ตอนที่ 32 ภาพของเธอ
เซียวอวิ๋นโชว์หน้าจอการโต้วาทีให้กู้ซีเฉียวดู หญิงสาวชะงักงัน เธอเงยหน้ากวาดตาไปรอบๆ พบว่าคนส่วนใหญ่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ…
“กู้ซีเฉียว มากับครูหน่อย” ครูประจำชั้นเดินมาเคาะหน้าต่าง ขมวดคิ้วเดินนำกู้ซีเฉียวไปที่ห้องทำงาน
ตอนนี้ใกล้ปิดเทอมเข้าไปทุกที ในห้องพักครูจึงไม่มีครูคนอื่น ครูประจำชั้นหยิบหนังสือพิมพ์ภาคบ่ายออกมาจากลิ้นชัก บรรทัดข้อความกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซุบซิบเล็กๆ ในโรงเรียนอีกแล้ว นอกจากสำนักข่าวใหญ่จะนำเรื่องนี้ไปตีพิมพ์แล้ว แต่ยังถูกนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วย หัวข้อนี้รั้งอยู่ตำแหน่งที่สาม ลูกสาวนอกสมรสถูกภรรยาเอกผู้ใจบุญพากลับมาอยู่ที่บ้าน เธอได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด ได้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด แต่นอกจากเธอจะอกตัญญูแล้ว เธอยังขโมยภาพวาดของลูกสาวของบ้านเพราะต้องการนำภาพนี้ไปเข้าร่วมการประกวดนิทรรศการภาพของเมืองเอ็นเสียเอง ส่วนบุตรสาวของภรรยาเอกต่างเป็นที่รู้จักกันดี เธอคือเด็กสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ กู้ซีจิ่น
ข่าวนี้มีคนติดตามหลายพันคน และมีคอมเมนต์ตอบกลับอีกว่าหมื่นคอมเมนต์
เหล่านักเลงคีย์บอร์ดทำเหมือนตัวเองเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง เฝ้าด้อยค่าและวิพากษ์วิจารณ์คนในข่าว
“เอาเบอร์คนที่บ้านมาให้ครู ครูจะคุยกับพวกเขาเอง” ความประพฤติของกู้ซีเฉียวในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในสายตาครูประจำชั้นมาโดยตลอด เขาไม่มีทางเชื่อเรื่องขโมยภาพวาด อันที่จริงเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องการช่วงชิงอำนาจของเหล่าคนรวย แต่ถึงอย่างไรเด็กสาวคนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญอย่างการสอบเข้า เขาไม่มีทางยืนดูเด็กคนนี้ย่อยยับไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด
กู้ซีเฉียวพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้ากระเป๋า “ครูคะ ขอบคุณค่ะ แต่เรื่องนี้หนูขอจัดการเองค่ะ รับรองว่าจะไม่กระทบต่อการเรียนแน่นอน”
หญิงสาวล้วงมือทั้งสองข้างลงไปในกระเป๋ากางเกงพลางทอดสายตาไปข้างหน้า เหมือนมีกลุ่มควันปกคลุมนัยน์ตาสีนิลอีกชั้น คนนอกไม่อาจคาดเดาสิ่งที่เธอกำลังคิด
เดิมทีครูประจำชั้นอยากจะกล่าวต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของเธอจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไร ลูกนอกสมรสที่เติบโตขึ้นบนรอยร้าวกลับมีความเป็นผู้ใหญ่และมีความอดกลั้นอย่างไม่น่าเชื่อ ภาพลักษณ์ของเธอทำให้คนที่เห็นยิ่งรู้สึกหวงแหน เด็กสาวคนนี้ใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ
กู้ซีเฉียวกลับมาที่ห้องเรียนตอนเลิกเรียนพอดี เธอหยิบกระเป๋านักเรียนที่ไม่มีหนังสือโยนขึ้นหลัง มือข้างหนึ่งจับกระเป๋า มืออีกข้างล้วงอยู่ในกระเป๋า ไม่เกริ่นกล่าว ใบหน้าสวยแลดูอ่อนโยน เรือนผมดำสลวยทิ้งตัวอยู่ด้านหลัง แววตาคู่งามหรี่แคบเล็กน้อย แสงเย็นวาบขับผ่านแววตา แม้ไม่ได้สื่ออารมณ์ใด ทว่ากลับไม่มีใครกล้าสบตา
เซียวอวิ๋นและอู่หงเหวินเดินตามอยู่ด้านหลังหญิงสาว
เมื่อออกจากประตูโรงเรียน รถตระกูลกู้ที่จอดรอท่าไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสงสัยแต่อย่างใด เด็กสาวโบกมือให้ทั้งสอง “ฉันไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
กู้ซีจิ่นลดกระจกตรงที่นั่งด้านหลังส่งยิ้มหวานชื่นให้เธอ “น้องสาว”
กู้ซีเฉียวมองไปที่ต้นเสียง เดินไปเปิดประตูหน้าแล้วเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
กู้ซีจิ่นเห็นดังนั้นก็ไม่คิดจะบังคับ จนกระทั่งถึงคฤหาสน์ตระกูลกู้ ทั้งสองลงจากรถ กู้ซีจิ่นปัดปอยผม และยื่นหน้าเข้าไปใกล้กู้ซีเฉียว “หากเธอมีไหวพริบก็ให้บอกว่ารูปนี้เป็นของฉัน แล้วฉันจะขุดคุ้ยเรื่องอื่นๆ ของเธอ เธอยังอยู่ที่อีจงต่อไปได้ และเป็นคุณหนูรองของตระกูลกู้ต่อไปได้ แต่ถ้าไม่…ก็นับวันรอวันลาออกจากโรงเรียนและวันที่ชื่อเสียงของเธอจะป่นปี้ย่อยยับได้เลย เชื่อฉันสิว่าคราวนี้คุณปู่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปความเย้ยหยัน แม้ใบหน้าจะนิ่งเรียบเป็นปกติ แต่มุมปากยกขึ้นประหนึ่งว่าทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
กู้ซีเฉียวดันเธอออกไปนิ่งๆ และเดินเข้าประตูไปเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
ทุกอากัปกิริยาอยู่ในสายตากู้ซีจิ่น นี่เป็นการตอบสนองปกติของคนหรือว่าคนอย่างนางไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมากันแน่ กู้ซีจิ่นครุ่นคิดขณะส่งกระเป๋าหนังสือให้คนรับใช้ เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นสายตาเคียดแค้นยามที่คนรับใช้มองไปที่กู้ซีเฉียว
เธอไม่มีอะไรต้องกลัว ในเมื่อเธอมีสิทธิ์ขาด กลอุบายใดๆ ก็ใช้ไม่ได้ผล ตอนนี้เธอบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว คนที่มีพรสวรรค์ในการวาดรูปคือเธอ…กู้ซีจิ่น และนี่คือความจริงที่ทุกคนต่างรู้ดี
ต้องใช้เวลาเป็นนานกว่ากู้จู่ฮุยจะเริ่มหันมาสนใจและรู้สึกละอายใจต่อลูกสาวนอกสมรสคนนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ความรู้สึกทั้งหมดพังทลายลงในพริบตา
ยิ่งได้ยินกู้ซีเฉียวเอ่ยว่าภาพวาดนั้นเป็นของเธอ เขาก็โกรธจัด
“ภาพของเธอ? ทำไมเธอไม่ลองคิดดูบ้างว่า ที่โกโรโกโสที่เธอจากมามีโรงเรียนชั้นนำสักแห่งบ้างหรือเปล่า เธอรู้จริงๆ หรือเปล่าว่าภาพวาดสีน้ำมันคืออะไร แม่บุญธรรมของเธอมีเงินส่งให้เธอเรียนอย่างนั้นหรือ กู้ซีเฉียว จนถึงตอนนี้แล้วเธอยังไม่ยอมกลับตัวอีก ฉันไม่น่าพาเธอมาอยู่ที่ตระกูลกู้แต่แรก!” กู้จู่ฮุยขว้างกาน้ำชาไปทางศีรษะของกู้ซีเฉียวด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
อาจดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ทั้งคู่ยืนห่างกันเพียงห้าเมตร กาน้ำชากระเบื้องเคลือบสีขาวแตกเพล้งกลางอากาศก่อนที่จะลอยมาถึงหน้าผากของกู้ซีเฉียวเพียงห้าเซนติเมตร ราวกับว่ากระแทกเข้ากับวัตถุบางอย่าง แต่ทว่าในช่วงเวลานั้นไม่มีใครทันสังเกต
น้ำชาร้อนค่อยๆ ซึมลงบนพรมหรูราคาสูงลิบ ภายในห้องเงียบสงัด คนในห้องรับแขกพลันก้มหน้าต่ำ หัวใจเต้นเร็วบีบคั้น ไม่มีใครกล้าหายใจเสียงดัง นี่เป็นครั้งแรกที่คนรับใช้เห็นกู้จู่ฮุยโกรธหนักถึงขั้นนี้
กู้ซีเฉียวไม่ได้หลบ ในช่วงเวลาแบบนี้ เธอจะพูดอะไรก็คงไร้ประโยชน์ เธออยากอธิบาย แต่ไร้เรี่ยวแรง เพราะใครจะเชื่อกันเล่า
แม้แต่แรงจะยกมุมปากยังไม่มี คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือพ่อของเธอ พ่อแท้ๆ
เมื่อชาติที่แล้วเธอเคยแอบไปตรวจดีเอ็นเอ
ซูหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่อีกข้าง เธอมองมาที่กู้ซีเฉียวเหมือนมองมดมองแมลง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยเห็นลูกเลี้ยงคนนี้ในสายตา “ฉันอุตส่าห์ไม่รื้อฟื้นความหลัง พาเธอกลับมาอยู่ที่ตระกูลกู้ มีอาหารดีๆ ให้กิน มีชุดดีๆ ให้ใส่ ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด และนี่หรือคือสิ่งที่เธอตอบแทนพวกเรา ขโมยภาพวาดของอาจิ่น! ใครสอนให้เธอทำแบบนี้! ในเมื่อเธอมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เธอควรเรียนรู้สิ่งดีๆ ไว้บ้าง นิสัยชั่วร้ายเดิมๆ อย่าเอามาใช้ที่นี่ คนอื่นเขาจะได้ไม่ว่าว่าตระกูลเราไม่สั่งสอน ถึงเธอจะไร้ยางอาย แต่พวกเราไม่ได้เป็นแบบนั้น!”
กู้จู่ฮุยเสริมต่อ “ใช่ พรุ่งนี้มีแถลงข่าว เธอก็ไปสารภาพความจริงต่อหน้านักข่าวแล้วก็ขอโทษอาจิ่นจากใจจริง อาจิ่นใกล้จะสอบเข้าแล้ว และยังต้องเตรียมตัวสำหรับงานนิทรรศการ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะกระทบอาจิ่น ฉันคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ หลังจากงานแถลงข่าวฉันจะส่งเธอไปอยู่กับคุณปู่ จะได้ไปเรียนรู้การเป็นคนดี ส่วนเรื่องโรงเรียนก็ดรอปไป”
“ค่ะ” กู้ซีเฉียวตอบรับแล้วจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องตัวเอง
การตอบสนองของเธอทำให้คนที่อยู่ชั้นล่างชะงักนิ่งจนลืมตอบสนอง เมื่อครู่ไม่ได้เป็นการยืนยันหรือว่าภาพนั้นเป็นของเธอ ทำไมถึงได้ดูนิ่งขนาดนั้น
เพียงแต่กู้จู่ฮุยไม่อยากเก็บเรื่องเด็กสาวมาใส่ใจ เขาไม่ได้กล่าวต่อ ข่มอารมณ์แล้วต่อสายไปหาคุณปู่กู้เพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมด
การลงข่าวในหนังสือพิมพ์ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นี่ขนาดยังไม่นับเรื่องอื่น พรุ่งนี้หุ้นของบริษัทในเครือกู้คงจะตกฮวบ อีกประการหนึ่งคือช่วงที่ผ่านมากู้จู่ฮุยกำลังอยู่ในช่วงแข่งขันประมูลสร้างฐานของประเทศ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาขาดคุณสมบัติในการประมูล แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร
ป้าจางเองก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้วเช่นกัน ตอนเย็นขณะที่เธอกำลังไปจ่ายตลาด กู้ซีเฉียวโทรมาบอกว่าวันนี้จะไม่กลับ และระหว่างทางเธอพบเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน เพื่อนบ้านคนนั้นเป็นชายสูงวัย เขาเคยพบกู้ซีเฉียวหลายครั้งตอนวิ่งออกกำลังกายยามเช้า เขาคุ้นเคยกับนิสัยของเด็กสาว เขาเป็นคนนำหนังสือพิมพ์ภาคบ่ายฉบับนั้นมาให้ป้าจาง
เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ภาคบ่ายมีทั้งจริงและเท็จปะปนกัน แต่ข้อความเน้นไปทางปลุกเร้าให้คนอ่านเดือดดาล ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาโจมตีลูกสาวนอกสมรส
กล้าดียังไง? ป้าจางยัดหนังสือพิมพ์ใส่กระเป๋า กลับมาที่บ้านและต่อสาย อารมณ์ปะทุในใจยากจะควบคุม “รูปนั้นฉันเห็นเฉียวเฉียววาดเองกับตาเลยค่ะ คุณเจียง คุณก็น่าจะทราบดีถึงได้สร้างสตูดิโอวาดภาพให้เธอ คนพวกนี้ตั้งใจกลั่นแกล้งเธอ กล่าวหาว่าเฉียวเฉียวขโมยภาพวาดของพี่สาวเนี่ยนะ! คนบ้านนั้นก็ตาบอดสิ้นดี เด็กดีแบบเฉียวเฉียวกลับไม่เอา ซ้ำร้ายยังออกข่าวว่าพรุ่งนี้เฉียวเฉียวจะออกมาขอโทษพี่สาวต่อหน้าสื่อมวลชน คุณเจียง คุณว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะ!”