โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 63 เธอหลับไป

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 63 เธอหลับไป

ด้านหลังพลันปรากฏร่างคนคนหนึ่งและรับร่างเธอไว้ได้อย่างนิ่มนวล

เจียงซูเสวียนก้มลงมองสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ร่างบางผิวใสผุดผ่อง ใบหน้างดงามหมดจด ขนตางอนยาวราวผีเสื้อ ริมฝีปากยังมีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่ เขาอุตส่าห์ทะนุถนอมดูแลเธอหลายวันกว่าจะเห็นเลือดฝากบนใบหน้างามของเธอ แต่ตอนนี้กลับขาวซีดเหมือนกระดาษอีกแล้ว

เขาค่อยๆ ยื่นมือไปเช็ดรอยเลือดตรงมุมปากของเธอออก นัยน์ตาคมกริบพลันหรี่ลง เขาหันกลับไปมองพื้นที่ว่างด้านข้าง จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ก่อนจะวาดสัญลักษณ์แปลกประหลาดบางอย่างลงในอากาศ

เงาของคนทั้งแปดปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นพวกเดียวกันกับที่กู้ซีเฉียวส่งไปอีกมิติหนึ่งเมื่อครู่นี้!

เมื่อเห็นคนทั้งแปด ดวงตาดำขลับของเจียงซูเสวียนก็พลันเย็นเยือกจนถึงขีดสุด เขาไม่เหมือนกับกู้ซีเฉียว หากเมื่อครู่เธอไว้ชีวิตพวกเขาด้วยความสงสาร แต่ใจที่แสนเย็นชาของเขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนี้เลยสักนิด เขาเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ออกมากิ่งหนึ่ง

ค่ายกลตัดขาดของเขาคือสุดยอดแห่งค่ายกล คนทั้งแปดตกลงไปสู่ค่ายกลที่เขาวางไว้ทันที ไร้ซึ่งหนทางรอดชีวิต เพราะพวกเขาไม่รู้จักค่ายกล ต่อให้เป็นคนทั่วไปแม้มีสติปัญญาล้ำเลิศแค่ไหนแต่เมื่อตกลงไปในค่ายกลแล้วก็ไม่มีทางหนีออกไปได้ อีกทั้งครั้งนี้เจียงซูเสวียนยังลงมืออำมหิตสร้างค่ายกลสังหารอยู่ด้านในค่ายกลแปดทิศอีกที โดยกิ่งไม้ที่เขาหักมาเมื่อครู่นั้นก็คือตำแหน่งของตาค่ายกล

เขามองชายฉกรรจ์ทั้งแปดที่ติดอยู่ในค่ายกลนั้นด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะหันกลับมามองกู้ซีเฉียวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ

“ฟ้าคุ้มครอง คุณธรรมปกป้อง เภทภัยไม่กล้ำกราย…มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ” เจียงซูเสวียนมองใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวตรงหน้า ไม่นึกสงสัยเลยว่าเหตุใดพลังชั่วร้ายถึงไม่สามารถกล้ำกรายเธอได้ คุณธรรมที่เธอมีพลังชั่วร้ายทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังก้องไปทั่วป่า

และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ…ในตัวของเธอมีกลิ่นอายวิทยายุทธ์โบราณอ่อนจางแฝงอยู่ด้วย

จู่ๆ ห้วงอากาศก็บิดเบี้ยว เพียงครู่เดียวร่างทั้งสองก็หายไปจากป่าเล็กแห่งนี้

อีกด้านหนึ่งของเมืองในห้วงมิติปิด คนผู้หนึ่งในชุดนักพรตพลันกระอักเลือดสดออกมา ในเลือดสดๆ นั้นปนเปไปด้วยเศษอวัยวะภายใน คนคนนั้นไม่ทันได้เช็ดปากเพียงหันมองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความตกใจ เขานั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ หยกที่อยู่ตรงหน้าของเขาหลายชิ้นพลันหม่นแสงลงและสลายกลายเป็นเถ้าในชั่วพริบตา

แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านบางสะท้อนลงบนพื้นห้อง ในห้องสีขาวสะอาดมีร่างของสาวน้อยคนหนึ่งนอนหลับอยู่ ขนตางอนยาวค่อยๆ ขยับไหว เธอลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตางดงาม ก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีระแวดระวัง เมื่อมองเห็นห้องที่คุ้นเคยทันใดความหวาดระแวงจึงค่อยสลายหายไป

กู้ซีเฉียวนวดกดจุดไท่หยางของตนและหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะมาดู ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ปกติเธอไม่เคยตื่นสายเช่นนี้เลยไม่รู้ว่าวันนี้คุณปู่จะรอเธอไปรำมวยด้วยกันอยู่ไหม

เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้เลือนราง กระทั่งยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตนเองกลับมาที่นี่ได้อย่างไร กู้ซีเฉียวขมวดคิ้วเดาว่าตัวเธอเองน่าจะหมดสติหลังจากที่กางค่ายกลนั้นสำเร็จ ส่วนสาเหตุที่เป็นลมไปนั้นกลับไม่แน่ชัด

ตอนทานข้าวเธอจึงเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา เจียงซูเสวียนเหลือบมองเธอ ก่อนจะค่อยๆ พลิกหน้าหนังสือที่ดูอยู่ คิ้วของเขางามดั่งภาพวาด น้ำเสียงอ่อนโยน “คืนวันก่อนฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของเธอ เลยรีบหาจุดพิกัดที่เธออยู่ จากนั้นก็ไปเจอเธอที่เขาลูกเล็กๆ ลูกหนึ่ง ตอนนั้นเธอก็หลับไปแล้ว”

คืนวันก่อน? แถมยังหลับไปอีก … กู้ซีเฉียวมุมปากกระตุก

นั่นหมายความว่าเธอหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เธอต้องง่วงขนาดไหนกันนะถึงนอนได้หนึ่งวันหนึ่งคืน แถมยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

กู้ซีเฉียวทานข้าวเสร็จก็รีบโทรหาเซียวอวิ๋น ทันทีที่เซียวอวิ๋นได้รับสายจากเธอก็ดีใจมาก เสียงของเธอแหบแห้งจนกู้ซีเฉียวต้องบอกว่า “ตอนนี้เธออย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เสียงเธอตอนนี้ฟังแล้วยิ่งทำให้ฉันปวดหัว เธอพักผ่อนให้หายดีเถอะ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเธออย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”

ลำพังเรื่องที่บ้านของเซียวอวิ๋นก็น่าปวดหัวพอแล้ว เธอไม่อยากให้เซียวอวิ๋นเข้ามาพัวพันอีก

ทันทีที่กู้ซีเฉียวเอ่ยจบ เซียวอวิ๋นก็นิ่งเงียบไป กู้ซีเฉียวบอกกับเธออย่างอารมณ์ดีว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันเป็นคนก่อเรื่องเอง ถ้าวันนั้นเธอไม่ได้ไปกับฉันเธอก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้หรอก เพราะงั้นเธอเชื่อฉันกลับไปจัดการเรื่องวุ่นวายของบ้านเธอก็พอแล้ว”

เซียวอวิ๋นถึงยอมรับปาก แต่เป็นการตอบรับอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่รู้ว่าฟังเข้าหูมากน้อยแค่ไหน กู้ซีเฉียวได้แต่ลูบหน้าผากก่อนจะวางสาย จากนั้นมู่จงก็โทรมาเพื่อบอกว่าเรื่องฝั่งเขาจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว พรุ่งนี้สามารถเปิดกิจการได้ตามแผน

กู้ซีเฉียวคุยอยู่อีกครู่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินการไปตามแผนเลยไม่เข้าไปวุ่นวายอีก เพียงเอ่ยถามเรื่องอื่นแทน

มู่จงได้ยินคำถามของกู้ซีเฉียวก็อึ้งไปครู่หนึ่งจึงตอบว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างเกินมือไปบ้าง แต่ผมจะพยายามทำให้ได้ครับ”

“ได้ งั้นเจอกันคืนนี้” กู้ซีเฉียววางสาย สายตานิ่งเรียบทอดมองไปนอกหน้าต่าง ผ่านไปนานถึงจะวางมือถือลงก่อนจะยกยิ้มเย็น

ในชาติที่แล้วหลังจากที่เธอได้สืบทอดกิจการตระกูลกู้ก็จัดการสังคายนาบัญชีทั้งหมดไปรอบหนึ่ง จุดอ่อนต่างๆ ของตระกูลกู้ล้วนอยู่ในกำมือเธอ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานที่กู้จู่ฮุยใช้เงินก้อนใหญ่หมดไปกับการเล่นพนัน เธอก็รู้ว่ามันถูกซ่อนอยู่ที่ไหน หากเธอต้องการทำลายตระกูลกู้ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง เธอเพียงออกแรงนิดเดียวบรรดาคู่แข่งของตระกูลกู้ก็จะพากันรุมทึ้งตระกูลกู้จนพังพินาศ

เหมือนกับชาติที่แล้ว “กู้ซีจิ่น เธอนี่มัน…อยากรนหาที่ตายขนาดนั้นเลยเหรอ”

ตกค่ำ กู้ซีเฉียวนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เธอนั่งเท้าคางมองคนที่เดินผ่านไปมาด้านนอก ขณะที่เธอมองพวกเขากลับไม่รู้เลยว่าเธอเองก็เป็นทิวทัศน์แสนงดงามอย่างหนึ่งเช่นกันทำให้ร้านกาแฟที่ปกติลูกค้าบางตาคนแน่นเต็มร้าน เจ้าของร้านลิงโลดจนแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่

มู่จงมาผิดเวลานัดเล็กน้อย เขาหายใจหอบถี่ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะพลางดื่มน้ำเปล่าที่กู้ซีเฉียวสั่งมาให้ถึงจะคลายความเหนื่อยลงได้ “เมื่อครู่สคริปต์ของฝ่ายขายบังเอิญเกิดข้อผิดพลาด เกือบจะมาสายแล้ว”

“ไม่รีบ” กู้ซีเฉียวหันหัวไปมองเขาและยิ้มออกมา “เรื่องงานพรุ่งนี้เตรียมการเป็นยังไงบ้างแล้ว”

“พวกเราจัดงานที่สวนวัฒนธรรมตามที่คุณวางแผนไว้ เหล่าบรรดาคนดังที่ยอมใช้ระบบบริหารของเราต่างตอบรับว่าจะมาร่วมงาน กระทั่งสำนักข่าวหลายแห่งก็มาเอ่ยปากขอเข้าร่วมงานเองเลย ดูท่าเหยื่อที่คุณกู้หย่อนไว้จะล่อใจมาก พวกเขาถึงแห่กันมาแบบนี้” ท่าทางหมดอาลัยในวันวานของมู่จงแปรเปลี่ยนเป็นสดใสเปล่งประกาย

กู้ซีเฉียวเพียงยิ้มบางๆ ทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ของเธอ การทำธุรกิจส่วนใหญ่ล้วนแต่คุยถึงเรื่อง ‘ผลประโยชน์’ เป็นหลัก ในเมื่อเธอนำเอาซอฟต์แวร์ล้ำสมัยขนาดนี้มานำเสนอก็ยากที่คนพวกนั้นจะไม่มารุมทึ้ง

“แต่ว่ารอบนี้มีบริษัทหลานเฉินเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาเป็นสปอนเซอร์ให้เราด้วย เป็นบริษัทเกี่ยวกับสื่อบันเทิง ตอนแรกผมคิดจะปฏิเสธไป แต่พอได้รู้ว่าคนเบื้องหลังของบริษัทหลานเฉินเป็นใครผมก็ไม่อยากจะผิดใจกับเขาเลยยอมให้เขามาเป็นสปอนเซอร์ของเรา เพียงแต่…” มู่จงขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยต่อ เขากลัวว่าบริษัทหลานเฉินจะค่อยๆ หาทางกลืนบริษัทเล็กๆ อย่างพวกเขาไป

หลานเฉิน?

กู้ซีเฉียวยื่นมือออกมาอังแก้วกาแฟพลางนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นอีกธุรกิจย่อยของอินเซ่าหยวน “ไม่เป็นไร ถ้าพูดถึงเรื่องฐานะของคนเบื้องหลังหลานเฉิน ฉันว่าเขาคงไม่สนใจธุรกิจเล็กๆ ของพวกเราหรอก เราทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอแล้ว”

เพราะอย่างไรเธอก็ยังถือหุ้นของหลานเฉินอยู่สองเปอร์เซ็นต์ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กู้ซีเฉียวก็ครุ่นคิดพลางเสนอออกมา “งั้นแบ่งหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ให้หลานเฉินก็แล้วกัน”

คำว่าหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ทำเอามู่จงตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้านิ่งเรียบไม่ใส่ใจของกู้ซีเฉียว ในใจเขาก็อดครุ่นคิดไม่ได้ พอจะเดาได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของหลานเฉินต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับกู้ซีเฉียวแน่ๆ แถมยังต้องสนิทกันด้วย มู่จงพยายามสะกดกลั้นความประหลาดใจนี้เอาไว้แล้วเอ่ยรับคำ

หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ กู้ซีเฉียวใจกว้างมากจริงๆ

ต่อให้ในใจของมู่จงจะกระวนกระวายแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญของนัดในวันนี้ เขาหยิบเอกสารบางอย่างยื่นให้กู้ซีเฉียว “ผมไปลองหาข้อมูลตามที่คุณอยากได้มาจากหลายๆ คน แต่เพราะเวลาค่อนข้างกระชั้นพวกเขาเลยหาข้อมูลมาให้ได้ไม่มากเท่าไหร่”

กู้ซีเฉียวอ่านดูรอบหนึ่ง จากนั้นก็เก็บเอกสารใส่กระเป๋าและยิ้มให้มู่จง “แค่นี้ก็พอแล้ว”

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท