บทที่ 170 นี่ท่าน… .. ตกหลุมรักข้าหรือ?
“เจ้าใบ้น้อย! หลบ!”
เมื่อเห็นโศกนาฏกรรมดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้น คนผู้หนึ่งก็ร้องเสียงตระหนกขึ้น
เมื่อชายหนุ่มหน้าหวานเห็นเข้าก็หน้าซีดลงเช่นกัน ยัยเด็กบ้า!
ชิงอวี่นั้นควรจะไปที่ภาควิชานักปรุงยา แต่จู่ ๆ เฟิ่งเทียนเหิงก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วชิงเอาตัวนางไป ผู้อาวุโสจินจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ
เมื่อรู้ว่ามู่ไหลสนิทกับชิงอวี่ เขาก็มักใช้เรื่องแลกวิชาความรู้ระหว่างศิษย์เป็นข้ออ้าง ดึงตัวนางมาดูศิษย์คนอื่น ๆ ปรุงยา ให้ช่วยชี้แนะจุดบกพร่อง ทำให้นางรู้สึกอึดอัดอยู่ทุกครั้ง
ศิษย์คนโตของภาควิชานักปรุงยา ถานหลินรั่ว ยามเห็นนางก็จะหลบเลี่ยง เป็นเพราะผู้อาวุโสจินเห็นนางทีไรเป็นต้องชมไม่หยุดปากทุกที ถานหลินรั่วได้เห็นด้วยตาตนว่าเด็กสาวร่างน้อยที่อายุน้อยกว่าเขามีฝีมือถึงเพียงไหน เขารู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อย รู้สึกว่าฝีมือตนด้อยกว่านาง
เมื่อชิงอวี่กลับมาถึงที่ก็พบกับภาพบาดตาทันที บนใบหน้าดูดีของซิงถงนั้นไร้สีเลือด เขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ดวงหน้าน้อย ๆ นั่นยิ่งทำให้เขาดูไร้ซึ่งพลังใด
“ซิงถง….”
แววตาชิงอวี่พลันเฉียบคม นางเหินร่างขึ้น พุ่งเข้าใส่ฝูงแมลงพิษนับพันทันที
“สวรรค์โปรด! ศิษย์น้องเล็ก!”
หากศิษย์น้องเล็กได้รับบาดเจ็บ พี่ใหญ่ได้เชือดพวกเขาทิ้งหมดแน่!
คนทั้งหมดจึงพุ่งเข้าไปอย่างลนลาน ในหัวคิดว่าจะช่วยเด็กสาวอย่างไรดี ได้แต่กระโจนเข้าไปอย่างเร่งรีบ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
สีหน้าของแม่นางหน้าตุ๊กตาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แม้นางจะเก็บกระบวนท่าไปตอนนี้แต่ก็ไม่ทันแล้ว
ตอนนี้ แม้แต่สายลมก็ยังหยุดนิ่ง
แมลงพิษทั้งหมดที่เกือบจะพุ่งเข้าหุ้มร่างเด็กสาวพลันหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
ทุกสิ่งโดยรอบ รวมทั้งลมที่พัดผ่านใบหน้าคนทั้งหลาย กิ่งไม้ที่ไหวไปตามแรงลม และกองหิมะที่หล่นลงจากหลังคาเป็นระยะ ทุกอย่าง… หยุดชะงักลงในพลัน
บรรยากาศพลันตกลงสู่ความเงียบสงัด
ทุกคนจ้องอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงยืนขวางหน้าชิงอวี่และซิงถงที่ยืนบื้อใบ้อยู่เอาไว้ สีหน้าเขาสงบนิ่งไร้อารมณ์ จ้องหน้าแม่นางน้อยหน้าตุ๊กตานิ่งไป
เขาที่มักมีรอยยิ้มชั่วร้ายไม่จริงจัง ตอนนี้กลับไม่เผยอารมณ์ใดบนใบหน้า เป็นครั้งแรกที่คนอื่น ๆ ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของชายปริศนาผู้นี้
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เผยความโกรธ แต่กลับทำให้ทุกคนกลัวจากก้นบึ้งในจิตใจได้อย่างไร้เหตุผล กลิ่นอายกดดันที่เขาแผ่ออกมาส่งผลให้หายใจลำบาก
เด็กน้อยหน้าตุ๊กตาเปิดปากพึมพำไม่เป็นคำ “ท่าน…อาจารย์”
“เล่นสนุกเช่นนี้อันตรายนัก หากมีคนบาดเจ็บคงไม่ดี” เสียงของโหลวจวินเหยานั้นแผ่วเบาไร้อารมณ์ แต่กลับเสียดแทงใจเด็กสาวนัก
“ข้ารับรู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์…” เด็กน้อยหน้าตุ๊กตาขบริมฝีปาก เหมือนกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
โหลวจวินเหยาส่งเสียงตอบรับไร้อารมณ์ “ไปรับบทลงโทษเสีย คัดกฎสำนักสิบจบ พรุ่งนี้เช้าเอามาส่งที่ข้า”
กฎสำนักละอองหมอกนั้น คร่าว ๆ ก็มีหลายพันข้อนัก สิบจบ…..
เด็กสาวหน้าตุ๊กตาอ้อนวอนด้วยใบหน้าเศร้า “น้อยกว่านี้หน่อยได้หรือไม่… ”
“ยี่สิบจบ”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะไปลงมือเดี๋ยวนี้” เด็กสาวจึงเดินจากไปด้วยความท้อใจ
โหลวจวินเหยาพลันหันไปมองชายหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นด้านหลัง “พวกเจ้าต่อสู้กันที่นี่ ผิดกฎสำนัก ข้าลงโทษนางให้คัดลอกกฎสำนัก ส่วนเจ้า ก่อนพระอาทิตย์ตกดินวันนี้ ไปตักน้ำให้เต็มโอ่งนอกประตูหุบเขาเสีย หากทำไม่ทันหรือข้าจับได้ว่าเจ้าได้คนอื่นช่วยจะให้เจ้าคัดกฎสำนักร้อยจบ”
นอกประตูหุบเขามีโอ่งน้ำทั้งหมดสิบโอ่ง แต่ละโอ่งมีความสูงราวผู้ใหญ่สองคนยืนต่อกัน นับกันตอนนี้จนกว่าพระอาทิตย์จะตกก็เหลือเวลาเพียงสามชั่วยามเท่านั้น
และชายหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นเช่นเขา ที่ห่วงหน้าตาตนเป็นที่สุด รูปร่างอรชรผอมนัก ไม่เหมาะกับงานใช้แรงเช่นนี้แม้แต่น้อย
แม้ในฤดูหนาวจะไม่ร้อนเท่าในฤดูร้อน แต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงตรง พระอาทิตย์ส่องแสงจ้าไม่น้อย ชายหนุ่มที่ออกไปเมื่อไหร่เป็นต้องถือร่มออกไปจึงอดตะโกนขึ้นไม่ได้ “โหลวไป่เชียน ท่านมีสิทธิ์อะไรมาลงโทษข้าได้?”
โหลวจวินเหยาริมฝีปากโค้งขึ้น “ดูเจ้าจะไม่พอใจนะ? ดูจะไม่เห็นอาจารย์อยู่ในสายตาเอาเสียเลย ข้าคงจะต้องสั่งสอนสักหน่อย”
“ท่านคิดจะรังแกคนอ่อนแอกว่าหรือ?” ชายหนุ่มใบหน้าคล้านสตรียิ่งโกรธ
โหลวจวินเหยาหัวเราะก่อนเหลือบมองเขา “รังแกคนอ่อนแอ? สังหารเจ้านั้นง่ายราวกับบี้มดตัวหนึ่ง คิดหรือว่าเจ้ามีค่าพอให้ข้าลงมือ?”
“ท่าน…..!” ใบหน้าอีกฝ่ายแดงก่ำด้วยความโกรธ
“คิดจะต่อรองหรือบ่นว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่หากพระอาทิตย์ตกแล้วน้ำยังไม่เต็ม เจ้าคงไม่อยากรับรู้ผลที่จะตามมาหรอกกระมัง” โหลวจวินเหยากล่าวพร้อมรอยยิ้มไร้ภัย
ลึก ๆ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น ไม่ว่าชายหนุ่มหน้าหวานจะโกรธและแค้นเคืองมากเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมแพ้ไปตักน้ำแต่โดยดี ยามเขาเดินจากไป ก็หันมองคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกล หวังว่าจะมีใครมาช่วยเหลือเขาบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนก็หลบสายตาราวกับเขาเป็นอสูรตัวอันตราย พลันวิ่งจากไปทันที
“…..” เจ้าพวกคนทรยศ!
เมื่อเห็นคนสองคนที่ลงมือกันถูกทำโทษแล้ว คนอื่น ๆ ก็กลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย พากันแตกฮือแยกย้ายกันจากไปราวกับนกแตกรัง
ซิงถงมองซิงถงด้วยความซาบซึ้ง เมื่อเขาหันไปจ้องตาโหลวจวินเหยาก็พลันรู้สึกเย็นสันหลังวาบ รีบวิ่งหนีไปไกลทันที
เหลือเพียงชิงอวี่ที่ยังไม่จากไป นางจ้องตาที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอียงคอมองพลางเอ่ยถาม “อารมณ์ไม่ดีหรือ? ทำไมต้องลงโทษพวกเขาด้วย?”
โหลวจวินเหยาเลิกคิ้ว “พวกเขาฝ่าฝืนกฎ สร้างปัญหาด้วยการประมือกันภายใน ทำลายความสงบสุขของสำนัก ข้าก็ควรลงโทษไม่ใช่หรือ?”
ชิงอวี่มองเขาด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้ท่าน…เริ่มดูเหมือนคนที่เป็นอาจารย์ขึ้นบ้างแล้ว ”
“ข้าเป็นอาจารย์อยู่แล้ว” โหลวจวินเหยาเอ่ยเยาะแล้วเดินเข้าไปใกล้ จับไหล่นางแล้วหันนางให้มามองหน้าตน “และข้ายังไม่ได้ตำหนิเจ้าเลย เมื่อครู่เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้าไม่ห่วงชีวิตตน จะเข้าไปช่วยเด็กคนนั้น คิดว่าตนเองฟันแทงไม่เข้าหรือ?”
“ตอนนี้ข้าก็ไม่เป็นอะไรนี่? ข้าลงมือเพราะข้ามั่นใจว่าตนเองจะไม่บาดเจ็บ ข้าออกจะเห็นแก่ตัว ไม่มีทางทำเรื่องที่เสียประโยชน์หรอก” ชิงอวี่เอ่ยพลางหัวเราะหึ
“อย่างนั้นหรือ?” โหลวจวินเหยาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เอ่ยท้าทายนาง “ทำไมข้าเหมือนจะจำได้ว่าเมื่อครั้งเจ้าถอนคำสาปให้ข้า เจ้ากลับรับเอาพลังที่ตีกลับมาไปเต็ม ๆ เพื่อปกป้องข้า สุดท้ายก็หมดสติสิ้นท่าไป บาดเจ็บสาหัสกันหนอ?”
ชิงอวี่ได้ยินก็เถียงไม่ออก
แล้วจะให้นางตอบอย่างไร? บอกไปว่านางทำไปเพื่อใช้หนี้บุญคุณเรื่องแก่นเพลิงเยือกแข็งหรือ?
เขาจำเรื่องในอดีตได้แม่นยำนัก หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นบาดเจ็บ เขาก็คงไม่รู้เรื่องที่นางปลอมตัวเร็วขนาดนั้นหรอก
เห็นเด็กสาวยืนบื้อไม่ตอบโต้ เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ ยื่นมือออกไปหยิกแก้มนางพลางเอ่ยเบา ๆ “คราวหน้าอย่าทำตัวโง่งมเช่นนี้อีก ไม่มีใครสำคัญไปกว่าเจ้า แม้เจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่อันตราย ได้ยินหรือไม่?”
ชิงอวี่ถูกหยิกแก้มโดยพลันก็ตกใจ ก้าวถอยหลังไปไม่ทันรู้ตัว จ้องเขากลับด้วยความโกรธ “โหลวจวินเหยา!”
“อืม” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าคือโหลวไป่เชียน เจ้าตะโกนเปิดโปงข้าเช่นนี้คงไม่ดีนัก”
ชิงอวี่ขมับเต้นตุบ ๆ “ท่านช่วย… .. ”
“หืม?” เขาเลิกคิ้วมองนาง “มีอะไร?
“ท่านช่วยทำตัวให้ปกติกว่านี้หน่อยจะได้ไหม?”
“ข้าไม่ปกติหรือ?”
“ปกติที่ไหนกัน!?” ชิงอวี่หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ “ช่วยอย่ามาทำอะไรแปลก ๆ กับข้าได้หรือไม่?”
โหลวจวินเหยาเห็นดวงหน้าเล็กโกรธสุดขีดก็หัวเราะ เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วถามว่า “ที่ว่าแปลกน่ะมีอะไรบ้างหรือ?
เห็นเขาขยับเข้ามาใกล้ ชิงอวี่ก็ถอยออกไปหลายก้าว ทว่าด้านหลังกลับมีต้นไม้บังอยู่ เมื่อเห็นว่าร่างเพรียวของนางกำลังจะชนเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง เขาก็รีบโอบเอวนางไว้ สุดท้ายนางจึงกระแทกเข้ากับแขนเขาแทน
ดังนั้นนางจึงถูกต้นไม้และชายหนุ่มปิดทางหนี้จนสิ้น
“โหลวจวินเหยา!” อย่าลืมว่าตอนนี้เราอยู่ในที่สาธารณะ!” ชิงอวี่ยกมือขึ้นดันไหล่เขาออก สายตาสอดส่องโดยรอบ “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“เจ้ายังไม่บอกเลยว่าเจ้าหมายถึงเรื่องแปลก ๆ แบบไหน?” โหลวจวินเหยาก้มหน้าลงถามซ้ำอีกครา
อาจเพราะเขากำลังอารมณ์ดีนักจึงสามารถเห็นร่องรอยสีม่วงจาง ๆ ส่องประกายอยู่ในดวงตาสีดำ ดูน่ามองเป็นพิเศษ
“ที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ก็เรียกว่าแปลก!” ชิงอวี่ตะโกนขึ้น “หากคนมาเห็นว่าอาจารย์อย่างท่านกำลังลวนลามศิษย์หญิงเช่นนี้ คอยดูก็แล้วกันว่าจะยังอยู่ที่นี่อีกต่อไปได้หรือไม่”
“โอ๋?” เช่นนั้นนี่คือการลวนลามงั้นหรือ?” โหลวจวินเหยาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง “ข้าถูกเข้าใจผิดเสียแล้ว เช่นนั้น… ข้าทำจริง ๆ เสียเลยก็ดีกระมัง?”
“ท่านกล้าหรือ!?” ชิงอวี่ดวงตาเบิกกว้าง ตกตะลึงที่เขาหน้าไม่อายได้ถึงเพียงนี้ “ท่านเป็นสหายของท่านแม่ข้าไม่ใช่หรือไร? ทำเช่นนี้กับลูกสาวนาง ท่านไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดเลยหรือ?”
“หึ ๆ จิ้งจอกน้อย ดูเหมือนว่าความจำเจ้าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่” โหลวจวินเหยาก้มลงเอ่ยคำ “ไม่ใช่เจ้าบอกว่า… เจ้ามาจากโลกใบอื่นหรอกหรือ? อาหลานกับเจ้ามีเพียงสายเลือดเดียวกันกับร่างกายที่เจ้าใช้อยู่ ทำไมข้าต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า?”
ชิงอวี่โกรธกับเหตุผลที่เขาว่ามาจนอยากหัวเราะ ทันใดนั้นดวงตาหงส์ของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อยพลางจ้องมองเขา ดวงหน้างามไร้ที่ติค่อย ๆ คลี่ยิ้มลวงใจคน จากนั้นริมฝีปากก็ค่อย ๆ เผยอออก เปล่งเสียงแผ่วเบา “เช่นนั้น ที่ทำอยู่ตอนนี้ หรือจะ… ”
โหลวจวินเหยาถูกรอยยิ้มจงใจล่อลวงของนางทำให้ตกอยู่ในภวังค์ นัยน์ตาล้ำลึกขึ้น เห็นนางไม่พูดต่อให้จบ เขาจึงเอ่ยถาม “จะอะไร?”
ทันใดนั้น ใบหน้านางก็พลันยื่นเข้ามาแทบจะชนกับหน้าเขา
โหลวจวินเหยาพลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ในลำคอ
ใกล้เกินไปแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าหากเขาเอ่ยปากพูดก็จะสัมผัสริมฝีปากนุ่มฉ่ำของเด็กสาว ที่ตอนนี้กำลังคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอย่างไรก็อย่างนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหนกัน นางที่รักษาระยะห่างจากมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเข้าใกล้เขาอย่างสนิทสนมเช่นนี้ได้? ในชั่วพริบตานั้น โหลวจวินเหยาก็พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมา จากนั้นเขาก็หันหน้าหนีไป
เด็กสาวเห็นแล้วก็หัวเราะ ลมหายใจหอมกรุ่นพัดผ่านใบหายหนุ่ม น้ำเสียงหนึ่งดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงนุ่มอย่างที่สตรีทั่วไปพึงมี แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น ได้ยินแล้วถึงกับใจสั่น “หรือท่านจะพบว่าตนเอง… ตกหลุมรักข้าเข้าแล้ว?”
คำนั้นคุ้นหูเป็นอย่างมาก เป็นคำที่ปีศาจน้อยเพิ่งจะพูดให้ฟังเมื่อวันก่อน
โหลวจวินเหยา ท่านตกหลุมรักนางเข้าแล้ว