โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 43 มาจนได้

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 43 มาจนได้

มู่จงเริ่มกลับมายุ่งเรื่องธุรกิจอีกครั้ง คนแรกที่เขาติดต่อไปคือเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปี ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าวิศวกรของบริษัทเขาด้วย

แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เขาไม่ได้กอบโกยผลประโยชน์ของบริษัทไป ทั้งยังให้มู่จงหยิบยืมเงินก้อนใหญ่สำหรับรักษาลูกสาว

ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ร้านแผงลอยปิ้งย่าง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนน มู่จงดื่มเบียร์กระป๋อง หยิบเนื้อเสียบไม้ขึ้นมากัดหนึ่งคำก่อนจะถาม “เสี่ยวหวัง ตอนนี้นายเจอบริษัทที่เหมาะกับตัวเองแล้วหรือยัง”

หวังปัวอายุน้อยกว่ามู่จงสองถึงสามปี เขาเป็นนักศึกษาดีเด่นจากมหาวิทยาลัยชั้นนำชื่อดัง เป็นคนมีความสามารถ เขาไม่ได้ทำงานกับบริษัทของมู่จงเท่านั้น แต่ยังรับงานนอกอีกสองสามงานซึ่งรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ แต่แม้เขาจะเป็นคนฝีมือดี ทว่าเป็นพวกติดสบายเข้าขั้น ดังนั้น หลังจากที่ออกจากบริษัทของมู่จง เขากลับไม่ได้หางานเป็นจริงเป็นจัง เพียงแต่อยู่ไปวันๆ

“ก็เหมือนๆ เดิม เมื่อวานเพิ่งส่งใบสมัครไปเจ้าหนึ่ง คาดว่าครึ่งเดือนนี้คงยังชิลอยู่ ว่าแต่นายเถอะ เงินพอหรือเปล่า ฉันยังพอมีอยู่นะ” หวังปัวกัดเนื้อก่อนจะฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาล้วงบัตรเครดิตจากกระเป๋าและโยนลงบนโต๊ะ “จริงๆ พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะไปเยี่ยมถงถงสักหน่อย ไม่คิดว่านายจะมาหาฉันก่อน พาสเวิร์ดคือเลขแปดหกตัว”

มู่จงมองบัตรเอทีเอ็มนิ่งนานก่อนจะคลี่ยิ้ม เขาเลื่อนบัตรนั้นกลับไปตรงหน้าเพื่อน “ไอ้น้อง เรามันรู้จักกันดีจนไม่ต้องพูดอะไร แต่ฉันมีอะไรจะให้นายดู”

ครั้นกล่าวจบ เขาก็วางไม้ในมือก่อนจะหยิบปึกเอกสารที่ถูกปิดผนึกอย่างดีส่งให้หวังปัว

หวังปัวรับไปอย่างไม่ใส่ใจ บริเวณนั้นมีเพียงแสงไฟส่องสลัว เขาต้องหรี่ตาจึงจะเห็นชัด หลังจากอ่านแล้ว ท่าทีไม่ยี่หระเมื่อครู่พลันมลายหายสิ้น ความตะลึงงันเข้ามาแทนที่ “นายไปได้นี่มาจากไหน”

เขาจ้องมู่จงด้วยดวงตาเป็นประกาย ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตื่นเต้น

ความสำเร็จจากเอกสารชุดนี้จะทำให้ทั้งโลกต้องช็อก นี่มันล้ำหน้าไปมาก!

“เจ้านายฉันเอามาให้” มู่จงยิ้มอย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมทำนิ้วเป็นเลขแปด “นอกจากนี้ พวกเรายังมีเงินทุนขนาดนี้ด้วย”

ตอนที่บริษัทของพวกเขารุ่งเรืองถึงจุดสูงสุด เขามีเงินสดหมุนเวียนสูงกว่าแปดหลัก

“ไปๆๆ เลิกกินได้แล้ว ซอฟต์แวร์ที่เขียนอยู่ในเอกสารพัฒนาเสร็จแล้วหรือยัง พาฉันไปดูเร็วเข้า!” หวังปัวเลิกสนใจอาหาร เขาลุกขึ้น เร่งเร้ามู่จง ในเอกสารชุดนั้นแจ้งว่าอีกฝ่ายจะจัดหาระบบปฏิบัติการให้พวกเขา นั่นไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระอันหนักอึ้งของคนบริหาร แต่ยังวิเคราะห์ความเสี่ยงไว้เรียบร้อย นั่นยิ่งทำให้ความสนใจของเขามากขึ้นเป็นเท่าตัว

มู่จงโบกมือให้เขาด้วยท่าทีเบาสบาย “เรื่องนั้นไม่ต้องรีบ เราต้องไปจดทะเบียนบริษัทให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็ดำเนินขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ยึดตามที่พวกเราเคยทำกันมา เพียงแต่คราวนี้เราเป็นลูกจ้าง”

อันที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หวังปัวคิด เขาพยายามเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ นั่งลงหยิบเหล้าขวดหนึ่งออกมา “นี่เรากำลังจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แล้วนายมั่นใจแค่ไหนว่าคราวนี้เราจะชนะคู่แข่ง”

“เขาน่ะนะ” มู่จงเย้ยหยัน “มีของดีขนาดนี้ หากจัดการเขาไม่ได้ ชีวิตของฉันก็เสียเปล่าแล้วล่ะ”

“ส่วนพวกแปรพักตร์ทั้งหลายคงได้ร้องระงมกันเป็นแถว” หวังปัวหัวเราะอย่างสุขอารมณ์ “ก่อนหน้านี้ไอ้เจ้าคนพวกนั้นยังมาชักจูงฉันอยู่เลย โชคดีที่ฉันมีมองการณ์ไกล ถึงได้ปฏิเสธไป”

“ขอบใจนะ!” มู่จงชูแก้ว

การจดทะเบียนบริษัทต้องเป็นไปตามขั้นตอน ในช่วงสองสามวันนี้มู่จงและหวังปัววิ่งวุ่นไปตามอุตสาหกรรมและธนาคารต่างๆ เพื่อดึงคนเก่งมาทำงานในบริษัท ตกเย็นเขาจะกลับไปเฝ้าลูกสาวที่โรงพยาบาล อาการของมู่จยาถงดีขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้บุรุษหนุ่มมีแรงฮึดสู้ เมื่อมีความหวัง อนาคตในวันข้างหน้าก็ดีขึ้นเอง

……

วันสอบเอ็นทรานซ์ใกล้เข้ามาทุกขณะ นักเรียนชั้นมัธยมหกเริ่มรู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ทว่ากู้ซีเฉียวกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด ถึงเวลากินก็กิน ถึงเวลานอนก็นอน เธอยังคงคัดลายมือ ฝึกวาดภาพเขียนแบบจีนและฝึกวิทยายุทธ์โบราณทุกวัน ทักษะของเธอพัฒนาขึ้นมาก เวลาก้าวเดิน เธอรู้สึกราวกับว่าเดินอยู่บนสายลมก็ไม่ปาน

หลังจากจ๊อกกิ้งยามเช้า ทันทีที่กู้ซีเฉียวกลับมาที่บ้านพัก ป้าจางก็จะนำซุปมาให้ ตอนนี้เวลากินซุป เธอแทบจะไม่มีอาการกล้ำกลืนเหมือนก่อนแล้ว

เจียงซูเสวียนนั่งรอหญิงสาวทานมื้อเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอทานไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง อินเซ่าหยวนก็พรวดพราดเข้ามา ชายหนุ่มก้าวยาวพลางตะโกน “ป้าจาง ขอผมด้วยที่หนึ่ง หิวจะตายอยู่แล้ว!”

ป้าจางชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว “ทราบแล้วค่ะ!”

อินเซ่าหยวนเยื้องกรายเข้ามาพลางกวาดตามองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ และส่งสายตาคมปลาบพร้อมชี้นิ้วไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เชี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!”

กู้ซีเฉียวไม่ได้รู้สึกประทับใจชายหนุ่มดุจกัน เธอแสดงท่าทีไม่แยแส และรีบจัดการโจ๊กในชาม

เมื่อเห็นว่าเธอทานอาหารเสร็จแล้ว เจียงซูเสวียนวางชามในมือ ลุกขึ้นพลางกล่าว “ไปหยิบกระเป๋า ฉันจะออกไปรอข้างนอก”

ทิ้งอินเซ่าหยวนให้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงลำพัง เขามองป้าจางที่กำลังถือชามและตะเกียบชุดใหม่ออกมา พลางถามด้วยอาการเหม่อลอย “พี่เจียงไปส่งยัยเด็กนั่นที่โรงเรียนงั้นเหรอ”

“ค่ะ” ป้าจางตอบรับสั้นๆ ก่อนจะรีบคว้าขวดนมบนโต๊ะวิ่งตามออกไป “เฉียวเฉียว ยังไม่ได้ดื่มนมเลยค่ะ เอาไปด้วย!”

