ตอนที่ 75 สำเร็จ
เมื่อได้ยินระบบอธิบายดังนั้น กู้ซีเฉียวที่เดิมทีใจเต้นรัวก็สงบนิ่งลง เมื่อเธอรู้ที่มาที่ไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีก
เจียงซูเสวียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งของตน หลังจากที่นั่งลงแล้วเขาก็ย้ายจานผลไม้ไปไว้ตรงหน้าของกู้ซีเฉียว
นางแบบสาวที่นั่งอยู่ข้างกายหวังลี่ซินรู้สึกไม่ชอบใจนักเมื่อเห็น เธออายุไม่มากแต่ก็อยู่ในวงการมานานแล้ว ยิ่งอยู่ในวงการนานวันเข้าเธอก็ปรับตัวได้และรู้วิธีเอาตัวรอดในวงการนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าผู้อุปการะคุณของเธอจะหน้าตาจะไม่หล่อแต่ก็ไม่แย่ นิสัยปานกลาง แต่ขอเพียงเขาคนนั้นช่วยหางานมาให้เธอได้ อะไรเธอก็ยอมทนทั้งนั้น ถ้าเธอไม่ทำเช่นนั้นก็คงไม่สามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ได้
การที่เธอติดตามหวังลี่ซินมาตลอดช่วงหลายวันมานี้ ทำให้เธอได้รู้จักกับเจียงซูเสวียน แม้ว่าจะไม่ได้พูดจาอะไรกัน แต่ก็พอจะรู้เรื่องราวของเขามาบ้าง ชายหนุ่มร่ำรวย อายุน้อย หน้าตาหล่อเหลา เป็นประเภทของผู้อุปการะคุณที่ฮอตที่สุดในวงการ แต่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นเขาพาใครมาด้วยเลยสักคน พอได้เห็นเขาพาหญิงสาวอ่อนวัยคนนี้มาด้วยอย่างกะทันหัน ในใจนางแบบสาวก็เกิดความริษยาและอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
เธอมองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยสายตาดูถูกและจัดให้เธออยู่ในประเภทเด็กเสี่ยประเภทนั้น
“น้องสาวคนนี้เพิ่งหัดออกมาเที่ยวใช่ไหม” เธอนั่งอยู่ไม่ไกลจากกู้ซีเฉียว ทั้งสองนั่งอยู่ในระยะมือเอื้อมถึง เธอรินเหล้าแล้วส่งแก้วเหล้าให้กู้ซีเฉียว “พี่สาวคนนี้ขอเลี้ยงเหล้าน้องสาวสักแก้ว”
กู้ซีเฉียวแหงนหน้ามองเธอปราดหนึ่งแล้วรับแก้วเหล้ามาอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้ดื่มลงไป เพียงวางลงด้านข้าง
สีหน้านางแบบสาวพลันเย็นเยียบ ก็ออกมาขายเหมือนๆ กัน มาทำหยิ่งผยองอะไรกัน เธอมองเจียงซูเสวียนที่ทำหน้านิ่งไม่แสดงท่าทีใดก็คิดไปเองว่าเขาคงไม่ได้ชอบสาวแบบนี้เท่าไหร่นัก เมื่อคิดดังนั้น เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดข้างๆ กู้ซีเฉียว
“อะไรกัน น้องสาวไม่ชอบหรอกเหรอ” เธอหยิบแก้วเหล้าแก้วนั้นไปจ่อที่ปากของกู้ซีเฉียว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กู้ซีเฉียวพลันขยับมือพลังลึกลับในร่างถูกดูดจนเกลี้ยงในพริบตา
[ติ๊ง! หัก 20 คะแนน โฮสต์ได้รับยันต์โบนัส 1 ครั้ง]
ที่กู้ซีเฉียวมองไม่เห็นก็คือเวทย์คาถาที่เธอทำนั้นสัมฤทธิ์ผลแล้ว บนหัวของหวังลี่ซินมีควันสีดำพวยพุ่งออกมา ควันสีดำนั้นเย็นยะเยือกและเมื่อลอยออกมาทั่วบริเวณก็ปรากฏชั้นหมอกสีขาวเข้าปกคลุมโดยรอบ
ควันสีดำบางส่วนสลายหายไป บางส่วนกระจายไปทั่วบริเวณ ควันสีดำบางกลุ่มที่กำลังจะปะทะถูกตัวกู้ซีเฉียวพลันหยุดนิ่งลงจากนั้นค่อยๆ สลายหายไป
ทั้งหมดนี้กู้ซีเฉียวมองไม่เห็น แต่ล้วนอยู่ในสายตาของเจียงซูเสวียนทั้งหมด เขามองไปที่กู้ซีเฉียวด้วยความประหลาดใจ
นางแบบสาวเห็นกู้ซีเฉียวเมินใส่ก็รู้สึกไม่พอใจ หางตาพลันเหลือบไปเห็นสายตา ‘ดุดัน’ ที่เจียงซูเสวียนมองมาที่กู้ซีเฉียวก็ดีใจขึ้นแวบหนึ่ง หรือเขาจะช่วยออกตัวแทนเธอหรือนี่
ยิ่งคิดยิ่งมีเหตุผล นางแบบสาวคนนั้นยืดอกเอ่ยขอความเห็นใจ “คุณชายเจียง คุณพาผู้หญิงที่ไหนมาด้วยคะเนี่ย”
เพียะ!
เจียงซูเสวียนยื่นมือไปปัดแก้วเหล้าในมือนางแบบสาวคนนั้นออก ก่อนจะคว้าตัวกู้ซีเฉียวแล้วเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป ในเมื่อเรื่องต่างๆ คลี่คลายแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก
ที่นี่ไม่มีคนอันตรายแล้ว เดี๋ยวคงมีคนมาจัดการต่อให้เรียบร้อย
ทั้งห้องจัดเลี้ยงเงียบลงในทันที เสียงเอะอะโวยวายพลันหายไป รวมไปถึงนางแบบสาวคนนั้นด้วย ทั้งหมดมองไปทางเจียงซูเสวียนนิ่ง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเย่อหยิ่งถึงขนาดนี้
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย ในภาพจำของพวกเขาเจียงซูเสวียนก็เป็นเพียงลูกคนรวยทั่วๆ ไปเท่านั้น แต่ในตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกว่าเขาช่างแตกต่างจากภาพจำในหัวเสียเหลือเกิน
คิ้วและดวงตาที่ดูคมสัน งดงามดั่งภาพวาด แม้จะอยู่ในห้องมืดสลัวก็ไม่สามารถทำลายออร่าในตัวเขาลงได้เลยสักนิด
ปัง! หวังลี่ซินที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานสลบไสลลงไปทันที ความโกลาหลพลันเกิดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงนั้น
“เซียวอวิ๋นยังรอฉันอยู่ที่งานเลี้ยงรุ่น ฉันยังกลับไปกับพี่ในตอนนี้ไม่ได้” กู้ซีเฉียวชะงักเท้าขณะเดินลงจากตึก จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวอวิ๋นยังรอเธออยู่ที่ห้องจัดเลี้ยง
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู หน้าจอระบุสายที่ไม่ได้รับถึงยี่สิบสาย
เจียงซูเสวียนโอบบ่าเธออยู่ตลอด เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นก็เหลือบมองแวบหนึ่ง มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ไม่ได้”
กู้ซีเฉียว “….”
“ก็เธอบอกเองว่าจะมากับฉัน” เจียงซูเสวียนเอ่ยประโยคต่อมาอย่างเชื่องช้า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันน้อยๆ ตอนที่ออกมาเมื่อครู่เขาตรวจพบว่าพลังลมปราณในตัวของเธอถูกดูดออกไปจนหมด เธอในตอนนี้อยู่ในสภาพที่อ่อนแอนัก ต้องรีบพักผ่อนให้ดี
เขาจะปล่อยให้เธออยู่ข้างนอกในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันโทรศัพท์บอกเซียวอวิ๋นก่อน” กู้ซีเฉียวมองตาเขา รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์จะต่อรองใดๆ เธอจึงได้แต่โทรกลับไปหาเซียวอวิ๋น ระหว่างนั้นก็เอ่ยขึ้นกับเจียงซูเสวียนว่า “วันนี้เป็นงานรวมตัวเพื่อนๆ มัธยมครั้งสุดท้าย ถ้าฉันกลับไปก่อนแบบนี้จะไม่ดีรึเปล่า”
“ไม่หรอก พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน พวกนั้นไม่คิดอะไรมากหรอก สภาพเธอในตอนนี้เดินยังต้องให้ฉันช่วยพยุงเลย เธอจะกลับไปเฮฮากับพวกนั้นต่อไหวได้ยังไง” เจียงซูเสวียนพูดพลางขยี้หัวเธอแล้วถอนหายใจเบาๆ “เธอไม่จำเป็นต้องคิดแทนคนอื่นในทุกๆ เรื่องหรอกนะ บางทีก็ต้องคิดถึงตัวเองไว้บ้าง คนเราต้องรู้จักอยู่เพื่อตัวเอง”
กู้ซีเฉียวชะงักไป นิ่งไปครู่ค่อยเอ่ยตอบ “… ฉันรู้น่า”
เธอก็แค่เคยชินก็เท่านั้น
หัวหน้าห้องเป็นคนรับโทรศัพท์ของเซียวอวิ๋น “โอ้พระเจ้า ในที่สุดเธอก็โทรมา เซียวอวิ๋นกับเพื่อนๆ ผู้หญิงเกือบจะพังห้องน้ำเพื่อหาตัวเธอแล้ว ถ้าเธอยังไม่โทรมาพวกเรากะว่าจะไปโวยวายกับโรงแรมแล้วนะ”
หากเป็นคนอื่นๆ หัวหน้าห้องกับเพื่อนๆ ก็คงไม่เป็นเช่นนี้ แต่นี่คือกู้ซีเฉียว เซียวอวิ๋นเองตาแดงก่ำวิตกจนเกือบโทรหาอู่หงเหวินให้มาช่วย ยังดีที่เพื่อนๆ คนอื่นเห็นเธอร้อนรนเช่นนั้นเลยรีบช่วยกันออกตามหา เมื่อพลิกทุกห้องบนชั้นสองเพื่อตามหากู้ซีเฉียวแล้วไม่เจอ พวกเขาก็กระจายตัวไปตามหาที่ชั้นสามต่อ
ทันทีที่ได้รับสาย หัวหน้าห้องก็โล่งใจไปมาก ขอแค่ไม่หายตัวไปก็ดีมากแล้ว
“… เธอให้พวกเขาออกมากันได้แล้ว” กู้ซีเฉียวทั้งขำทั้งตื้นตัน รออีกครู่เซียวอวิ๋นก็มารับสายโทรศัพท์
เซียวอวิ๋นที่รู้ว่ากู้ซีเฉียวอยู่กับเจียงซูเสวียนก็วางใจ
เจียงซูเสวียนรอจนเธอวางสายลงจึงค่อยพูดออกมา “เพื่อนนักเรียนพวกนี้ของเธอใช้ได้เลย เธอควรคบพวกเขาไว้ดีๆ”
ที่เขาไม่ได้พูดให้จบก็คือ ‘พวกคนตระกูลกู้ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเขาไม่คู่ควรกับเธอเลย’
“ฉันรู้” กู้ซีเฉียวพยักหน้า ชาติที่แล้วเธอไม่เคยรู้จักกับพวกนักเรียนห้องคู่ขนานมาก่อน มาชาตินี้เพราะครูประจำชั้นทำให้พวกนักเรียนอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี อย่างน้อยทุกคนต่างก็มีใจกตัญญูรู้คุณ
หลังจากกลับไปแล้วกู้ซีเฉียวก็ตั้งใจทำความเข้าใจกับภารกิจหมุนเวียนสุดท้าย แต่ด้วยข้อจำกัดของระบบในการเข้าถึงข้อมูลทำให้รายละเอียดที่หาออกมาได้นั้นมีจำกัด ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่ารอบสุดท้ายของภารกิจนี้คืออะไร และมีความยากแค่ไหน
“หากจะอัปเกรดเธอไปเลเวลต่อไปต้องใช้กี่คะแนนเหรอ” กู้ซีเฉียวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกับระบบในพื้นที่เสมือนจริง
ระบบเงยหน้าลอบมองมาที่กู้ซีเฉียวอย่างระวัง [หนึ่ง … หนึ่งพันคะแนน]
กู้ซีเฉียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แหงนหน้ามองมาที่ระบบ ดวงตาเย็นชาจนดูไม่ออกว่าเธอคิดอะไรอยู่ นั่นทำให้ระบบละล่ำละลั่ก
หลังจากนิ่งเงียบไปนาน ริมฝีปากบางก็แย้มออกเล็กน้อย “… ไว้วันหลังค่อยว่ากันใหม่”
[….] ระบบรู้อยู่แล้วว่าต้องมาท่านี้แน่
“เมื่อถึงเวลาอันควร ฉันจะอัปเกรดให้เธอแน่นอน” เธอยิ้มบางๆ คิ้วและดวงตาอ่อนโยนงดงาม
[ขอบใจเฉียวเหม่ยเหริน!] ระบบดวงตาเป็นประกาย
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่เหล่าบรรดานักเรียนมัธยมปลายแห่งเมืองเอ็นรอคอยมากที่สุดและลุ้นระทึกที่สุดเพราะเป็นวันประกาศผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นวันชี้ชะตาความสำเร็จและความล้มเหลว
ตอนเก้าโมงเช้า บรรดานักเรียนในชั้นปีต่างพากันนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทีตื่นเต้นเพื่อเช็กผลคะแนน นี่คือผลสรุปทั้งหมดที่พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาร่ำเรียนมาอย่างยากลำบากกว่าสิบสองปี เป็นวันกำหนดเส้นทางข้างหน้าของพวกเขา เป็นวันที่กำหนดต้นน้ำแห่งชีวิตที่ชัดเจนของทุกคน
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้เป็นคนนิ่งขรึมขนาดไหนก็อดจะตื่นเต้นกระสับกระส่ายไม่ได้ อีกทั้งล้วนละล้าละลังไม่กล้ากดปุ่มเอ็นเทอร์