มาร์วินรู้สึกไม่สบายใจกับกระดาษไม่กี่แผ่นนี้ เขาหยิบมันขึ้นมา
เขาจดจำภาษานี้ได้ แต่เขาไม่ได้พูดมันออกมา
นี่เป็นภาษาของโนมโบราณ ก่อนที่เผ่าพันธุ์โนมถูกกวาดล้าง เผ่าพันธุ์นี้มีอารยธรรมที่เจริญมาก พวกเขาประสบความสำเร็จในวิชาการสร้างซึ่งเป็นคู่แข่งกันเหล่าคนแคระ
มาร์วินมีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับการล่มสลายของเหล่าโนมโบราณ แต่เขามีความรู้เกี่ยวกับการสร้างของพวกมัน
‘ดูเหมือนกระดาษเหล่านี้จะเป็นความรู้ในการสร้าง’
‘ข้าไม่มีคลาสในการสร้างและด้วยความรู้ของขุนนาง ข้าไม่สามารถอ่านมันได้’
‘แต่สิ่งนี้คงต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี มันอาจจะใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง’
มาร์วินไม่ได้มีความสามรถในระดับสูง เขาไม่สามารถเข้าใจการออกแบบนี้ได้
มีเครื่องหมายอยู่บนหัวของกระดาษเหล่านั้น ถ้าเขาจำไม่ผิด มันควรเป็นการประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงมาก กากอยด์จักรกล
ดูเหมือนว่าหีบสมบัตินี้ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมาโดยเหล่าโนม แต่เป็นสิ่งของที่ส่งมาจากรุ่นสู่รุ่น
มาร์วินดึงกองกระดาษออกมาพร้อมกับเม็ดอัญมณีที่ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไรและเก็บอย่างระมัดระวัง
มีอัญมณีมีฟ้าอยู่มากมาย แต่เขาเป็นมือใหม่ในด้าน [ธรณีวิทยา] และ [การประเมินราคาอัญมณี] ซึ่งเขาไม่สามารถบ่งบอกที่มาของเพชรได้
เขาต้องหาผู้เชี่ยวชาญในด้านการประเมินอัญมณี
แต่เนื่องจากอัญมณีเหล่านี้และพิมพ์เขียวของกากอยด์ถูกเก็บไว้ด้วยกัน มันปลอดภัยกว่าหากเก็บพวกมันไว้ในสถานที่เดียวกัน
…
นอกจากกองกระดาษของโนมโบราณ ถ้ำที่เล็กและชื้นแห่งนี้ไม่ได้มีสิ่งใดอีกต่อไป
มาร์วินเดินไปตามทางเล็กๆอย่างร่าเริง
เขามุ่งไปยังปลายทางของถ้ำและเริ่มรู้สึกถึงกำแพง แท่นขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากที่ดันออกไป
พระอาทิตย์ตกดินเริ่มเห็นได้จากระยะไกล ในขณะที่หุบเขาปกคลุมไปด้วยหมอก
ร่างเล็กๆของมาร์วินยืนขึ้นบนแท่นและมองลงไปด้านล่าง
เขามองเห็นประตูอารามอยู่ไม่ไกล นักบวชแห่งความเจ็บปวด 2 คนกำลังเฝ้าประตูโดยไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นภายใน
สำหรับเหล่าลูกน้องเทพปีศาจ มีเพียงไม่กี่คนอยู่ทั่วทั้งอาราม มาร์วินกลัวว่าโชคของเขาอาจจะเลวร้าย อารามค่อนข้างกว้าง เขาคงไม่ไปเจอกับใครหรอกมั้ง?
ด้านข้างของแท่นขนาดเล็กคือต้นไม้ต้นเล็กๆที่มีรากหยั่งลึก และเติบโตจากภายในหิน
มาร์วินผูกปลายของเชือกอเนกประสงค์ไว้กับต้นไม้และปลายของอีกด้านไว้กับเอวของเขา
เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เขาจับเชือกแน่นและค่อยๆโหนตัวลงไปทีละน้อย
เงาร่างเล็กของมาร์วินกำลังปีนลงมาช้าๆจากหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยหมอก
3 นาทีต่อมา เท้าของเขาสัมผัสกับพื้น
‘ลงอย่างปลอดภัย’
เขาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบและไม่พบร่องรอยของผู้ศรัทธาเทพปีศาจ
หลังจากที่ร่ายเวทย์เพียงเล็กน้อย เชือกอเนกประสงค์ม้วนตัวขึ้นไปด้านบนโดยอัตโนมัติโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้
มันรอคอยจนกระทั่งมาร์วินต้องการให้มันกลับมา และเมื่อเขาร่ายเวทย์อีกครั้ง เชือกจะร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
นี่เป็นสกิลของเอลฟ์ชั้นสูงเท่านั้น มีเพียงพวกเขาถึงจะสามารถสร้างอุปกรณ์ที่แยบยลเช่นนี้ได้
เขาใช้ประโยชน์จากแสงเพียงเล็กน้อยบนท้องฟ้า มาร์วินเตรียมใช้มือของเขา เขามาถึงห้องโถงแรก
แต่ในเวลานี้ เสียงของม้าดังออกมาจากด้านในของหุบเขา!
‘ไม่ดีแล้ว!’
‘ผู้ศรัทธาเทพปีศาจ!’
“มันเข้ามาใกล้แล้ว!”
มาร์วินเกร็งร่างและยึดตัวติดกับผนังหน้าผาตามสัญชาตญาณ เขารีบก้าวเดินไปด้วยความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ซ่อน!
[ซ่อน(41+9) สกิลถูกใช้งานสำเร็จ]
[ได้รับโบนัสป่ารกร้าง….]
[สภาพแวดล้อม(หน้าผา, หมอกหนา) ได้รับโบนัส….]
…
ทหารม้าร่างสูงมาถึงพื้นที่ว่างเปล่าด้านนอกห้องโถงภูตผี
ระยะห่างประมาณ 10 เมตรจากประตู
มาร์วินจับมีดโค้งแน่นและเริ่มกังวล
เขาไม่สามารถต่อสู้กับผู้ศรัทธาเทพปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้!
ผู้ศรัทธาเทพปีศาจมีความสูงประมาณ 2 เมตร เขากำลังขี่ม้าที่น่าหวาดกลัว มาร์วินสูงไม่ถึงเอวของเขา
ด้านบน เขาสวมชุดเซ็ตเกราะหนัก ซึ่งเป็นหายนะของเหล่าเรนเจอร์
มีดโค้งของเขาเมื่อฟันไปยังชุดเกราะหนา พวกมันอาจจะโค้งงอได้ และยังไม่มีจุดอ่อนใดๆ….
เนื่องจากพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกมันจึงไม่มีจุดอ่อน
สมมุติให้มาร์วินมีสิ่งของคลาส 2 และมีคลาส 2 เป็นมือสังหารเงาที่เชี่ยวชาญในการสังหารมากที่สุด มันยังเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับพวกมัน
การป้องกันและพลังชีวิตที่มหาศาลของพวกมันทำให้ผู้คนเกรงกลัวเป็นอย่างมาก
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถใช้งานได้แต่น่าเศร้าที่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มาร์วินมีเป็นเพียงน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปที่มีความเข้มข้นต่ำมาก
น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ขายโดยวิหารสีเงินถูกเจือจางอย่างมาก พลังศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในอาจไม่ถึง 1/100000 มันเพียงพอที่จะจัดการกับซอมบี้เพียงพอแต่ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับผู้ศรัทธาเทพปีศาจได้ นี่เป็นเรื่องไร้สาระที่จะพยายามที่ต่อสู้กับพวกมัน
มาร์วินทำได้เพียงอธิษฐานว่าทักษะซ่อนตัวของเขาสามารถแสดงผลได้ ผู้ศรัทธาเทพปีศาจเดินผ่านมาร์วินเเละจู่ ๆ เขาก็หยุดลง
หัวใจของมาร์วินเเทบจะหยุดเต้น!!
แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่มาร์วินคิดมันเพียงเเค่หยุดเเละเดินจากไปมันใช้เวลาไม่นานนักในการเดินไปเพื่อเปิดประตูอาราม ผู้ศรัทธาเทพปีศาจดึงบังเหียนขึ้นและเดินตรงเข้าไปข้างในโดยไม่มองกลับมาบาทหลวงแห่งความเจ็บปวด 2 ตนนี้ยังคงนิ่งเงียบเมื่อประตูถูกปิดอีกครั้ง
ควันฝุ่นคลุ้ง
…
‘โชคดีที่ข้าไม่ได้ปีนลงมาเเละพบกับผู้ศรัทธาปีศาจตนนี้”
สามนาทีที่มาร์วินก็ซ่อนตัวและไม่กล้าที่จะออกมา ทักษะการซ่อนของเขาช่วยเขาไว้ได้ในครั้งนี้ บางทีผู้ศรัทธาเทพปีศาจคงยังไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนที่สามารถผ่านนักบวชเเห่งความเจ็บปวด 2 คนได้ แต่ถ้ามันเป็นตอนที่เขากำลังห้อยอยู่กลางอากาศเขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกปิดตัวเองเเละถูกเล่นงานเป็นแน่
ผู้ศรัทธาเทพปีศาจนี้จะต้องได้รับการออกไปปฏิบัติภารกิจ เจ้านายของพวกเขา[ผู้ล้างเเค้น]ฟีแกนเป็นชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานซึ่งอยู่ในห้องโถงที่สามในอดีตเขาเป็น สาวกของ ลิซเเต่ตอนนี้เขาได้หลับไปพร้อมกับลิซ
อย่างไรก็ตามมาร์วินไม่ได้มองหาฟีแกนเพื่อที่จะไปหาเรื่องเขา เป้าหมายหลักของเขาในเวลานี้คือห้องที่สิบแปดระหว่างห้อง โถง 1 และห้องโถงภูติผีอาจจะมีมอนสเตอร์ที่ เป็นทาสปีศาจอยู่ในห้องเหล่านี้พวกเขาไม่ได้ตายแต่กลายเป็นผู้ศรัทธาเทพปีศาจ หากฆ่าพวกมันเหล่านี้ได้จะได้ค่าประสบการณ์เเละรางวัลมากมายเเละยังมีมีหีบสมบัติมากมายภายในห้องเหล่านี้ที่เป็นเป้าหมายของมาร์วิน
มาร์วินใช้ซ่อนตัวเดินอย่างระมัดระวังภายในห้องโถงภูติผีที่เงียบสงบ
แม้ว่าอารามสีชาดจะไม่ใช่เมืองใต้ดินและน่าจะเป็นกับดักที่ต่ำมากเเต่มาร์วินรู้ดีว่ามีอันตรายอยู่เขาเดินอย่างต้องระมัดระวังการถูกกับดักเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่แย่มากโดยเฉพาะกับดักสัญญาณเตือนภัย
มีภาพวาดแขวนอยู่ทั้งสองด้านของห้องโถงภูติผี พวกเขาเป็นภาพบุคคลทั้งหมด อัศวิน ขุนนา งพ่อมด นักวิชาการ …
ภาพเหล่านี้ทั้งหมดยิ้ม แต่มันก็เป็นรอยยิ้มแปลกมากถ้าจ้องมองภาพวาดเป็นเวลานานเกินไปก็จะได้ยินเสียงสั่นออกมา ตาของพวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจ้องมองมา รอยยิ้มของพวกเขาดูเหมือนจะซ่อนความคิดที่ชั่วร้ายไว้อยู่มีบางอย่างเกี่ยวกับภาพวาดเหล่านี้
แต่มาร์วินไม่ได้ตรวจสอบภาพเหล่านี้มากนักในตอนที่เขาไปที่อารามสีชาด ตราบเท่าที่เขาไม่ใส่ใจกับภาพเหล่านั้นเขาก็คงจะไม่ลำบากมากนักเขาเดินตามเส้นทางของห้องโถงภูติผีเป็นเวลานานกว่าจะถึงทางแยก
มันมีสามเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่ละทางนำไปสู่ทางที่เเตกต่างกันมีเส้นทาง 6 เส้นทางโดยรวมเเล้วมี่ทั้งหมด 18 ห้องในทางสุดท้ายของทางที่ 3 คือห้องโถงแรก
‘ปลายทางสุดท้าย’
มาร์วินเอนตัวไปทางซ้าย เขาวางแผนที่จะตรวจสอบห้องเหล่านี้จากด้านซ้ายเพื่อมองหาหีบสมบัติของวิเศษอาจจะมีอยู่ในหีบสมบัติเหล่านี้ มาร์วินเคยได้รับกริชที่แปลกประหลาดมาจากสถานที่แห่งนี้ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ผลกระทบของกริชนั้นค่อนข้างดีดังนั้นเขาจึงใช้มันเป็นเวลานาน
ในเวลานั้นเขาไม่คาดฝันได้เห็นภาพวาดหนึ่งจากมุมหนึ่งของห้องภาพวาดนี้ค่อนข้างพิเศษและมาร์วินก็ถูกดึงดูดโดยทันที
“โอ้? ภาพนี้ … ทำไมฉันไม่เห็นมันในอดีตที่ผ่านมาของฉัน?
มาร์วินประหลาดใจมากเเละมองภาพสุดท้ายของผนังด้านซ้ายของห้องโถงภูติผีเป็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่สีผมของเธอเป็นสีเดียวกับข้าวสาลีและรอยยิ้มของเธอสดใสมากเธอค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขาเห็นในภาพที่ผ่านมา รอยยิ้มของเธอรู้สึกว่าจริงใจมาก
“แปลกก!!”
นี่เป็นความแตกต่างครั้งแรกระหว่างโลกก่อนหน้าของเขากับโลกในตอนนี้
เขาไม่สามรถนึกอะไรได้ทำได้เพียงวิเคราะห์ภาพที่อยู่ตรงหน้าแต่ชื่อของภาพวาดทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
[หญิงหัวขาด]
“เธอเป็นผีงั้นเหรออ?”
หญิงสาวในภาพวาดดูยังสาวเเละสวยมาร์วินเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
เขาลองมองไปที่หน้าต่างสถานะของเขาและบันทึกการต่อสู้
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“มันเป็นเรื่องทางจิตวิทยารึป่าว?”
‘ไม่มีคำสาปแช่งและเช็คดูอย่างดีเเล้วความกล้าหาญของข้าไม่ได้ลดลง’
มาร์วินพึมพำเเละเดินกลับไปตามทางของเขาเขาเดินเข้าไปใกล้ห้องแรกอย่างรวดเร็วค่อยๆดันประตูออกจากช่องเปิดเล็ก ๆเขาสามารถเห็นเตียงไม้ในห้องได้ด้วยแสงสลัวจากพระอาทิตย์ตกและมีบางอย่างนอนอยู่บนเตียง
ทาสสีชาด!
มาร์วินผลักประตูด้วยเท้าของเขาและกลิ้งตัวไปกับพื้นก่อนที่จะลงมือโจมตีไปที่เตียง
ทาสสีชาดตื่นขึ้นและกำลังจะเสียงดังขึ้น แต่กริชโค้งของมาร์วินก็ตัดคอแล้ว
ไม่มีเลือด ไม่มีเสียงกรีดร้องทาสสีชาดที่ตายไปเเล้วพวกมันเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณดังนั้นมาร์วินจึงได้รับเพียงแค่ 11 คะแนน จากการฆ่ามันเช่นเดียวกับโจรระดับต่ำหรืออาจแย่กว่านั้นแต่มีค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่น่าสนใจในห้อง
มีกล่องไม้ที่ดูโทรมๆวางอยู่ข้างเตียงเเละน่าจะมีของที่น่าสนใจอยู่ด้านใน!!