โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ – ตอนที่ 102 สาเหตุ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

ตอนที่ 102 สาเหตุ

เดิมทีซูเหวินมาที่นี่พร้อมกับเพื่อนมหาวิทยาลัยเพื่อเที่ยวเล่นและมาสัมผัสชีวิต ‘ความสุขของชนบท’ แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่โดยรวมแล้วเขาได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงสิ่งอื่น ลำพังแค่มีกู้ซีเฉียวและถังชิงหงอยู่ที่นี่ เขาก็รู้สึกวางใจมากแล้ว

หมู่บ้านไป่ซิ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ บริเวณทิศเหนือเป็นภูเขา บริเวณเชิงเขามีแอ่งน้ำซึ่งถูกขุดขึ้น สายน้ำจากยอดเขาจะไหลลงมายังแอ่งน้ำนี้ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ชาวบ้านจะลงไปในสระเพื่อจับปลา น้ำจะเริ่มแห้งเพียงพอให้ผู้หญิง ผู้ชาย เด็กและคนแก่สามารถลงไปเดินได้

กิจกรรมนี้ไม่อาจดึงดูดความสนใจของกู้ซีเฉียว เมื่อก่อนตอนที่อวี๋มั่นยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่ก็ไม่เคยไปที่บ่อปลาเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นจะมีชาวบ้านนำปลาตัวอ้วนพีสองสามตัวมาให้พวกเธอ

แต่สำหรับสือโถว กิจกรรมนี้สร้างความตื่นเต้นให้แก่เด็กน้อยยิ่งนักราวกับว่าเขาสามารถเล่นอยู่ตรงนั้นได้ทั้งวันทั้งคืนไม่มีเบื่อ แค่ได้ยินว่าตรงไหนมีเรื่องสนุก เขาก็พร้อมจะพุ่งตัวไปตรงนั้น แม้ตัวจะยังเดินไปไม่ถึง แต่หูก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเป็นครั้งคราว ปีนี้มีกลุ่มของซูเหวินเพิ่มขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้กิจกรรมวันนี้ครึกครื้นเป็นเท่าตัว หนุ่มสาวในหมู่บ้านมาช่วยกันขยันขันแข็ง

บนริมสระยังมีเด็กสาวที่งามดั่งดอกไม้ยืนอยู่อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็คือเพื่อนๆ ของซูเหวิน พวกเธอกางร่มยืนนิ่งอยู่ที่ถนน เด็กสาวพวกนี้ไม่อยากจะให้ตัวลงไปเลอะโคลนในบ่อ แต่ถึงอย่างนั้นความสนใจของพวกเธอก็ไม่ได้น้อยลง ส่วนพวกเด็กหนุ่มในกลุ่มไม่ได้มานั่งใส่ใจเรื่องเหล่านี้ พวกเขาจัดการถอดรองเท้า ม้วนขากางเกงและกระโดดลงไปในบ่อทันทีที่มาถึง

เจี่ยเวยและเปาซินอี๋อยู่ในกลุ่มเด็กสาวที่ยืนดูอยู่บนริมแอ่ง เมื่อพวกเธอเห็นกู้ซีเฉียวกำลังเดินเยื้องย่างตรงมาทางนี้ พวกเธอก็มองกู้ซีเฉียวด้วยสายตาแปลกๆ และเริ่มกระซิบกระซาบทำตัวเหมือนคนมีผักติดฟัน อย่างไรอย่างนั้น

แต่เพราะเธอคือกู้ซีเฉียว เธอจึงไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น ภาพที่เธอยืนนิ่งๆ อยู่ใต้ร่มไม้สง่างามปานบุปผา

ความสวยของเธอคนเดียวยังมากกว่าความสวยของเด็กสาวทั้งกลุ่มรวมกัน

“เราไม่ได้ร้องอยากจะมาหรอกเหรอ ไม่รีบลงไปล่ะ” กู้ซีเฉียวก้มศีรษะพลางชำเลืองมองไปที่สือโถว สายตาของอีกฝ่ายจดจ้องไปที่บ่อน้ำแล้วดวงตากลมโตก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เมื่อได้ยินคำของกู้ซีเฉียว สือโถวก็กะพริบตาปริบๆ นัยน์ตาของเด็กน้อยมีแสงสว่างวาบผ่าน แต่หลังจากนั้นเหมือนฉุกคิดอะไรได้ เด็กน้อยก้มศีรษะด้วยท่าทีเศร้าสร้อย “ช่างเถอะ ไม่ลงดีกว่า เมื่อเดือนก่อนมีชาวมาบ้านอาบน้ำที่นี่ แต่เกือบจมน้ำตาย แม่ก็เลยไม่ให้ผมลงน้ำ”

หญิงสาวถูนิ้วเรียวของตัวเองก่อนจะมองไปที่คนในสระ แววตาขับประกายไม่นานก่อนจะหายไป “งั้นก็ฟังที่แม่พูดนั่นแหละ”

ตอนแรกหลี่เยี่ยนเหมยก็ลงไปในจับปลาในสระ แต่จับไปได้ไม่กี่ตัวก็ถูกผู้เป็นพ่อไล่ขึ้นมา เธอเหลือบไปเห็นกู้ซีเฉียวที่ยืนบนฝั่ง เธอจึงขึ้นมาแล้วเดินไปหาทั้งคู่

“เมื่อกี้เธอไม่อยู่นี่” หลี่เยี่ยนเหมยล้างมือ ล้างหน้า หันไปยิ้มกับสือโถวก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กู้ซีเฉียว “เจี่ยเวยพูดถึงเธอด้วย”

“พูดอะไร” กู้ซีเฉียวดึงกระดาษทิชชูส่งให้เธอ

หลี่เยี่ยนเหมยรับไป “ก็พูดว่าเธอ…” มีคำบางคำที่เธอพูดไม่ออก เธอจ้องตากู้ซีเฉียว นัยน์ตาสีนิลส่อแววจริงจัง “เธอมีรถคันหนึ่ง แถมยังเป็นรถแบบที่แพงหูฉี่ด้วย?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ซีเฉียวก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองหลี่เยี่ยนเหมย “รถนี้ฉันได้มาอย่างถูกต้อง พี่อย่าไปฟังที่คนอื่นพูดมั่วๆ”

“ฉันรู้น่า” หลี่เยี่ยนเหมยถอนหายใจอย่างโล่งอก “เจี่ยเวย ยัยตัวดี นิสัยปากเปราะนี่แก้ไม่หายจริงๆ!”

“จะว่าไปแล้ว ฉันไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเจี่ยเวยใช่รึเปล่า” คิ้วบางขมวดลงเล็กน้อย กู้ซีเฉียวเฝ้าสงสัย แม้เธอจะไม่ได้เป็นคนอัธยาศัยดีปานนั้น แต่คิดว่าก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้ใช่รึเปล่า “ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจ้องจะเล่นงานฉัน”

หลี่เยี่ยนเหมยมองกู้ซีเฉียวก่อนจะเงียบไปชั่วอึดใจ “เธอคงยังไม่ลืมหรอกใช่ไหม”

“หมายถึงอะไร” นัยน์ตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย

“ก็ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามอต้น มีรุ่นพี่ผู้ชายมอปลายชอบมาหาเธอไม่ใช่เหรอ” หลี่เยี่ยนเหมยมองสีหน้างงงวยของกู้ซีเฉียวแล้วจึงลูบหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ “ก็เดือนโรงเรียนของพวกเราไง ตอนนั้นเด็กผู้หญิงในโรงเรียนชอบเขาเกือบทุกคน เจี่ยเวยเคยประกาศกร้าวไว้ว่าจะเอาเขามาเป็นแฟนให้ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้จีบ รุ่นพี่คนนั้นดันถูกใจเธอ เธอจำไม่ได้เลยเหรอ”

กู้ซีเฉียวตาค้าง มอต้นนี่เอง เรื่องนานเป็นชาติ เธอถอนหายใจ “ฉันจำไม่ได้แล้วจริงๆ แค่เพราะเรื่องนี้เธอก็เลยกัดฉันไม่ปล่อยงั้นเหรอ”

“คนเขาอุตส่าห์ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ แต่เธอเนี่ยนะ ไม่ต้องลงแรงทำอะไรก็มีเดือนโรงเรียนเข้าหา” หลี่เยี่ยนเหมยหัวเราะ แม้ตอนนั้นกู้ซีเฉียวยังเด็กมาก แต่เธอหน้าตาดี สดใสน่ารัก อวี๋มั่นไม่เคยปล่อยให้เธอทำงานหนัก เธอจึงไม่เหมือนเด็กต่างจังหวัดทั่วไป “ฉันเดาว่าตอนนั้นเจี๋ยเหว่นคงแค้นแทบกระอักเลือด เธอก็รู้ว่านิสัยของนางเย่อหยิ่งขนาดไหน ตอนจบมอสามนางก็ย้ายไปเรียนในเมืองเพราะเธอนั่นแหละ”

“ก็ถ้าฉันรู้แต่แรกคงไปคุยให้รู้เรื่อง ทำแบบนี้มันไม่ถูกสักหน่อย” กู้ซีเฉียวทำหน้าจริงจัง

หลี่เยี่ยนเหมย ฉันล่ะเป็นห่วงสวัสดิภาพของเจี่ยเวยจริงๆ

ทั้งสองเงียบไปชั่วขณะ สายตาทอดมองไปที่บ่อปลา ตั้งแต่กู้ซีเฉียวมาถึง หนุ่มๆ ในบ่อปลาก็หาปลากันอย่างขยันขันแข็ง พวกเขาหันมามองบนฝั่งเป็นครั้งคราว มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและคนแก่ที่โบกมือให้เธอจากที่ไกลๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ กู้ซีเฉียวจึงยิ่งดูเป็นจุดสนใจกว่าเดิมเสียอีก

“พี่เสี่ยวกู้ ไปดำนาคราวหน้า ผมว่าผมจะเอารูปพี่แขวนไปไว้บนต้นไม้” สือโถวนั่งยองอยู่ใต้ต้นไม้ เด็กน้อยมองไปที่บ่อปลาพลางเอ่ย

กู้ซีเฉียวตามไม่ทันความคิดของเขา “เพื่อ?”

“ก็ดูพี่คนโตของตระกูลหลี่สิ คนขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างเขากลับดึงอวนจับปลาขึ้นมาตั้งสองรอบ” สือโถวชี้นิ้วไปที่คนหนึ่งที่อยู่ในบ่อปลา “พี่ก็น่าจะรู้ว่าปกติแล้วคนขี้เกียจเขาไม่ค่อยทำการทำงานหรอกนะ”

หลี่เยี่ยนเหมยมองตามก่อนจะปิดปากหัวเราะ “จริงด้วย เสี่ยวกู้ ปกติตอนเธอไม่มา เขาจะเดินลอยไปลอยมาอยู่ที่ริมสระ ขนาดลุงหลี่ด่าแล้วเขายังไม่ทำเลย”

“…พวกเธอไม่ต้องอธิบายแล้ว” คนหนึ่งพูดอีกคนหนึ่งเสริม ต่อให้กู้ซีเฉียวหน้าหนาเพียงใดก็ไม่อาจทนฟังต่อได้ “สือโถว ไม่อยากลงน้ำเหรอ”

สือโถวถูกดึงความสนใจไปทันใด “จริงด้วย พี่เสี่ยวกู้จะไปพูดกับแม่ให้เหรอ”

กู้ซีเฉียวหรี่ตาเล็กน้อย วางมือบนหัวสือโถว สือโถวฉงน เด็กน้อยรู้สึกเหมือนมีลมอุ่นๆ ที่ศีรษะ แต่ครู่เดียวก็รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ริมฝีปากสีอ่อนยกขึ้นเล็กน้อย “ลงไปหาพ่อไป ถ้าพ่อพูดอะไรก็ให้บอกว่าพี่สั่งให้ลงไป”

“อื้อ” สือโถวตอบรับนิ่งๆ แต่มือเอื้อมลงไปถอดรองเท้าเร็วรี่ ก่อนจะกระโจนลงไปเหมือนเด็กคนอื่นๆ

“เจ้าเด็กนั่นเชื่อฟังเธอคนเดียว” หลี่เยี่ยนเหมยพ่นลม เธอหันหน้ามามองใบหน้างดงามจับตาของกู้ซีเฉียว เธอไม่เข้าใจความคิดของสือโถวเลยสักนิด “เธออาจจะไม่รู้ ตอนที่เธอไม่อยู่ สือโถวดื้อสุดๆ ขนาดผู้ใหญ่บ้านยังเอาไม่อยู่”

กู้ซีเฉียวหัวเราะ สายตายังคงมองบ่อปลานิ่งๆ เธอมองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งสือโถวไปอยู่ข้างๆ ผู้ใหญ่บ้าน

ครั้นผู้ใหญ่บ้านเห็นลูกชายตัวเองลงน้ำมา คิ้วของเขาก็ขมวดเป็นปมแน่น แต่ทำอะไรลูกชายคนนี้ไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้เขาอยู่ใกล้ๆ อย่างนั้น ที่บอกว่าสือโถวเชื่อฟังกู้ซีเฉียวเป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เขาลงไปในบ่อก็เดินตามผู้ใหญ่บ้านไม่ห่างเลยแม้แต่ก้าวเดียว

บ่อนั้นเป็นบ่อขนาดใหญ่ ตรงกลางสระมีคนอยู่ไม่มาก ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่นๆ ช่วยกันลากอวน แต่เมื่อเดินมาถึงกลางสระ จู่ๆ ขาของเขาก็เป็นตะคริว เขาเซจนลื่นไถลลงไปทั้งตัว

คนที่นี่จะขุดหลุมในแอ่งน้ำเพื่อกักเก็บน้ำอีกสองสามแห่ง ถึงจะไม่ลึกมาก แต่โดยปกติแล้วจะสูงกว่าความสูงของผู้ใหญ่ทั่วไป ที่ผ่านมาหลุมนี้ไม่ได้สร้างปัญหาแต่อย่างใด ปกติแล้วทุกคนก็จะเดินเลี่ยง แต่ดูเหมือนวันนี้ผู้ใหญ่บ้านจะลืมตำแหน่งของหลุมนั้นไปสนิท เขาดูจงใจเดินตรงไปตรงนั้น ขาทั้งสองข้างเปื้อนโคลนทำให้ลื่นไถลลงไปในหลุม ผู้ใหญ่บ้านดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ

“พ่อ ทำอะไรเนี่ย” สือโถวหันไปมอง ตบบ่าของผู้ใหญ่บ้านที่ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ “ลุกขึ้นเร็วเขา พ่อดูขี้เกียจสุดแล้วเนี่ย”

แต่เมื่อสือโถวตบบ่าผู้ใหญ่บ้าน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเบาสบายขึ้น แขนขาที่แข็งทื่อเมื่อครู่เริ่มขยับได้อีกครั้ง เขายันตัวลุกขึ้นในขณะที่สมองยังมึนงง เขาเหลือบไปที่ริมฝั่ง “สือโถว พี่เสี่ยวกู้เป็นคนให้แกลงมาเหรอ”

“อื้อ” สือโถวตอบรับอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะก้มลงลูบๆ คลำๆ บริเวณก้นบ่อ

ผู้ใหญ่บ้านยืนนิ่งไปชั่วขณะ และกลับไปลากอวนปลาด้วยสีหน้านิ่งเรียบดังเดิม แต่ทว่าในแววตากลับเจือไปด้วยความกังวล เขามองไปที่ชาวบ้านที่อยู่ในน้ำด้วยจิตใจว้าวุ่นเกินจะกล่าว

ริมฝั่ง เขาเห็นว่ากู้ซีเฉียวกำลังมองมาทางนี้ในขณะที่กำลังสนทนาอยู่กับหลี่เยี่ยนเหมย ผ่านไปไม่นานเจี่ยเวยและหญิงสาวคนอื่นๆ ก็เดินเข้าไปหาเธอ “คุณกู้ ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว”

“สวัสดีค่ะ” กู้ซีเฉียวยกยิ้มมุมปาก เธอดูสดใสชวนให้รู้สึกหลงใหล

ผู้หญิงเหล่านั้นได้แต่แอบกัดฟันเงียบๆ “คุณกู้ ได้ยินว่าคุณเป็นลูกกำพร้าเหรอคะ”

กู้ซีเฉียวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ตอบรับสั้นๆ โดยมิได้ปกปิด

เจี่ยเวยมองโทรศัพท์ในมือของเธอก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจ “นี่มันยี่ห้อลูกแพร์รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาตั้งเจ็ดแปดพันหยวน เสี่ยวกู้นี่คนรวยชัดๆ”

“แต่เกรงว่าจะไม่ใช่เงินของเธอน่ะสิ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เจี่ยเวยเย้ยหยัน “โทรศัพท์รุ่นนี้เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎา ในจีนแผ่นดินใหญ่มีอยู่แค่ไม่กี่เครื่อง ถ้าคนอย่างเธอมีของแบบนี้ได้ ให้ฉันเดา พ่อเลี้ยงคงเป็นคนรวยสิท่า”

ความแปลกของคนยุคนี้คือ ยามที่เห็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันมีรถหรูหรือนาฬิกาหรู ในใจบอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอิจฉาหรือดูถูก สุดท้ายก็จะแสดงพฤติกรรม ‘ถากถาง’ ออกมา คนเหล่านี้มักจะทำเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ยึดศีลธรรมอันดี ในโลกอินเทอร์เน็ตจะเรียกคนประเภทนี้ว่า ‘นักเลงคีย์บอร์ด’

กู้ซีเฉียวได้ยินทั้งหมด เธอจงใจแกว่งโทรศัพท์ในมือ “อิจฉาเหรอ ก็ไปหาซื้อใช้เองสักเครื่องสิ~”

หางเสียงนั้นเบาหวิว สีหน้าของเจี่ยเวยเปลี่ยนสีครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเป็นจานสีก็ไม่ปาน ช่างน่าดูจริงๆ

“คิกๆ…” หลี่เยี่ยนเหมยกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เธอรู้ดีว่าผู้หญิงพวกนี้รวมกันยังเอาชนะกู้ซีเฉียวไม่ได้

“เสี่ยวกู้ พวกเรากลับกันเถอะ วันนี้เธอยังไม่ได้ฝังเข็มให้แม่ฉันเลย” หลี่เยี่ยนเหมยกระแอมไอ พลางดึงกู้ซีเฉียวให้เดินไป หากปล่อยให้อยู่ตรงนั้นต่อไป กู้ซีเฉียวคงยั่วโมโหคนพวกนั้นจนอกแตกตายเป็นแน่ ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่ใช่ลูกตาสีตาสา หลี่เยี่ยนเหมยกลัวว่ากู้ซีเฉียวจะไปทำให้ใครไม่พอใจเข้าถึงได้พยายามหาข้ออ้างพาเธอออกไปจากตรงนั้น

กู้ซีเฉียวไม่ได้ติดใจอะไร เธอเดินตามหลี่เยี่ยนเหมยไปแต่โดยดี ครั้นเธอเดินไปแล้ว หนุ่มๆ ไฟแรงในบ่อก็ดูห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที

เจี่ยเวยเฝ้ามองร่างบางเดินหายไป เธอขบริมฝีปากแน่น เมื่อหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าหมดสนุกแล้วจึงกลับไปยืนที่เดิม เปาซินอี๋เห็นผู้หญิงเหล่านั้นเดินกลับมาจึงเอ่ยเยาะเย้ย “พวกเธอเลิกทำตัวเป็นมือเป็นเท้าให้เจี่ยเวยได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว”

ผู้หญิงพวกนี้มีหรือจะกล้ามีเรื่องกับเปาซินอี๋ พวกเธอเพียงแต่เห็นว่าเจี่ยเวยนั่งรถมากับเปาซินอี๋ จึงคิดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้น

สายตาของพวกผู้หญิงเปลี่ยนไป ความคิดของพวกเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สายตาที่มองไปที่เจี่ยเวยเปลี่ยนเป็นเย็นชา

กู้ซีเฉียวกลับมากับหลี่เยี่ยนเหมยเพื่อฝังเข็มให้ป้าหลี่ ทั้งคู่ช่วยกันต้มยาเสร็จแล้วกู้ซีเฉียวถึงจะขอตัวกลับ เธอผลักประตูใหญ่เข้าไปเห็นถังชิงหงกำลังเดินรอบโต๊ะหิน

เขาใช้เวลาพักผ่อนหนึ่งวันเต็ม ประกอบกับกินยาของกู้ซีเฉียว บาดแผลในร่างกายก็ฟื้นตัวมากแล้ว เขากลับมาเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้ทรงสง่าภูมิฐานอีกครั้ง

“กลับมาแล้วเหรอ” เมื่อได้ยินเสียงประตู เขาก็หันหน้าไปมองพลางส่งยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูดอกไม้ผลิ

แววตาสดใสหรี่ลงกอปรกับน้ำเสียงที่สงบนิ่งและชัดเจน “นายเอาของมาวางในลานบ้านฉันงั้นเหรอ”

เมื่อเคยเห็นความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ถังชิงหงก็ไม่มีอะไรต้องบิดบังอีกต่อไป “ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่ ฉันรู้สึกว่าบ้านเธอมีอะไรแปลกๆ ฉันถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่” ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ไอแก้เก้อ “ยาที่เธอให้ฉันกินเมื่อวานทำให้พลังในร่างกายฟื้นฟูกลับมาเกินครึ่งแล้ว ฉันคิดว่าฉันน่าจะแก้ไข้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่นี่ได้”

ลำพังแค่ประสิทธิภาพของยานั้นก็ทำให้โลกวิทยายุทธ์โบราณตื่นตระหนกได้ ฉะนั้นหากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปจะต้องทำให้โลกวิทยายุทธ์โบราณสั่นคลอนอย่างแน่นอน

เขาตั้งใจจะใช้เวลาตอนที่เธอยังไม่กลับมาวางค่ายกลให้เรียบร้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าของบ้านดันกลับมาก่อนที่งานจะเสร็จ ถังชิงหงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยพลังทักษะของเธอ เธอคงไม่สนใจฝีมืออันกระจอกงอกง่อยของเขา หากไม่ใช่เพราะตอนนี้พลังครึ่งหนึ่งของเขาถูกสะกดไว้ เขาจะดูน่าเวทนาขนาดนี้เหรอ หากเป็นตอนปกติ เขาคงขยี้เจ้าพวกนั้นแหลกคามือไปนานแล้ว

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

โฮสต์สาวพลิกอดีตกับระบบสุดเทพ

Status: Ongoing
ชาติก่อนเธอเผาตัวตายเพราะถูกทรยศ ชาตินี้เธอย้อนกลับมาเพื่อเขียนอดีตของตนใหม่อีกครั้ง! นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีที่นางเอกมีระบบสุดเทพที่ทำได้ทุกอย่าง!กู้ซีเฉียว ลูกนอกสมรสไร้ค่าจากบ้านนอก ส่วนเกินในสายตาของคนในตระกูลจวบจนวาระสุดท้ายเธอก็ยังเป็นเช่นนั้น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีใดๆแต่ชาตินี้เธอจะเขียนอนาคตของตนขึ้นใหม่จะไม่มีเด็กสาวน่าสมเพชไร้ความสามารถคนเดิมอีกต่อไป มีเพียงหญิงสาวผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน!เพราะสิ่งที่เธอนำกลับมาด้วยหลังความตายไม่ใช่เพียงพรสวรรค์ดั้งเดิมแต่เป็น ‘ระบบ’ สุดโกงที่จะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้เพียงแลกแต้มคะแนนสะสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท