พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 70

ตอนที่ 70

บทที่5ตอนที่17

 

 

เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นจนถึงกลางขอบฟ้าแล้ว ข้า จิฮัด・รันเดล มองข้ามผ่านพื้นที่ฝึกซ้อม ณ ตรงพื้นที่ของสำนักงานใหญ่

 

 

「หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นนะ……」

 

 

มองไปรอบๆพร้อมกับบ่นพึมพำเช่นนั้น พื้นที่รอบๆปกคลุมไปด้วยป่า ดังนั้นอยู่ที่นี่ก็มองไม่เห็นสถานการณ์โดยรวมหรอก แต่ว่าไม่มีบรรยากาศผิดแปลกไป ดูเหมือนว่ารอบๆป่าจะยังปกติดี

 

 

เมื่อมองไปยังสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ก็เห็นพวกเหล่าอาจารย์กำลังวุ่นวายในการเตรียมเอกสารกันอย่างขันแข็ง

 

 

นอกจากนี้มีเหล่านักเรียนที่หมดสิทธิ์และเหล่านักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บมาที่สำนักงานใหญ่ด้วย

 

 

นักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจะได้โพชั่นไปดื่ม ส่วนคนที่อาการหนักหน่อยจะได้อาจารย์นอร์นคอยดูแล

 

 

มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากก็จริงแต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต

 

 

จนถึงตอนนี้ข้าทำได้แค่ถอนหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังปกติและดำเนินไปด้วยดี

 

 

รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้สึกประหม่าและกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

 

 

การสังหารหมู่ของเหล่าไซคลอปส์และสัตว์อสูรสีดำนั่น

 

 

(เพื่อให้แน่ใจ ข้าจะต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา……)

 

 

เรื่องราวเหล่านั้นค่อยๆไหลมาหลอมรวมกัน สัตว์อสูรสีดำที่ถูกค้นพบและโดนกำจัดไป ศพนั่นก็เก็บกู้ไปแล้วและกำลังนำไปตรวจสอบ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์อสูรสีดำตัวอื่นๆ

 

 

อีกกรณีหนึ่งทางด้านของไซคลอปส์ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

 

 

อย่างไรก็ตามเรารู้ว่ามันถูกโค่นล้มโดยใครบางคน อย่างไรก็ตามแม้ว่ากัปตันเมาส์พยายามสืบสวนมากเท่าไรและกลุ่มอัศวินเงินสีรุ้งก็ยังสืบสวนกันต่อไป

 

 

พวกเราเอาศพทั้งหมดกลับไปไม่ได้เพราะมันอยู่ในช่วงกลางดึก แถมพวกเรายังมีจำนวนคนเพียงน้อยนิดเลยเอากลับมาได้แค่เศษแขนและเศษเนื้อที่ถูกตัดขาด แต่ว่าก็ไม่พบเบาะแสใดๆ

 

 

สิ่งเดียวที่รู้คือบาดแผลทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยอาวุธชนิดเดียวกันทั้งสิ้น บาดแผลเหล่านั้นถูกฟันออกมาอย่างสวยงาม น่าจะเป็นคนๆเดียวที่ทำการสังหารหมู่นี่

 

 

อย่างน้อยคนๆนั้นก็ต้องอยู่ในแรงค์ S ขั้นต่ำเลยล่ะ เพราะสามารถทำดาเมจให้กับเหล่าไซคลอปส์ได้ ระดับอาจจะเทียบเท่าข้าเลยก็ได้

 

 

อาจจะเป็นพวกผู้มีอิทธิพลในเมืองอาร์คาซัม

 

 

(ถ้าหากข้าลงมือพลาดไปละก็…กรณีนั้นคง……)

 

 

มือของข้าเอื้อมไปหาเพื่อนที่เคยอยู่เคียงข้างข้าก่อนที่จะรู้ตัว

 

 

หมอนั่นที่เอาแต่คิดว่าจะชนะศัตรูยังไง โดยไม่สนอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

 

(……ใจร้อนเกินไป ใจร้อนซะจนมองไม่เห็นคนรอบข้าง)

 

 

ถอนหายใจออกมา พร้อมกับยืนรับลมที่พัดผ่านมาที่แห่งนี้

 

 

ความขุ่นเคืองในใจยังคงคุกกรุ่น แต่ว่ามันก็ไม่ได้มอดไหม้เสียจนหมดสิ้น

 

 

ไม่เป็นไรอย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะค้นหาว่าใครเป็นคนจัดการไซคลอปส์ ไม่รู้ว่าออกจากเมืองไปแล้วหรือยังหรือว่ายังหลบซ่อนตัวอยู่ แต่จนถึงตอนนี้มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการทำงานในเมืองอาร์คาซัม

 

 

(……ตอนนี้สิ่งที่ควรจดจ่อก็คือการฝึกเหล่านักเรียน หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น)

 

 

ขณะที่กำลังเพ่งสมาธิก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้

 

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เจออาจารย์อินด้า ครูประจำชั้นของนักเรียนห้องสอง

 

 

「ขอโทษที่มารบกวนนะคะท่านจิฮัด แต่ว่านี่ก็ผ่านมาครึ่งวันแล้วเลยจะมารายงานผลให้ฟังค่ะ」

 

 

「งั้นเหรอแล้วผลเป็นยังไงบ้างล่ะ?」

 

 

อินด้าหันไปมองแผ่นกระดาษรายงานที่อยู่ในมือ

 

 

「ตอนนี้นักเรียนที่เหลือในการฝึกเหลือหนึ่งในห้าจากทั้งหมดแล้วค่ะ นอกจากนี้ปาร์ตี้ของไอริสดิน่าและทิม่าซึ่งเป็นปาร์ตี้ระดับสูง และยังเหลือปาร์ตี้ของลิซ่ากับเคน ปาร์ตี้ของเควินและปาร์ตี้ของห้องสองซีน่า ที่กำลังเอาชนะเป้าหมายพิเศษอยู่ค่ะ」

 

 

อินด้ารายงานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและยื่นรายงานเหล่านั้นมาให้ข้า

 

 

ข้ารับรายงานมาและเอามาอ่านด้วยตัวเอง

 

 

ในจำนวนเหล่านั้นจี้ของผู้เข้าร่วมที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยเวทย์

 

 

มันแสดงตำแหน่งที่ตั้งบนแผนที่ด้วยเวทย์แบบพิเศษที่จะระบุตำแหน่งของเหล่านักเรียนได้อย่างรวดเร็ว ระบุได้ว่าตรงไหนอยู่ในกรณีฉุกเฉิน ฝ่ายไหนถือจี้อยู่กี่อัน นอกจากนี้ยังรับรู้ได้ว่าเป็นเจ้าของจี้ด้วยอีกรึเปล่า

 

 

「เข้าใจแล้ว ดูเหมือนพวกระดับแนวหน้าจะยังไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่เหมาะกับตนเองเสียเท่าไรสินะ และมันก็คงจะแปลกมากหากพวกนั้นแพ้ขึ้นมา..ดูเหมือนว่าจะพัฒนาไปได้อีกสินะ」

 

 

ข้าชื่นชมพวกนั้นจากใจจริงที่พยายามเอาชนะเป้าหมายพิเศษ

 

 

แม้ว่าจะเป็นแรงค์ A เท่ากันแต่ก็มีความต่างของประสบการณ์ระหว่างนักเรียนและอาจารย์ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนแต่ความต่างของประสบการณ์มันกลบกันไม่ได้ง่ายๆ

 

 

พวกที่ยังไม่สุกงอมก็อาจจะเอาชนะคนที่มากประสบการณ์ได้ แม้จะเอาชนะได้ด้วยจำนวน แต่ว่านั่นก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโต

 

 

「นอกจากนี้ยังมีนักเรียนห้อง 2 ที่เอาชนะเป้าหมายพิเศษได้นักเรียนของเธอเองก็ยอดเยี่ยมไปเลยนี่」

 

 

นอกจากนี้ยังเป็นพวกที่เอาชนะสัตว์อสูรสีดำได้ พวกนั้นเติบโตขึ้นอีกแล้วยังงั้นเหรอ……。

 

 

「อะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ พวกเขามีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการฝึกพิเศษเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการทำงานเป็นทีมนั้นออกมาดีมากเลยค่ะ ฉันเองก็แปลกใจจริงๆเกี่ยวกับฟีโอ ริซิสซ่าส์ที่อาจจะสร้างปัญหา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร…เป็นนักเรียนที่น่าภูมิใจค่ะ」

 

 

เป็นเรื่องปกติที่เธอจะผ่อนคลายได้เพราะเห็นเหล่านักเรียนที่เติบโต

 

 

เธอหน้าแดงเล็กน้อย แต่ในวินาทีถัดมาก็แสดงสีหน้าลำบากใจ

 

 

「จริงๆแล้ว คือว่า……」

 

 

อินด้าลังเลที่จะพูด ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดอยู่

 

 

「อืม มีอะไรอีกงั้นเหรอ?」

 

 

「ค่ะ อันที่จริงมีอีกฝ่ายที่เอาชนะเป้าหมายพิเศษได้อยู่ค่ะ……」

 

 

ด้วยคำพูดของเธอ ข้ารีบกลับไปอ่านรายงานก็พบว่ามีอีกกลุ่มหนึ่งนอกเหนือจากสี่กลุ่มนี้เอาชนะเป้าหมายพิเศษได้

 

 

「โนโซมุ・ เบลาตี้ มาร์・ ดิกเก้น งั้นเหรอ……」

 

 

ชื่อที่คุ้นเคย มาร์・ดิกเก้น นักเรียนมากความสามารถแต่มีนิสัยแย่ๆ

 

 

อีกคนหนึ่งคือโนโซมุ ・เบลาตี้ เป็นหนึ่งในนักเรียนที่พบกับสัตว์อสูรสีดำเช่นเดียวกับนักเรียนของอินด้าที่เอาชนะเป้าหมายพิเศษได้

 

 

ไม่เคยได้ยินข่าวลือด้านดีๆของเขาเลยแม้แต่น้อย เป็นอีกหนึ่งคนที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก

 

 

ในขณะนั้นที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรสีดำ มันอันตรายมากแค่ไหน มันมีพลังทำลายล้างสูงซึ่งสามารถจัดการคนอ่อนแอได้ในพริบตาและมันมีคุณสมบัติดูดกลืนสิ่งที่ตายไปแล้วกลายเป็นคนอื่น

 

 

ข้าเจอสัตว์อสูรสีดำตัวนั้นเมื่อ 10 ปีก่อนและจริงๆข้าไม่อยากนึกถึงช่วงเวลานั้นเลย

 

 

เจอเจ้านั่นพร้อมกับหนีมาได้ แม้ว่าจะต้องพึ่งโชคแต่ว่านั่นไม่ใช่ว่าจะพึ่งโชคได้เพียงอย่างเดียว

 

 

「อะ ค่ะเป็นจำนวนฝ่ายที่ใช้คนเยอะที่สุดในการเอาชนะเป้าหมายพิเศษได้……」

 

 

เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่อยากจะเชื่อที่พวกโนโซมุสามารถเอาชนะเป้าหมายพิเศษได้

 

 

แน่นอนไม่เคยมีปาร์ตี้ห้อง 10 ที่เคยเอาชนะเป้าหมายพิเศษได้มาก่อนเลยตั้งแต่เปิดสถาบันมา

 

 

ด้วยเหตุนี้จึงอ่านเนื้อหาที่อยู่ในมือต่อ

 

 

「ฝ่ายตรงข้ามคือ อันริ・ วาร์ ที่เป็นครูประจำชั้นของพวกนั้น…เธอคิดว่าอันริจะออมมือให้กับเหล่านักเรียนของเธอรึเปล่า?」

 

 

「ไม่หรอกค่ะ…กรณีแบบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้……」

 

 

อินด้าตอบคำถามด้วยความตะกุกตะกัก ในแง่การแสดงออกแล้วสภาพตอนนี้ก็คงอธิบายได้ดีที่สุดแล้วล่ะ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดว่าอันริจะเล่นไม่ซื่อด้วย

 

 

「แน่นอนว่าเธอเป็นอาจารย์ที่สนิทกับเหล่านักเรียน แต่อย่างน้อยในการฝึกแบบนี้เธอไม่ยอมเล่นตุกติกแน่นอนค่ะ」

 

 

อินด้าเป็นคนที่เก่งและเข้มงวดเป็นอย่างมาก สังเกตได้เลยเธอเพิ่งอายุ 20 ปี แต่ว่าเป็นอาจารย์ระดับสูงไปแล้ว

 

 

นอกจากนี้ ตัวข้าเองก็ภูมิใจในตัวเธอ บางครั้งเธอก็มาดูแลคาบเรียนแทนข้าบ่อยๆ เธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบอย่างแท้จริง

 

 

ดังนั้นเธอเป็นพวกที่เกลียดความไร้เหตุผลและความผิดพลาดมากที่สุด เธอเป็นคนที่เข้มงวดแม้บางครั้งอาจจะยืดหยุ่นได้เป็นครั้งคราว

 

 

ในทางกลับกันอันรินั้นเป็นคนขั้วตรงกันข้ามกับอินด้าเลย

 

 

เป็นผู้หญิงที่เข้ากับคนอื่นง่ายและใจดีมาก

 

 

บางทีเพราะว่าเธอคนนั้นใจดีเกินไปเหล่านักเรียนเลยคิดกับเธอว่าเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่อย่างน้อยในสถานการณ์จริงจังเธอก็จะเข้มงวดแบบบอกไม่ถูกเลย เธอเป็นคนที่เอาใจใส่นักเรียนและแยกแยะสถานการณ์ออก

 

 

「อันริค่อนข้างต่างจากเธอพอดูเลยนี่ แต่ข้าว่าเธอเองก็น่าจะจริงจังเหมือนกับอาจารย์คนอื่นๆใช่ไหม? อย่างแรกเลยการต่อสู้นั่นต้องคาดเดาไม่ได้แน่ๆ บางทีเพราะอาจจะฝึกนักเรียนในทุกๆวันก็เลยอาจจะ..?」

 

 

อินด้ากำลังสับสนกับความจริงที่ว่านักเรียนห้อง 10 เอาชนะเป้าหมายพิเศษได้ เธอเองก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

 

 

ในการต่อสู้จริงมันเดาไม่ได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะผลลัพธ์มันคาดเดาไม่ได้ แม้กระทั่งสำหรับพวกเราเองก็ตามที

 

 

「ค่ะ…ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนั้นจะเอาชนะอันริได้……」

 

 

อินด้าก้มศีรษะลงพร้อมกับพูดเช่นนั้น ดูเหมือนว่าจะละอายใจกับการที่เธอคิดไปเอง

 

 

ก็เหมือนกับตัวข้าในตอนนี้เลย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ทุกๆอย่างมันดูเปลี่ยนแปลงไปหมด ข้าเองก็ตกใจไม่แพ้อินด้าหรอก

 

 

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกพวกเราเองก็ยังคาดเดาไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ สำหรับข้าเองก็อยากจะสมเพชตัวเองเหมือนกันที่ไม่เคยคาดหวังกับอะไรแบบนี้เลย」

 

 

「เอ๋?」

 

 

อินด้าเปล่งเสียงด้วยความประหลาดใจ เพราะคำพูดกระทันหันของข้า การดแสดงออกอันผิดปกติของเธอนั้นแสดงท่าทีแข็งกระด้างจนทำให้ข้าเผลอเกือบจะอิดโรย

 

 

「นา นา แล้วจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่รึยังล่ะ?」

 

 

「อะค่ะ」

 

 

อินด้าตามข้ามาพร้อมกับเดินไปที่สำนักงานใหญ่

 

 

(โนโซมุ・เบลาตี้งั้นเหรอ……หืม)

 

 

นักเรียนที่โดนบอกเลิกตั้งแต่เปิดเทอมคนนั้นอะนะ แต่ว่ามันจะจริงแน่เหรอ?

 

 

เจอกับสัตว์อสูรสีดำตัวนั้นและรอดชีวิตมาได้ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

 

 

แล้วยิ่งเหตุการณ์ที่เอาชนะอันริได้อีกยิ่งทำให้มุมมองของข้ามันกว้างออกไป

 

 

อินด้าทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง บางทีคงจะคิดเรื่องของโนโซมุ

 

 

ความคิดของอินด้าที่มีต่อเขาคงไม่เปลี่ยนไปง่ายๆ อย่างไรก็ตามก็หวังว่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะตัดสินนักเรียนคนอื่นนอกจากเกรด

 

 

เมื่องอาร์คาซัมยังอ่อนด้อย ทั้งนักเรียนในเมืองและเหล่าอาจารย์เองก็ตาม

 

 

(ถ้าอยากรู้เรื่องโนโซมุ บางทีคงจะต้องคุยกับอันริโดยตรงสินะ?)

 

 

ขณะนั้นเองก็เกิดลมแรงพัดพาขึ้นมา

 

 

「……หืมมม」

 

 

รู้สึกได้เหมือนว่ามีอะไรผสมปนเปภายในอากาศและกระจายเป็นระลอกคลื่นเหมือนสีที่ตกลงบนผิวน้ำ

 

 

มันเป็นสิ่งที่ข้าสัมผัสได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันเป็นกลิ่นของสนามรบที่ถูกพัดพามา

 

 

อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหล่านั้นก็มลายหายไปท่ามกลางอากาศ

 

 

(……หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ)

 

 

อาจเป็นเพราะคิดมากเรื่องไซคลอปส์และสัตว์อสูรสีดำ ก็เลยมีความกังวล

 

 

◇◆◇

 

 

ทางด้านเหนือของพื้นที่ฝึกซ้อม ปาร์ตี้ของฉัน เคน และคามิลล่ากำลังเดินไปรอบๆสถานที่เพื่อดูสภาพการณ์โดยรอบ

 

「ทุกๆอย่างกำลังไปได้สวยเลยนะ」

 

ฉันพึมพำเช่นนั้นพร้อมกับถือจี้ของปาร์ตี้อื่นอยู่ในมือ

 

 

ในตอนเช้าพวกเราตระเวนไปรอบๆพื้นที่ฝึกแบบทวนเข็มนาฬิกา เอาชนะเป้าหมายที่หลากหลาย และรวมถึงเป้าหมายพิเศษจนได้คะแนนจำนวนมาก

 

 

ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ตำแหน่งท็อปแล้วรึยัง แต่ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าอย่างน้อยก็น่าจะติดท็อป 3 แน่ๆล่ะ

 

 

หลังจากพักเบรค พวกเราก็เริ่มเก็บคะแนนต่อ

 

「อืมก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละนะ แต่ว่าพวกแรงค์ A คนอื่นๆอย่างไอริสและเควินเองก็เป็นภัยคุกคามสำหรับเราเหมือนกัน ที่ผ่านมานี่ไม่คณามือเลยนะ」

 

เคนพูดเช่นนั้น แต่ว่าคำพูดแบบนั้นมันเหมือนกำลังดูหมิ่นพวกที่แพ้เราไปยังไงชอบกล

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่….หัวใจของฉันที่มองหน้าเคนแล้วมันเต้นแบบผิดปกตินี่อะไรกัน

 

「……นี่ เคน เป็นอะไรไปงั้นเหรอท่าทางดูแปลกไปจากแต่ก่อนนะ?」

 

บางทีเพราะอาจจะคิดเช่นเดียวกับฉัน คามิลล่าเลยถามเคนออกไป

 

「เอ๊ะ?ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?」

 

「ก็เพราะว่านาย……」

 

「ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอกน่า ไม่มีอะไรนี่ใช่ไหม ลิซ่า」

 

เคนยิ้มให้กับฉันพร้อมกับพูดเช่นนั้น เคนที่คอยสนับสนุนฉันมาโดยตลอด ตัวฉันที่โดนโนโซมุทรยศ รอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

แต่ว่าทำไมกันละ?ทั้งๆที่ดูเหมือนเดิม รอยยิ้มนั่นควรจะทำให้ฉันโล่งใจได้แท้ๆ

 

「……อืม เคนไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ」

 

「เห็นไหมล่ะ」

 

「…………」

 

ฉันยังคงเมินหัวใจที่ยังเต้นรัวพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นที่หมุนวนภายในใจ

เคนยิ้มออกมาตามเคย แต่คามิลล่าเองก็ยังคงแสดงท่าทีหงุดหงิด

 

「……ถ้าลิซ่าพูดแบบนั้นละก็」

 

「อืม เคนไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกนะ……」

 

ใช่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เคนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาไม่ทิ้งฉันเหมือนหมอนั่น……。

 

「ช่างเรื่องนั้นเถอะนะ แต่ว่าปัญหาหลังจากนี้คือ?」

 

เมื่อเคนพยายามเปลี่ยนเรื่องก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากระยะไกล

เสียงโลหะที่กระทบกระทั่งกันและเสียงของใครบางคนที่กำลังโกรธ บางทีอาจจะทะเลาะกันอยู่

 

「……ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย」

 

ยังไงก็ตามเสียงการต่อสู้นั่นก็สิ้นสุดลงการต่อสู้คงรู้ผลแล้ว

 

「……แล้วจะเอายังไง?」

 

「ไปดูกันหน่อยไหมล่ะ บางทีพวกเราอาจจะซุ่มโจมตีและชิงแต้มมาก็ได้นะ?」

 

เคนตอบคามิลล่าเช่นนั้น

ไม่คิดหรอกว่านั่นจะเป็นปัญหาว่าจะมีจำนวนมากแค่ไหน แต่ว่านักเรียนเริ่มลดลงไปเยอะมากแล้วตราบใดที่ชิงคะแนนได้ก็ควรจะทำ

ทั้งสองพยักหน้าให้กันและฉันเองก็เริ่มเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน

◇◆◇

ทางเหนือของป่าที่ลิซ่าและผองเพื่อนอยู่ ที่นั่นมีสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่สถานการณ์นั้นเรียกได้ว่าฝ่ายหนึ่งได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

 

「นี่แหนะ!」

 

「อั่กกกกกกกกกก!」

 

สาวน้อยผมสีดำสนิทฟันเข้าที่แขนของนักเรียนชายที่กกำลังเผชิญหน้ากับประกายแสงที่เปรียบดั่งพายุ เธอฟันไปที่แขนชายคนนั้นและชักดาบกลับและฟันดาบเข้าไปที่คางด้วยสันดาบ

ชายคนนั้นลอยขึ้นในขณะเดียวกันก็ล้มลงจนจี้รอบคอกลายเป็นสีแดง

 

「เอ็อ……」

 

นักเรียนหญิงผมสีดำ นาม ไอริสดิน่า ฟรานซิส ถอนหายใจออกมาและเก็บดาบเข้าฝัก

 

「……ดูเหมือนจะจบแล้วสินะ」

 

ทิม่า ไลม์ที่อยู่ข้างๆพูดกับฉันเช่นนั้น

นักเรียนหกคนนอนกองอยู่รอบตัวพวกเธอ จี้ทั้งหมดกลายเป็นสีแดง ซึ่งโดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว

 

「อาาา พูดตามตรงค่อนข้างเป็นปัญหาเลย…ว่าแต่สบายดีกันรึเปล่าคะ?」

 

「อ่าาา สบายดี……」

 

ไอริสพยายามส่งเสียงทักทายเหล่านักเรียนที่แพ้ให้กับเธอ เธอพยายามรักษาพวกเขาด้วยเวทย์รักษาเบื้องต้น

หลังจากรักษาให้อยู่หลายครั้งพวกนั้นก็มอบจี้ให้กับไอริสและกลับไปที่สำนักงานใหญ่

ทิม่าหยิบโพชั่นให้ไอริส มันเป็นโพชั่นที่ช่วยในการเยียวยาจิตใจและฟื้นฟูพลังเวทย์

 

「ไอ ขอบคุณที่พยายามอย่างหนักนะ」

 

「อ่าา ขอบคุณนะ」

 

ไอริสรีบดื่มยาที่ทิม่าส่งมาให้ ทิม่ายังคงยิ่นยาให้เธออีก

 

「ฟู่……」

 

ไอริสที่ดื่มโพชั่นเข้าไปหายใจออกมาและมองไปยังต้นไม้ที่รกราก

ท่าทีของเธอค่อนข้างเศร้าสร้อย รูปลักษณ์ที่งดงามราวกับภาพวาดภายในป่านั้นเปรียบได้ดั่งงานศิลป์ชั้นยอด แต่ทิม่าที่อยู่ข้างๆเพื่อนสนิทคนนี้รู้ดีว่าเธอกำลังกังวลอะไร

 

「ไอ เป็นห่วงโนโซมุคุงงั้นเหรอ?」

 

「……อืม」

 

ไอริสตอบเช่นนั้น ทิม่าที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจที่เห็นใบหน้าอันเศร้าสร้อยของเพื่อนสนิทตัวเอง

 

「……นี่ไอ。……พูดจริงๆนะฉันเสียใจมากเลยล่ะ」

 

「……เสียใจงั้นเหรอ?」

 

ไอริสจ้องมองไปทางทิม่าที่พูดเช่นนั้น

 

「พวกเราก็เคยคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องที่โนโซมุเปลี่ยนไปน่ะ……」

 

「……อืม」

 

โนโซมุที่ทำตัวห่างเหินจากพวกเรา พวกเธอที่พยายามเข้าหาโนโซมุและได้แต่รอให้เขาเล่าเรื่องราวของตัวเอง

 

 

ทิม่าเองก็ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเพราะพลังเวทย์อันมหาศาลของเธอ เพราะแบบนั้นตัวเธอเองก็ค่อนข้างเข้าใจในตัวของโนโซมุเป็นอย่างดี

 

 

ทางฝ่ายไอริสและมาร์ที่ทนไม่ไหวก็อยากจะเข้าไปถามเขาเต็มที่

 

 

อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นเองก็เกิดรอยร้าวแปลกๆระหว่างโนโซมุและไอริสขึ้นมา รอยร้าวนั่นค่อยๆกว้างขึ้นจนส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆด้วยเช่นกัน

 

「……อย่างน้อยพวกเราก็น่าจะได้คุยกัน……。ด้วยเหตุนี้เองมาร์คุงเองก็แปลกไปด้วยเช่นกัน……」

 

อย่างที่ทิม่ากล่าวไว้ ท่าทางของมาร์เองก็เปลี่ยนไปเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากโนโซมุ

 

 

หลังจากฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทิม่าก็บอกมาร์ว่าอย่าฝืนเกินไป แต่มาร์ก็ได้แต่ตอบว่ารู้แล้ว และก็ยังคงฝึกแบบนั้นอย่างไร้เหตุผลซ้ำไปมา

 

 

ทุกครั้งที่เห็นภาพตรงหน้า เธอเองก็รู้สึกปวดใจ

 

 

แน่นอนว่านั่นเองก็เป็นสิ่งที่เขาพยายามจะขจัดข้อข้องใจในตัวโนโซมุด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ในตอนนี้มันเลยดูเละเทะไปหมดเลย

 

「……อืมม ไม่ใช่ความผิดของทิม่าหรอกนะ ฉันเองก็ไม่ได้คุยกับโนโซมุเหมือนกัน อยากจะฟังเรื่องราวของเขาเพื่อที่พวกเราจะได้ก้าวหน้ากันต่อไป……」

 

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่ทิม่าแต่สำหรับไอริสเองก็เช่นกันไม่สามารถเข้าหาเขาได้เลย พยายามรอมาตลอด รอให้เขาเล่าเรื่องราวของตัวเอง

 

(ทำไมกันนะ ทำไมถึงไม่กล้าถามออกไป……)

 

ไอริสไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้เพราะเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย

 

 

เมื่อเห็นเช่นนั้นเอง ตัวฉันเองก็รู้สึกเจ็บใจที่เป็นแบบนี้เช่นกัน

 

「อะ!!」

 

ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวก็เอามือจับหน้าอกของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

 

 

พอนึกถึงโนโซมุที่ไรหัวใจก็เต้นรัวและในขณะเดียวกันก็เหมือนกับหน้าอกกำลังถูกฉีกกระฉากออกไป ความวิตกกังวลเหล่านั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปในใจเข้าไปอีก

 

 

ได้แต่สงสัยว่าทำไมกันนะ แต่ภายในหัวของฉันมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด คิดอะไรไม่ออก ทำได้แต่กระวนกระวาย

 

 

ฉันส่ายหัวไปมาเพื่อจะสบัดความคิดเหล่านั้นออกไป แต่ผมสีดำมันเงาก็ได้แต่สยายไปตามสายลม หัวของฉันไม่มีความสงบหลงเหลือเลย

 

 

ไม่สิ มันตรงกันข้ามกันเลย ความว้าวุ่นใจมันก็ต่อมากขึ้นไปอีก ความอบอุ่นและความเย็นมันพัดพาเข้ามาในใจ ความรู้สึกมากมายมันเอ่อล้นออกมาในใจ

 

 

มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย เพิ่งเคยจะรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก

 

 

 

「……ไอ ถ้าหากการฝึกนี่จบเมื่อไร ไว้ไปถามโนโซมุกันดีไหม?」

 

「เอ๋?」

 

「ทั้งเรื่องของมาร์คุงและเรื่องของโนโซมุคุง…พูดตามตรงฉันไม่อยากเห็นพวกเขาสองคนต้องทรมานอีกต่อไปแล้วล่ะ」

 

ทิม่าพูดและรู้สึกเสียใจที่สร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมา เธอพูดว่าอยากจะจบความรู้สึกผิดเหล่านี้และเริ่มก้าวเดินครั้งใหม่

 

「อืม นั่นสินะ……」

 

ไอริสพยักหน้าต่อคำพูดของทิม่า ในเวลานั้นพุ่มไม้ทางด้านหลังก็สั่นสะเทือน

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท