไม่ต้องกิน ไม่ต้องพักผ่อน หนำซ้ำยังไม่มีปัญหาชีวิตให้ต้องตามแก้ พื้นที่เสมือนจริงสามารถเนรมิตทุกสิ่งที่เธอปรารถนา แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงของนอกกาย ฉะนั้น นอกจากอ่านหนังสือแล้ว เธอจึงพยายามสรรหาอะไรทำเพื่อให้ตัวเองยุ่ง เพราะมิฉะนั้นป่านนี้สติของเธอคงพังทลายไปแล้ว
เธอใช้เวลามากมายไปกับการศึกษาวัฒนธรรมห้าพันปีของประวัติศาสตร์จีน ทั้งหมากรุกจีน ศิลปะการชงชา เครื่องดนตรีและอื่นๆ อีกมากมาย
ระบบบอกว่าเธอเป็นคนแรกที่จิตวิญญาณยังไม่พังทลาย อีกทั้งยังพัฒนาไปถึงขั้นที่มาตรฐานกำหนด เธอจึงได้กลับมาเกิดใหม่
“คุณปู่ ถึงเวลาทานยาแล้วครับ” หนุ่มน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาทางประตู เขาสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ในมือมีกระเป๋าเอกสาร เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน “ลุงหัวหน้าพ่อบ้านช่วยพาคุณปู่ขึ้นไปข้างบนทีครับ”
“ดู๊ดูไอ้เจ้าเด็กคนนี้ เข้มงวดกว่าคนแก่อย่างฉันเสียอีก” คุณปู่เซียวยื่นหน้าเข้าไปใกล้กู้ซีเฉียวพลางนินทาเซียวเฉิง สุดท้ายแววตาจริงจังของเซียวเฉิงทำให้ชายชรายอมขึ้นไปข้างบนแต่โดยดี แต่ก่อนชายชราจะไป เขาแอบหันมาขยิบตาให้กู้ซีเฉียวหนหนึ่ง
กู้ซีเฉียวกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ คนแก่คนนี้ช่างขี้เล่นจริงๆ
“ต้องขอโทษด้วย” เซียวเฉิงนั่งลงตรงข้ามหญิงสาว ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบก่อนจะมองหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ “ปู่ก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าถือสาไปเลย”
“ไม่เลยค่ะ คุณปู่ใจดีมากค่ะ” กู้ซีเฉียวพิงพนักเก้าอี้ แววตาแสดงออกถึงความเฉยเมย เซียวอวิ๋นหายไปไหนนะ
“การที่อาอวิ๋นมีเพื่อน ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดไม่น้อย” เซียวเฉิงลูบถ้วยชาพลางเม้มปาก “พ่อแม่ของเราเสียไปตั้งแต่ตอนเธอยังเล็กๆ เพราะเรื่องนี้เธอเลยปิดตัวเอง ส่วนคุณปู่ก็ร่างกายไม่สู้ดีเลยไม่สามารถดูแลเธอได้ ส่วนฉันก็ต้องรับช่วงต่อธุรกิจ…สุดท้ายเลยต้องส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศ”
กู้ซีเฉียวหรี่ตามองชายหนุ่ม เฝ้าสงสัยว่าเขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม
ความเงียบคั่นกลางชั่วอึดใจ เซียวเฉิงหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ “ที่ฉันและคุณปู่เชิญเธอมาวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเธอช่วยชีวิตคุณปู่เอาไว้ แต่เป็นเพราะเธอคือเพื่อนคนแรกของอาอวิ๋น อนาคตถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันพอจะทำได้ก็ขอให้บอก ไม่ต้องเกรงใจ”
“เซียวอวิ๋นกับฉัน…เป็นเพื่อนกัน เอาเถอะ เซียวอวิ๋นเรียกแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ” กู้ซีเฉียวคลี่ยิ้มก่อนจะเลื่อนบัตรนั้นคืนไป
ในฐานะของคนที่มีสกิลโกงอย่างเธอ หากมีเรื่องใดที่กู้ซีเฉียวทำไม่ได้ เขาก็คงทำได้ยากยิ่งกว่า อีกอย่างมูลค่าของบัญชีหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ต้องการเงินจากเขา
คนที่คุ้นเคยกับตลาดหุ้นอย่างเธอต้องการเงินอย่างนั้นหรือ ไร้สาระสิ้นดี
เซียวอวิ๋นตะโกนเรียกเธอจากหน้าต่างชั้นสอง ขณะที่กู้ซีเฉียวเดินขึ้นมา เธอยังเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้วยแววตาลุ่มลึก
“เรียกฉันทำไม” กู้ซีเฉียวย่อนก้นนั่งลงบนเตียง ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนหรี่ตาด้วยความเหนื่อยล้า
“เรียกให้ขึ้นมาเล่นข้างบน พี่ชายฉันเป็นพวกซื่อบื้อ ฉันกลัวว่าเธอจะเบื่อ” สายตาของเซียวอวิ๋นยังไม่ละไปจากหน้าต่าง “อีกอย่างฉันทำข้อใหญ่ข้อสุดท้ายไม่ได้ ตอนแรกตั้งใจจะให้เธอขึ้นมาอธิบายให้ฟัง”
“ตอนแรก? ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว?” ขนตาของกู้ซีเฉียวขยับไหว เธอเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน
“ไม่มีอารมณ์ ไอ้คนสารเลวที่ทำให้คุณปู่เลือดออกในสมองมานู่นแล้ว!” เซียวอวิ๋นมองลงไปข้างล่าง ใบหน้าเย็นชาคล้ำหม่น สองมือกำแน่น นัยน์ตาฉายแววอาฆาตประหนึ่งว่าจะกลายร่างเป็นมีดคมแทงร่างคนที่อยู่ข้างล่าง