อินเซ่าหยวนที่ถูกเมินฉงนหนัก เรื่องนี้มันเริ่มผิดพลาดตั้งแต่ตรงไหนกัน คนอย่างพี่เจียงกลายเป็นคนขับรถให้ยัยเด็กนั่น แล้วยัยเด็กนั่นใหญ่โตมาจากไหน กล้าเมินเขาแล้วเดินออกไปเฉยๆ เลยอย่างนั้นหรือ พระเจ้า มันช่าง…

อินเซ่าหยวนลูบคาง ยกชามขึ้นด้วยอาการมึนงง นี่ถ้าเขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนในเมืองหลวงฟัง แปดสิบเปอร์เซ็นต์ในนั้นคงไม่มีทางเชื่อ ส่วนอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคงจะบอกว่าเขาไร้สาระ

กู้ซีเฉียวนั่งคุยสัพเพเหระกับเจียงซูเสวียนในรถ ส่วนใหญ่เธอเป็นผู้พูด และชายหนุ่มเป็นผู้ฟัง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของหญิงสาวก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมาดูแล้วตัดสายไปเฉยๆ ไม่มีทีท่าลังเลว่าจะรับ แต่เพียงไม่นานก็ดังขึ้นอีก หญิงสาวกดวางซ้ำอีกครั้งโดยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ

ขณะติดไฟแดง เจียงซูเสวียนเอ่ย “โทรศัพท์”

กู้ซีเฉียวส่งโทรศัพท์ให้เขา ชายหนุ่มกดปลดล็อกและบล็อกเบอร์ที่โทรมาเมื่อครู่ ใบหน้าคมคายเคร่งขรึมเกินจะกล่าว

“…” หญิงสาวชะงักงัน เบอร์นั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านของเธอ ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเขาได้เบอร์โทรศัพท์เธอมาได้อย่างไร คนที่บ้านนั้นโทรเข้าโทรศัพท์ของเธอหลายวันแล้ว แต่คนตระกูลกู้ยังไม่ได้มาหาเรื่องเธอก็เท่านั้น นับตั้งแต่เกิดเรื่อง กู้ซีจิ่นเองก็ไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลย แล้วจู่ๆ คนบ้านนั้นจะติดต่อเธออย่างนั้นหรือ

กู้ซีเฉียวยังคิดไม่ตก

“พี่เจียง เย็นนี้ฉันจะไปกับเพื่อน พี่ไม่ต้องมารับ” เธอขอลงข้างทางก่อนจะหันมาโบกมือให้เจียงซูเสวียน

เจียงซูเสวียนหรี่ตาเล็กน้อย ดวงตาสีหมึกทอดมองออกไปด้านนอก เห็นเซียวอวิ๋นที่ยืนคอยอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย กำชับให้เธอระวังตัวอีกสองสามประโยคก่อนจะขับรถออกไป

แม้คนตระกูลกู้จะติดต่อกู้ซีเฉียวไม่ได้ ทว่ายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ตกเย็น หลังจากกู้ซีเฉียววิ่งรอบสนามกับเพื่อนในห้องเสร็จแล้ว เธอสะพายกระเป๋าเดินออกจากโรงเรียนโดยมีเซียวอวิ๋นและอู่หงเหวินเดินประกบซ้ายขวา ภาพที่ทั้งสามเดินด้วยกันดึงดูดสายตาคนรอบข้าง

เมื่อเดินออกมาถึงหน้าประตูโรงเรียน เธอเห็นรถสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล กู้ซีเฉียวชะงักฝีเท้าและถอนหายใจเล็กน้อย มาจนได้

เธอลาทั้งคู่ที่หน้าประตู สะพายเป้ไว้บนหลังแล้วจึงเดินตรงเข้าไปหารถสีดำนั้น

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท