ตอนที่ 107-2 เขาคงไม่ได้มาหาเธอหรอกใช่ไหม
“อย่างงี้นี่เอง” กู้ซีเฉียวหรี่ตาก่อนจะหันไปมองนกแดงพลางแย้มยิ้มร่า “เฮเฮ หวัดดี”
“อ้ายหมี่!”
“เฮเฮ”
“อ้าย…เฮเฮรับทราบ” เมื่อถูกเจียงซูเสวียนจ้องแบบนั้น เฮเฮก็รีบเปลี่ยนทันที พร้อมหันไปส่งยิ้มให้กู้ซีเฉียวอย่างสอพลอ
เจียงซูเสวียนคลายมือ เฮเฮบินไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของกู้ซีเฉียว มันนิ่งไปชั่วครู่ ตอนแรกมันกลัวเจียงซูเสวียนถึงได้ยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ ทั้งที่ในใจไม่ใคร่จะยินยอม
แต่เมื่อได้มายืนมาเกาะอยู่บนไหล่ของเธอมันรับรู้ได้ถึงพลังอันแกร่งกล้าท่วมท้น พลังนั้นทำให้เรี่ยวแรงในตัวมันเพิ่มพูนทีละน้อย เฮเฮดวงตาเบิกโพลง ตอนนี้ไม่ว่าใครจะพูดกับมันยังไง มันก็จะไม่ไปจากหัวไหล่ของกู้ซีเฉียวเด็ดขาด
“เธอวางแผนจะกลับเมืองเอ็นเมื่อไหร่” เธอมาอยู่ที่นี่นานแล้ว ปัญหาที่ต้องสะสางก็จัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นก็ควรกลับไปได้แล้วใช่รึเปล่า
กู้ซีเฉียวลูบหัวเฮเฮ พลางคิด “ก็คงกลับไปแหละ แต่ว่าน่าจะต้องกลับมาอีก แล้วก่อนอื่นฉันต้องเข้าไปในตัวอำเภอก่อน”
ตอนนี้ปัญหาในหมู่บ้านได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เธอยังต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ภูเขาทางตอนเหนือเป็นพื้นที่ที่ดี แต่พื้นที่บริเวณนั้นไม่ได้เป็นของชาวบ้าน เธอจึงต้องไปที่อำเภอเพื่อขอเช่าพื้นที่บริเวณยอดเขา
เมื่อคิดตกเช่นนี้ กู้ซีเฉียวก็โทรศัพท์ไปหามู่จง ทั้งยังฝากส่งข่าวให้เซียวอวิ๋นและอู่หงเหวิน สองคนนั้นร้องจะมาหาเธอให้ได้ โดยเฉพาะเซียวอวิ๋น อาจเป็นเพราะเธอมีเวลาว่างมากกว่าอู่หงเหวิน เซียวอวิ๋นจึงใช้โอกาสนี้บ่นเรื่องต่างๆ กับเธอ เธอดูไม่เหมือนราชินีเย็นชาสักเลยนิด
ตอนบ่ายเจียงซูเสวียนเป็นคนพาเธอไปที่อำเภอ รถที่เขาใช้คือรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำ ไม่ใช่รถบูกัตติคันหรู
ส่วนลิตเติ้ลพิ้งค์ของกู้ซีเฉียวคันนั้น ตอนที่ใช้ไม่ได้ เธอก็ไม่ใช้…
อำเภออยู่ห่างจากหมู่บ้านไกลออกไปเล็กน้อย เจียงซูเสวียนใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีกว่าจะมาถึงหน้าประตูที่ว่าการ ขณะที่ลงจากรถ กู้ซีเฉียวปรามพ่อหนุ่มที่เตรียมจะเดินตามเธอลงไป เธอกลัวว่าหากปล่อยให้เขาเข้าไปข้างในกับเธอ คนในนั้นจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ช่วงบ่าย ในโถงที่ว่าการไม่มีงานอะไรมากมาย กู้ซีเฉียวแจ้งจุดประสงค์ของการมาแก่เจ้าหน้าที่ เสมียนซึ่งนั่งอยู่ที่หน้าประตูกำลังสนทนาอยู่กับใครอีกคนชำเลืองมองเธอพลางตอบเสียงเรียบ “รอสักครู่”
สิบนาทีผ่านไป กู้ซีเฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามอีกครั้งอย่างใจเย็น
เสมียนเป็นหญิงสาววัยราวๆ สามสิบ เธอเหลือบมองเสื้อยืดกางเกงยีนบนตัวหญิงสาวพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ฉันบอกให้รอก็รอก่อนสิ ถ้าจะไม่รอก็เชิญออกไป อย่ามายืนเกะกะขวางทางตรงนี้”
ท่าทีของหญิงสาววัยกลางคนทำให้กู้ซีเฉียวผุดยิ้ม หากเป็นเมืองเอ็น เธอคงโดยร้องเรียนจนโดนไล่ออกไปแล้ว
เธอไม่ได้หัวเสียกับคนประเภทนี้ กู้ซีเฉียวหลบไปยืนด้านข้าง หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสาย เธอกล่าวเสียงเบากับปลายสายสองสามประโยค
เสมียนไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ ข้าร้าชการส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครือญาติหรือคนรู้จักกันทั้งนั้น แม้เธอจะเป็นเพียงเสมียนตัวเล็กๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนคอยหนุนหลังเธออยู่ เป็นความสัมพันธ์แบบโจ่งแจ้ง ปกติแล้วไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเธอ เพียงแต่วันนี้ดันมีเด็กผู้หญิงที่ไม่ดูตาม้าตาเรือโผล่มาก็เท่านั้น
สามนาทีหลังจากนั้น มีใครคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบน เสมียนที่กำลังสนทนากับใครบางคนอย่างออกรสหยุดชะงัก เธอแย้มยิ้มให้ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นั้น “คุณเลขา นี่คุณกำลังจะไปไหนงั้นเหรอ”
ชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจเธอ เขาหันไปส่งยิ้มให้กู้ซีเฉียว “คุณคือคุณกู้ใช่ไหมครับ ขออภัยที่ให้คอยนาน เชิญด้านนี้ครับ”
ทันทีที่ทั้งสองเดินไป เสมียนสาวได้แต่ยืนอึ้ง โทรศัพท์ข้างตัวส่งเสียงกรี๊ง เธอรับสายด้วยอาการมึนงง พร้อมกับได้รับแจ้งให้ลาออกเสีย
ขั้นตอนการเช่าพื้นที่บนเขาค่อนข้างยุ่งยาก ปกติแล้วอาจต้องเทียวไปเทียวมาหลายวัน แต่กู้ซีเฉียวนั่งจัดการอยู่ตรงนั้นเพียงครึ่งชั่วโมง เลขาก็ยกเอกสารกองหนึ่งมาให้เธอ “ผมเตรียมไว้ให้ก่อนที่คุณจะมา เชิญตรวจสอบดูก่อนครับ หากมีจุดไหนผิดพลาดผมจะได้แก้ให้ทันทีครับ”
กู้ซีเฉียวกวาดตามองครู่หนึ่งก็อ่านเนื้อหาไปถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว “ครบถ้วน ขอบคุณค่ะ”
“เล็กน้อยครับ เล็กน้อย” เลขาเดินออกไปส่งเธอที่หน้าประตูใหญ่ ยืนคอยอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งรถบีเอ็มดับเบิลยูแล่นออกไป
เสมียนยืนหน้าซีดมองเขา “คุณเลขา ฉัน…”
“ทำไมเธอยังไม่ไปอีก” เลขาขมวดคิ้ว “กฎข้อแรกของข้าราชการอย่างเราคือการให้บริการประชาชน แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิ! ยังไม่รีบไปอีก!”
ให้บริการประชาชน? หากคนอื่นมาได้ยินประโยคนี้คงขำกลิ้ง เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร คนอื่นๆ ได้แต่กระซิบกระซาบว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่เป็นใคร
กู้ซีเฉียวนำหนังสืออนุมัติจากหน่วยงานรัฐกลับไปที่หมู่บ้าน เธอมาถึงที่หมู่บ้านไป่ซิ่ง เธอไปเดินที่แถวภูเขาทางตอนเหนือพลางครุ่นคิดหาวิธีว่าจะปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้อย่างไร ตลอดทางเจียงซูเสวียนเดินตามเธอไปเงียบๆ อ้อ แล้วก็ยังมีเจ้านกน้อยที่ส่งเสียงจิ๊บๆ ด้วยอีกตัว
“พี่เจียง พี่จะกลับไปเมื่อไหร่” ต้นไม้ในป่าร่มรื่น เย็นสบายทว่าไม่ได้เย็นเยือกเหมือนก่อนหน้านี้ กู้ซีเฉียวหันหน้าไปถาม
เจียงซูเสวียนเอื้อมมือไปจูงเธอพลางถอนหายใจ “ข้างหน้ามีก้อนหิน ระวังหน่อย ฉันไม่ได้รีบกลับ”
“ฉันหมายถึงเมืองหลวง พี่ต้องกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่” กู้ซีเฉียวเงยหน้า แววตาสดใสเผยให้เห็นส่วนลึกภายใน
“ก็ถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไรพิเศษ” เจียงซูเสวียนมองหญิงสาว “ก็คงอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ”
กู้ซีเฉียวไม่ได้ถามว่าเรื่องพิเศษที่ว่าคืออะไร เธอเปลี่ยนประเด็น
ทั้งสองเริ่มสนทนาเรื่องวิทยายุทธ์โบราณ เมื่อคุยถึงเรื่องนี้ เจียงซูเสวียนก็หยิบป้ายไม้ขนาดเล็กออกมาส่งให้เธอ “ในโลกวิทยายุทธ์โบราณจะมีบัตรแสดงตัวตน อันนี้ของเธอ บนนั้นจะมีลิ้งก์เว็บบอร์ด กลับไปลงทะเบียนแล้วก็เข้าไปใช้งานได้เลย ทุกสิ่งที่เธออยากรู้ ในนั้นมีหมด แต่ถ้าดูแล้วยังไม่เข้าใจก็ค่อยมาถามฉัน”
เธอรับป้ายไม้ประจำตัวไป กู้ซีเฉียวรู้สึกถึงความแปลกใหม่ มีเว็บบอร์ดด้วย เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีการรวมกลุ่มของผู้ที่อยู่ในโลกวิทยายุทธ์โบราณ “งั้นเรารีบกลับกันเถอะ”
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปดูโลกวิทยายุทธ์โบราณซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ
“งั้นเธอกลับไปก่อน ฉันว่าจะขึ้นไปดูข้างบนอีกหน่อย” เจียงซูเสวียนมองขึ้นไปที่ยอดเขา เขากะว่าจะวางค่ายกลอีกสองค่ายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กู้ซีเฉียวคิดชั่วครู่ “งั้นฉัน…ลงไปก่อนนะ”
“ไปเถอะ” เจียงซูเสวียนลูบศีรษะหญิงสาว “ฉันรู้ว่าเธอสงสัยจะแย่แล้ว”
จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง นี่มันโลกวิทยายุทธ์โบราณแสนลึกลับเชียวนะ ทันทีที่กู้ซีเฉียวขยับเท้า เธอก็หายวับไปแทบจะในทันที
เธอยังไม่ทันได้กลับไปดู ขณะที่เธอกำลังลงจากเขา เธอบังเอิญพบกับหลี่เยี่ยนเหมยที่กำลังล้างผักอยู่ที่ริมธาร “เสี่ยวกู้ ในที่สุดเธอก็กลับมาสักที”
“พี่” กู้ซีเฉียวหยุดชะงัก ลูบจมูก “ฉันไม่ได้ฝังเข็มให้ป้าหลี่หลายวันแล้วใช่ไหม”
“เรื่องนั้นน่ะเรื่องเล็ก แม่ฉันกินยาที่เธอให้จนตอนนี้เริ่มเดินได้แล้ว ว่าแต่สองสามวันนี้เธอหายไปไหนมา ประตูบ้านก็ปิด แถมมีคนอื่นอยู่ในบ้านเธอ ฉันกังวลว่าเธอจะถูกใครทำร้าย” หลี่เยี่ยนเหมยแสดงความเป็นห่วง
กู้ซีเฉียวรู้สึกอุ่นใจ “ฉันไม่มีทางเป็นอะไรหรอกน่า พวกคนที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านฉันก็กลับกันไปหมดแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วง พอดีช่วงนี้มีธุระนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หลี่เยี่ยนเหมยถอนหายใจอย่างโล่งอก “เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน ดูสิผอมลงไปตั้งเยอะ”
“วันนี้ขอบาย อาหารดีๆ พวกนั้นเก็บไว้ให้ป้าหลี่กินเถอะ กระดูกของป้าหลี่ได้รับบาดเจ็บ ต้องบำรุงเยอะๆ” ก็ถ้าเจียงซูเสวียนไม่อยู่ เธอคงไปแล้ว
ทั้งคู่สนทนากันต่ออีกสักพัก หลี่เยี่ยนเหมยต้องล้างผักจำนวนมหาศาลเพื่อเอาไปทำผักดอง กู้ซีเฉียวจึงช่วยเธอถือตะกร้าผัก
หลี่เยี่ยนเหมยหันหลังเตรียมจะเดินกลับ แต่แล้วก็ชะงักนิ่งไป กู้ซีเฉียวเดินตามหลังมา “มีอะไรเหรอ”
เมื่อเห็นหลี่เยี่ยนเหมยไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง เธอจึงมองไปยังทิศทางที่หลี่เยี่ยนเหมยมอง
หากจะให้พูดกันตามจริง ใช่ว่าหลี่เยี่ยนเหมยไม่เคยเห็นคนหล่อมาก่อน เพราะถังชิงหงก็เป็นคนหล่อคนหนึ่ง แต่ทว่าความสง่าของถังชิงหงสู้ผู้ชายตรงหน้าไม่ได้ ชายหนุ่มเดินเชื่องช้าลงมาตามทางภายใต้แสงแดดสะท้อน ใบหน้าเย็นชายิ่งกว่าหิมะ องค์ประกอบทุกส่วนบนใบหน้างามปานสลัก
หลี่เยี่ยนเหมยรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างจากตัวเขา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เธอเห็นจากกู้ซีเฉียว เพียงแต่เขาทำให้คนอื่นรู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้
ชายหนุ่มที่กำลังเดินลงจากเขาชะงักฝีเท้า เขากวาดตามอง และเดินตรงมาตรงที่ทั้งสองยืนอยู่
เธอเห็นความงามของกู้ซีเฉียวมาจนชินแล้ว หนุ่มรูปงามตรงหน้าจึงไม่ได้ทำให้เธอสติหลุดแต่อย่างใด เธอมองไปที่ชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะหันมาเบิกตากว้าง “เสี่ยวกู้ เขาคงไม่ได้มาหาเธอหรอกใช่ไหม”
“คงงั้นมั้ง” กู้ซีเฉียวลูบจมูกเงียบงัน