โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 56 ป้ายไวนิล

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 56 ป้ายไวนิล

วันที่เจ็ดเดือนมิถุนายน อินเซ่าหยวนมาคุยธุระกับเจียงซูเสวียนแต่เช้าจึงถือโอกาสนั่งทานมื้อเช้าด้วยเลย

เจียงซูเสวียนทานอาหารเสร็จแล้วจึงนั่งคอยกู้ซีเฉียวเตรียมข้าวของ ส่วนอินเซ่าหยวนก็รีบจัดการอาหารในจานจนเกลี้ยง แต่เมื่อเห็นว่าเจียงซูเสวียนยังคงนั่งนิ่งจึงถามด้วยความสงสัย “พี่เจียง ไม่ไปเหรอ”

โครงการฐานที่เตรียมกันมาจะเริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ เขามาหาเจียงซูเสวียนเพื่อให้เขาไปด้วยกัน เพราะถึงอย่างไรเจียงซูเสวียนก็เป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้ หากเขาไม่ไปก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยพลการ ฉะนั้นนี่นับเป็นเรื่องเร่งด่วน ทุกคนนัดกันแล้วว่าเจอกันตอนแปดโมงครึ่ง ซึ่งตอนนี้ปาเข้าไปแปดโมงแล้วแต่คุณเจียงยังคงนั่งนิ่งแล้วจะไปทันเหรอ

อินเซ่าหยวนมิได้ใจเย็นเหมือนเขา อันที่จริงเรียกว่าร้อนใจจะถูกกว่า เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี่ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดแล้ว เขานั่งไม่ติดเก้าอี้ แอบชำเลืองมองเจียงซูเสวียนอยู่ตลอดทว่าไม่กล้าพูด ทำได้เพียงเกาหัวแกรกๆ…

เอาเถอะ พี่แกคงเอาอยู่!

กู้ซีเฉียวลงมาจากชั้นบนพร้อมกล่องดินสอ วันนี้เธอสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาว แม้เธอจะไม่ใช่คนตัวสูง แต่กลับมีช่วงขาเรียวยาว ข้อเท้าขาวเนียนโผล่ออกมาจากปลายขากางเกง สายตาของอินเซ่าหยวนกวาดมองตั้งแต่เรียวขางามลากไปจนถึงข้อเท้า ผิวของเธอขาวใสเนียนละเอียดกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยเห็นมา

ปกติที่เขาเห็น เธอจะดูงดงามอ่อนหวาน แต่ทว่าวันนี้แววตาสุกใสกลับแฝงความเย้ายวนราวกับปีศาจ

เหลือเชื่อเป็นบ้า!

อินเซ่าหยวนหลุบตาต่ำ พี่เจียงเห็นของสวยๆ งามๆ แบบนี้ทุกวันแต่ยังนิ่งอยู่ได้ เป็น…พระอิฐพระปูนหรือยังไง!

“ของครบหมดหรือยัง” เจียงซูเสวียนหยิบกุญแจรถ เมื่อมองดีๆ เขาเห็นปากกาหมึกซึมแท่งสีดำอยู่ในกล่องดินสอใสแล้วมุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แวดวงวิชาการใช้ปากกาหมึกซึมเป็นตัวแทนความสำเร็จของบุคคล ส่วนใหญ่มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจบ้าง สำหรับการทุ่มเททำงานอย่างหนักบ้าง ฉะนั้นช่วงเวลาเช่นนี้จึงไม่มีของขวัญใดเหมาะสมไปกว่าปากกาหมึกซึมอีกแล้ว

ทั้งบัตรเข้าสอบ บัตรประชาชน เครื่องเขียนและนาฬิกาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการสอบ กู้ซีเฉียวเป็นคนรอบคอบ เธอไม่มีทางตกหล่นหลงลืม หญิงสาวชูกล่องดินสอพลางกล่าว “ครบถ้วน ไปกันเถอะ”

เจียงซูเสวียนพยักหน้าก่อนจะเดินนำเธอออกไป อินเซ่าหยวนไม่มีแม้แต่โอกาสจะถาม

“ป้าจาง นี่พวกเขากำลังทำอะไร” เขาไม่กล้าถามเจียงซูเสวียนตรงๆ จึงวิ่งเข้าไปถามป้าจางในครัว

ป้าจางที่กำลังหยิบชามแต่ละใบขึ้นมาเช็ดให้แห้งก่อนจะวางลงในตู้ฆ่าเชื้อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มตาหยี “คุณอินไม่ทราบเหรอคะว่าวันนี้เฉียวเฉียวสอบเอ็นทรานซ์! เดี๋ยว” ป้าจางตบตู้ฆ่าเชื้อดังป๊าบ “ยันต์ที่ฉันอุตส่าห์เตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้ให้เฉียวเฉียวเอาติดตัวไปด้วยเลย!”

สิ้นคำเธอก็รีบวิ่งตามออกไปพร้อมตะโกนเรียกกู้ซีเฉียวโดยไม่สนใจอินเซ่าหยวนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น

อินเซ่าหยวนได้แต่ยืนอึ้งอยู่ที่เก่าพร้อมใบหน้าสับสนหลงทิศ นี่ถึงวันสอบเอ็นทรานซ์แล้วเหรอ เขานับวัน วันที่เจ็ดเดือนมิถุนายนซึ่งก็คือวันนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เศร้าใจ น้องสาวที่เขาเพิ่งจะรู้จักกำลังจะสอบเอ็นทรานซ์แท้ๆ ทำไมเขาถึงไม่ใส่ใจเอาเสียเลย สมัยตอนที่เขาสอบเข้า บรรดาพี่ๆ น้องๆ แห่แหนกันมาอวยพรเอาฤกษ์เอาชัยแทบทุกคืน มีแม้กระทั่งป้ายไวนิลให้กำลังใจติดที่หน้าประตูโรงเรียนอีจง

เมื่อคิดตกเช่นนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาต่อสายพลางคิดอย่างอารมณ์ดี มิน่าล่ะวันนี้พี่เจียงท่าทางแปลกๆ

กู้ซีเฉียวนั่งอยู่ในรถ บนฝ่ามือขาวนวลมีผ้ายันต์กันภัยสีเหลืองอร่ามที่ป้าจางยัดใส่มือก่อนที่เธอจะขึ้นรถมา ‘เฉียวเฉียว เวลาสอบไม่ต้องตื่นเต้น ค่อยๆ ทำ ป้าจางจะทำอาหารอร่อยๆ รออยู่ที่บ้าน!’

รถเคลื่อนออกไปอย่างมั่นคงและมาถึงแถวโรงเรียนซานจงตอนแปดโมงครึ่ง การจราจรบนถนนหนาแน่น มีป้ายไวนิลแขวนตามแยกต่างๆ ซึ่งมีทั้งให้กำลังใจนักเรียนที่กำลังจะสอบ และป้ายห้ามบีบแตร ตามศูนย์สอบจะไม่อนุญาตให้รถผ่านเพราะอาจเป็นการส่งเสียงรบกวน

ในช่วงเวลาเช่นนี้ ผู้เข้าสอบทุกคนล้วนตื่นเต้น กู้ซีเฉียวก็เช่นกัน เป็นเพราะเธอได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศโดยรอบ

ในวินาทีถัดมา รถแล่นมาถึงทางแยกสุดท้ายก่อนถึงโรงเรียนซานจง

“ขออวยพรให้กู้เอ้อร์เฉียวสอบเข้ามหาฯลัยได้สำเร็จ!” กู้ซีเฉียวชำเลืองมองไปที่ป้ายไวนิลข้างทางแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างจนใจ…

พระเจ้า ใครมันทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้กัน

ในขณะนั้นเอง ชื่อ “กู้เอ้อร์เฉียว” ก็กระจายเกลื่อนเต็มทางแยกนั้น และที่สำคัญคือไม่มีเจ้าหน้าที่มาดึงป้ายเหล่านั้นออกเสียด้วย นั่นยิ่งทำให้นักข่าวเริ่มสงสัย มีชาวเน็ตไม่น้อยเริ่มสงสัยว่าคนแซ่กู้ในป้ายหมายถึงใครกัน

ไม่ว่าโรงเรียนซานจงจะไกลแค่ไหนเธอก็มาถึงแล้ว

“เข้าไปเถอะ ตั้งใจสอบ” เจียงซูเสวียนลงจางรถ ลูบศีรษะของเธอแผ่วเบา ในขณะนั้นนักเรียนคนอื่นๆ กำลังเข้าแถวเตรียมเข้าสนามสอบแล้ว

กู้ซีเฉียวพยักหน้ารับแล้วถือกล่องดินสอเดินไปเข้าแถว เธอได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอจากที่ไกลๆ หญิงสาวหันหลังกลับไปเห็นอินเซ่าหยวนกำลังวิ่งมา เหงื่อเต็มหน้าผาก เรือนผมสีดำขลับเปียกชื้น ทว่าไม่ได้ทำให้เขาดูดีน้อยลง เด็กนักเรียนหญิงหลายคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

หากเทียบกับเจียงซูเสวียนที่ดูไม่เป็นมิตร หนุ่มแบดบอยอย่างอินเซ่าหยวนกลับได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นผู้หญิงมากกว่า

ขณะนั้นกู้ซีเฉียวยืนอยู่ในแถวแล้ว อินเซ่าหยวนจึงไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไป ทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้างพร้อมโบกไม้โบกมือ “สู้ๆ!”

กู้ซีเฉียวมองไปเบื้องหน้า ลำแสงสีทองสาดส่องลงบนกำแพงสีขาวจนเกิดเป็นเปลวไฟสีสด เจ้าหน้าที่คุมสอบตรวจบัตรเข้าสอบของเธอแล้วจึงหลีกทางให้เธอเดินเข้าไปข้างใน กู้ซีเฉียวก้าวเท้าไปข้างหน้าสองสามก้าวก่อนจะหันหลังกลับมา

เจียงซูเสวียนยังคงยืนคอยอยู่ที่เดิม ใบหน้าหล่อเหลาแลดูไม่สะทกสะท้าน เขาหรี่ตามองกู้ซีเฉียว ใบหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่พลันผ่อนคลาย เขาส่งยิ้มมุมปากให้เธอ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหันกลับไปและเดินเข้าไปในอาคารเขาถึงหุบยิ้ม ท่าทีเย็นชาและรูปลักษณ์อันสูงส่งของเขาทำให้คนที่เดินผ่านไปมาจำต้องหลีกทางให้

ผู้ปกครองจำนวนมากมายืนออกันอยู่ที่หน้าทางเข้าหลักของโรงเรียนซานจง แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพวกเขาดูเงียบสงบ ไม่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเหมือนกลุ่มผู้ปกครองคนอื่นๆ บางคนเตรียมขวดน้ำและร่มมาด้วยเพราะตั้งใจจะรอบุตรหลานอยู่ที่หน้าประตู

มีคนไม่น้อยที่ทำเช่นเดียวกัน เจียงซูเสวียนกวาดตามองไปรอบๆ พอจะเดาได้ว่าครอบครัวส่วนใหญ่ยกโขยงกันมาให้กำลังใจลูกหลานอยู่ที่หน้าประตู และดูเหมือนว่าจะอยู่รอจนกว่าจะสอบเสร็จ

หากวันนี้ไม่มีเขาอยู่ด้วย เจ้าเด็กนั่นก็คงต้องมาสอบคนเดียวอย่างนั้นรึ

เจียงซูเสวียนใช้สองนิ้วยาวนวดบริเวณหว่างคิ้ว เขามองไปที่อินเซ่าหยวนแล้วคางก็เชิดขึ้นเล็กน้อย “ไปเถอะ” และกล่าวเสริมอีกประโยค “แล้วก็ช่วยดึงป้ายไวนิลพวกนั้นออกด้วย”

“ให้ผม…ดึง ดึงก็ดึง” อินเซ่าหยวนลูบคาง โธ่ ฉันไม่ควรคาดหวังคำชมจากพี่เจียงจริงด้วย

มันดูไม่เท่เหรอ?

“ไม่เท่ ปัญญาอ่อน” เจียงซูเสวียนชำเลืองมองชายหนุ่มราวกับว่าอ่านความคิดเขาได้

“…”

กว่าจะเข้าห้องสอบได้ต้องผ่านเครื่องสแกนเสียก่อน กู้ซีเฉียวยืนนิ่งอยู่ที่หน้าอาจารย์ผู้ชายพลางคิด โชคดีวันนี้ไม่ได้ใส่เสื้อในมีโครง…

กู้ซีเฉียวมองหาโต๊ะที่นั่งของตัวเอง เครื่องสแกนส่งเสียงขณะที่วาดลงไปใกล้รองเท้าข้างหนึ่งของเด็กผู้ชายที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง ครูจึงสั่งให้เขาถอดรองเท้าออกแล้วสแกนเฉพาะรองเท้า แต่เครื่องก็ยังส่งเสียงอยู่ เด็กหนุ่มจึงกล่าวว่า “ครูครับ ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมถอดให้”

ครั้นกล่าวจบเขาก็ถอดรองเท้าอีกข้าง

ผู้คุมเดินเข้ามา “ทำอะไรน่ะ เป็นซิลเดอเรลล่าหรือยังไง รีบใส่ รีบเข้าไปเร็วเข้า!”

“ครับผม!”

เด็กนักเรียนทุกคนในห้องคือนักเรียนที่เข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสิ้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กในห้องหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีทั้งที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด มือของกู้ซีเฉียวที่กำลังควงปากกาหมึกซึมหยุดชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นมามองเด็กนักเรียนชายที่กำลังเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อนักเรียนแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ที่ถูกซักจนซีด มือล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าหล่อเหลา ดูแล้ว…รู้สึกคุ้นๆ?

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท