ตอนที่ 44 กลับบ้านตระกูลกู้
กระจกบานหลังของรถยนต์คันสีดำลดต่ำ เผยให้เห็นใบหน้าเคร่งขรึมของชายชรา ฝีเท้าของกู้ซีเฉียวชะงักไปเล็กน้อย
เขาคือคุณปู่กู้ คนที่กุมอำนาจทั้งหมดของตระกูลกู้และเป็นผู้ที่รับเธอมาจากชนบท
คุณปู่กู้เป็นใครกัน
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บริษัทครอบครัวขนาดเล็กของตระกูลกู้เติบโตพัฒนาขึ้นจนเป็นธุรกิจแนวหน้าของเมืองเอ็น ฉะนั้นแล้วจำต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ แม้ปัจจุบันกู้จู่ฮุยจะเข้ามาบริหาร แต่เมื่อเกิดเรื่อง เขาก็มักจะไปขอคำแนะนำจากผู้เป็นบิดา
กู้ซีเฉียวบีบกระเป๋าในมือ มองเงาหลังของชายชราที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลกู้ เธอหลุบตาต่ำซ่อนนัยน์ตาสีดำ
ในห้องรับแขก กู้จู่ฮุยและซูหว่านเอ๋อร์นั่งคอยอยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว เธอผอมลงกว่าก่อนมาก หน้าตาอิดโรย เมื่อเห็นคุณปู่กู้เดินเข้ามา เธอก็ลุกขึ้นไปต้อนรับ แต่ครั้นเห็นกู้ซีเฉียว แววตาหมองหม่นก็ขับประกายเย็นชา
คุณปู่กู้ไม่ได้กล่าวคำใด ซูหว่านเอ๋อร์และกู้จู่ฮุยยืนประกบซ้ายขวาชายชรา
กู้ซีเฉียวยืนเม้มปากอยู่กลางห้องรับแขก ก้มศีรษะไม่สบตาทั้งสาม แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับรับรู้ได้ว่าสายตาเหล่านั้นกำลังทิ่มแทงมาที่ร่างของเธอ
“ช่วงนี้เธอไปอยู่ที่บ้านเพื่อนงั้นเหรอ” ในที่สุดคุณปู่กู้ก็เอ่ยปาก เขารับถ้วยชาจากแม่บ้านไปจิบแล้วจึงเงยหน้าถาม แม้เบ้าตาจะลึกโหล แต่นัยน์ตากลับเปล่งประกายทำให้ยามมองคู่สนทนาฉายแววเฉียบคม
ไม่รู้ว่าเจียงซูเสวียนอธิบายเรื่องที่เธอไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์กู้อย่างไร ดังนั้นเมื่อถูกถามเช่นนั้น เธอจึงนิ่งแทนการตอบ โชคดีที่คุณปู่กู้ก็ไม่ได้คาดหวังให้เธอตอบเช่นเดียวกัน “อายุยังน้อย ตอนมาอยู่ที่นี่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แต่ว่าสิ่งที่เธอทำส่งผลกระทบต่ออาจิ่นอย่างมาก ช่วงสองสามวันนี้เธออยู่ที่นี่ไปก่อน อย่าเพิ่งออกไปไหน ใช้เวลาทบทวนตัวเอง”
กู้ซีเฉียวพลันเงยหน้า “แต่ใกล้จะสอบเข้ามหา’ลัยแล้วนะคะ!”
“สอบเข้า? เกิดเรื่องกับพี่สาวขนาดนี้เธอยังจะสนใจเรื่องสอบเข้าอีกงั้นเหรอ” คุณปู่กู้ปรายตามองเด็กสาว “ในเมื่อเธออยากจะเรียนขนาดนั้น รอให้เรื่องนี้ซาไปก่อน ฉันจะให้เธอไปเรียนเมืองนอกพร้อมอาจิ่น”
“แม่บ้าน พาคุณหนูรองขึ้นไปข้างบน” คุณปู่กู้ออกคำสั่ง
นี่เขาตั้งใจจะกักบริเวณเธอสินะ กู้ซีเฉียวหลับตาเชื่องช้า ในหัวอวลอึงไปด้วยความคิดมากมายนับไม่ถ้วน เธอเคยคิดว่าคุณปู่กู้เป็นคนยุติธรรม แต่ดูเหมือนว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไป
ความจริงก็ไม่ได้ผิดนัก ในสายตาคนตระกูลกู้ คุณปู่กู้เป็นคนพาเธอมาจากหมู่บ้านในชนบท ให้ชีวิตที่ดีกับเธอ ส่งให้เธอเรียนโรงเรียนชั้นนำอย่างอีจง แล้วเธอล่ะทำอะไร เธอเป็นตัวทำลายความสงบสุขของตระกูลกู้ ซ้ำร้ายเธอยังทำให้ผู้สืบทอดที่ดีที่สุดของตระกูลกู้พังย่อยยับ! ในสายตาของพวกเขา นี่คือสิ่งที่เธอตอบแทนพวกเขา
แต่เมื่อชาติที่แล้ว เธอช่วยตระกูลกู้มากมายขนาดนั้น แต่สุดท้ายชีวิตของเธอกลับจบลงที่ความตาย!
การที่คุณปู่กู้พาเธอมาอยู่ที่นี่ เธอรู้สึกซาบซึ้ง เธอถึงได้ไว้ชีวิตกู้ซีจิ่นและให้โอกาสกู้ซีจิ่นอีกครั้ง แต่หากกู้ซีจิ่นคิดจะแก้แค้น พวกเขาคิดหรือว่าคนในตระกูลจะได้อยู่อย่างสงบสุข
เธอเคยให้โอกาสกู้ซีจิ่นไปแล้ว แต่หากสุดท้ายหล่อนยังเลือกเส้นทางเดิม จะโทษใครได้ แล้วการที่คุณปู่กู้พาเธอกลับมาอยู่ที่นี่ไม่มีเจตนาแอบแฝงเลยอย่างนั้นหรือ เขาก็แค่ต้องการปูทางให้กู้ซีจิ่นก็เท่านั้น!
ตอนนี้คนในตระกูลกู้ดูไม่มีอนาคตเลยสักคน กู้จู่ฮุยเหยาะแหยะไม่เด็ดขาด กู้ซีจิ่นไม่มีความสามารถ คุณปู่กู้ถึงต้องตระเวนหาคนสืบทอดกิจการ
เรื่องนี้กู้ซีเฉียวทราบตั้งแต่วันแรกที่เธอมาเหยียบที่นี่แล้ว ซูหว่านเอ๋อร์ชิงชังเธอออกปานนั้น แต่เพราะสาเหตุนี้เธอถึงยังไม่กล้าทำอะไร ส่วนกู้ซีจิ่นกลับระรานไม่เลิก!
กู้ซีเฉียวเดินตามหลังพ่อบ้าน ฝีเท้าของเธอก้าวเยื้องเชื่องช้า เธอก้มศีรษะต่ำ ปอยผมสีเข้มปรกลงมาบดบังรอยยิ้มเย้ยหยันที่เปื้อนอยู่บนหน้า
พ่อบ้านมองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาเย็นชาระคนเกลียดชังประหนึ่งเห็นร่างศพเน่าเฟะ ครั้นกู้ซีเฉียวเดินเข้าไปในห้อง เขาก็ล็อกประตูจากด้านนอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อาซาน อาซื่อ เฝ้าเอาไว้” พ่อบ้านกำชับก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้อีกคน “คุณหนูยังไม่ได้ทานมื้อเย็น เธอไปบอกห้องครัวทีว่าให้ทำหมูดอกฝูหรง เสร็จแล้วให้คุณผู้หญิงเป็นคนนำขึ้นมาให้คุณหนู”
คนรับใช้รับคำสั่งแล้วเดินจากไป
‘คุณหนู’ ที่เหล่าคนรับใช้เรียกหมายถึงกู้ซีจิ่น ในคฤหาสน์ตระกูลกู้ กู้ซีเฉียวไม่เคยเป็นคุณหนู
ที่ชั้นล่าง หลังจากกู้ซีเฉียวเดินขึ้นไปแล้ว สีหน้าของคุณปู่กู้พลันคล้ำหม่น ถ้วยชาในมือถูกขว้างลงพื้น ไหล่ของซูหว่านเอ๋อร์สั่นสะท้าน
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องแดงขึ้นมา แกสองคนก็ยังคิดจะปิดบังฉันต่อไปสินะ นี่แค่ห้าวันนะ หุ้นของบริษัทกู้ตกฮวบแทบติดฟลอร์ พวกกรรมการแห่กันถอนทุนคืนกันหมด พวกแกเก่งนักเก่งหนาไม่ใช่เหรอ พวกแกอยากจะแข่งประมูลแย่งฐานนั่นหนักหนาไม่ใช่เหรอ กู้จู่ฮุย ทำไมนับวันแกยิ่งถอยหลังลงคลอง พอเริ่มจะไม่รอดแล้วถึงซมซานมาหาฉันงั้นเหรอ?” คุณปู่กู้ยันโซฟา หายใจหอบรัว หน้าแดงก่ำ เริ่มขาดอากาศหายใจ
ปกติเขาแทบไม่เคยโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ ซูหว่านเอ๋อร์และกู้จู่ฮุยก้มศีรษะต่ำ ไม่กล้าส่งเสียง
ความเงียบปกคลุมเนิ่นนาน เมื่อเห็นว่าคุณปู่กู้ไม่กล่าวต่อ กู้จู่ฮุยจึงเอ่ยปาก “สองสามวันมานี้ผมได้สืบว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง ได้ความว่าชายในงานแถลงข่าววันนั้นคือญาติห่างๆ ของตระกูลอิน ซึ่งเป็นตระกูลที่มาแย่งบริษัทเราประมูลโครงการ”
“ฉะนั้นแกเลยสงสัยว่าเรื่องวันนั้น ตระกูลอินเล่นละครตบตางั้นสิ” คุณปู่กู้เงยหน้ามองกู้จู่ฮุย และคิดทบทวนในใจ
กู้จู่ฮุยเงียบแทนการตอบรับ
คุณปู่กู้ถอนหายใจ “จู่ฮุย ฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน หากเรื่องเล็กแค่นี้แกยังจัดการเองไม่ได้ แล้วฉันจะปล่อยให้แกดูแลบริษัทได้ยังไง เรื่องนี้มันผิดตั้งแต่ต้น อาจิ่นเป็นลูกสาวของแก แล้วกู้ซีเฉียวไม่ใช่ลูกสาวของแกงั้นหรือ การที่แกให้กู้ซีเฉียวขอโทษอาจิ่นต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น สุดท้ายคนที่เสียหน้าก็คือตระกูลกู้ คนอื่นถึงได้อาศัยช่องโหว่ตรงนี้มาเล่นงานเรา”
“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง แกส่งคนไปดูกู้ซีเฉียวให้ดี ตอนนี้ห้ามไม่ให้ออกไปเจอคนเยอะๆ เป็นอันขาด” คุณปู่กู้มองไปที่กู้จู่ฮุย แววตาเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ขนาดเรื่องเล็กแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วจะมาดูแลกิจการได้ยังไง
ไร้ความคิด อ่อนแอ เหยาะแหยะ… คุณปู่กู้ถอนหายใจยาว อาจิ่นก็ดูไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นอะไร ส่วนกู้ซีเฉียว…ฉันนี่มันหาเห่าใส่หัวโดยแท้ ไม่น่าพาแกกลับมานี่ที่แต่แรก!