บทที่ 708 จับโจรให้จับหัวหน้า จัดการหลี่จิ่วเต้าก่อน!
“พวกข้าจะอยู่ที่นี่”
ลั่วสุ่ยยิ้มบางด้วยความสงบนิ่ง ไม่ได้ต้องการจะไปจากที่นี่
เซียนงามพิลาสรู้สึกแปลกประหลาดใจ หรือว่าลั่วสุ่ยจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง?
นางไม่เอ่ยสิ่งใดมากไปกว่านี้ เพียงหันไปมองสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลแล้วเอ่ยออกมา “ทุกท่านไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่? ข้าคิดว่าพวกท่านเองคงไม่ต้องการให้คนจำนวนมากเกินไปรู้เกี่ยวกับเรื่องแดนบรรพโกลาหล”
ทว่าจนกว่าจะถึงหนทางสุดท้าย นางก็ยังไม่อยากรับมือกับคนทั้งสองกลุ่มพร้อมกัน พวกลั่วสุ่ยให้ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างกับนาง เกรงว่าเรื่องราวทั้งหมดจะไม่เรียบง่ายปานนั้น
“มีอันใดต้องสนทนา! เจ้าไม่ได้มาจากแดนบรรพโกลาหล พวกข้าย่อมไม่มีสิ่งใดจะต้องพูดคุยกับเจ้า!”
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนรีบพูดขึ้นมาเสียงดัง เขากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ตนเองดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่มาจากแดนบรรพโกลาหล
“ใช่แล้ว!”
“พูดได้ดี!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลชื่นชมสิ่งมีชีวิตจากภพเซียนเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่เอ่ยออกมาล้วนตรงกับสิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูด
เซียนงามพิลาสจับจ้องไปทางสิ่งมีชีวิตจากภพเซียนด้วยดวงตาเปล่งประกายดุดัน คนผู้นี้ยังจะแสร้งหาความชอบอีกหรือ? นางรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหลแต่อย่างใด
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนที่ถูกจับจ้องรู้สึกขนลุกขึ้นมา ทว่าเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาอยู่ข้างคนที่มาจากแดนบรรพโกลาหล เขายังต้องกลัวสิ่งใดอีก? ไม่มีสิ่งใดจำเป็นต้องกลัว!
“มองสิ่งใดอยู่! สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าบังอาจมาใฝ่หาแดนบรรพโกลาหลอย่างนั้นหรือ? น่าขันนัก เจ้าสำคัญตัวเองถึงเพียงใดกัน?”
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนตวาดออกมา สำแดงบารมีของสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลให้เห็นชัด!
“ใช่แล้ว!”
“น้องชาย เจ้าพูดได้ดีมาก!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลชื่นชมสิ่งมีชีวิตจากภพเซียนมากขึ้น
“ภายใต้ความโกลาหล เจ้าก็เป็นได้เพียงมดที่ไม่อาจแยกแยะดีชั่วได้ ดังนั้นจึงสมควรโดนด่าว่าเช่นนี้แล้ว!”
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนได้ใจมากยิ่งขึ้น เขาชี้นิ้วไปทางเซียนงามพิลาสแล้วเอ่ยต่อ “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเช่นเจ้า ข้าที่มาจากแดนบรรพโกลาหลสามารถสังหารทิ้งได้เพียงแค่ชี้นิ้ว!”
เส้นเลือดบนศีรษะของเซียนงามพิลาสเต้นตุบ ๆ ไอ้สารเลวนี่ยิ่งกำเริบเสินสานมากขึ้นเรื่อย ๆ!
กล้าดีอย่างไรจึงพูดกับนางเช่นนี้?!
“ดีมาก ถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าได้สัมผัสเสียว่าเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงใด!”
นางก้าวออกไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“น้องชาย ไปเลย! ให้นางได้รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลของพวกเราทรงพลังเพียงใด!”
“พลังโกลาหลคือต้นกำเนิดสรรพสิ่ง คนตัวจ้อยอย่างนางจะสามารถเทียบได้อย่างไร? จัดการนางเสีย ทำให้นางสำนึกเข้าใจในฐานะตนเองเสีย!”
เหล่าสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลพากันพูดขึ้น
เอ๊ะ?
ไม่ได้การแล้ว!
สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนแทบจะร่ำไห้ออกมาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงมากเกินไป!
เขาจะสู้ได้อย่างไร!
เซียนงามพิลาสกล้าที่จะลงมือกับสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าย่อมมีความสามารถ เขาไม่อาจจะเทียบชั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่ได้มีพลังโกลาหล เมื่อลงมือแล้วความลับของเขาจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
เขาต้องการจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่เซียนงามพิลาสไม่เปิดโอกาสให้เขาแต่อย่างใด ยกฝ่ามือขึ้นตบใส่อากาศพุ่งมาทางเขาทันที แสงเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุออกมาเข้าประชิดในพริบตา!
มันเร็วเกินไปจนเขาไม่มีเวลาจะหลบ ทำได้เพียงแค่ตั้งรับตอบโต้
เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมาอย่างไม่มีเก็บออม ฝ่ามือถูกยกขึ้นเพื่อสกัดกั้นการโจมตี ทว่าภายใต้ฝ่ามือของเซียนงามพิลาสนั้น เขาไม่อาจต่อกรได้แม้แต่น้อย!
มีเสียงดังขึ้น ทั้งร่างของเขาระเบิดออกทันทีกลายเป็นเพียงกลุ่มหมอกละอองเลือด!
สีหน้าของสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลทั้งห้าแปรเปลี่ยน ไม่คาดคิดว่าเซียนงามพิลาสจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ประหลาดใจ พลังที่น้องชายของพวกเขาระเบิดออกมานั้นไม่ใช่พลังโกลาหลแต่อย่างใด!
พวกเขาถูกหลอกอย่างนั้นหรือ?
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมาจัดการคนหลอกหลวง เซียนงามพิลาสที่อยู่เบื้องหน้าคือศัตรูตัวฉกาจ ทำเป็นต้องจัดการเสียก่อน!
พวกเขาลงมือในทันที โจมตีเซียนงามวิลาสจากทิศต่าง ๆ พลังโกลาหลถูกสำแดง กฎโกลาหลขยับเคลื่อน เผยให้เห็นถึงความสามารถเหนือชั้นไม่ธรรมดา!
โกลาหลวิวัฒน์สรรพสิ่ง เป็นรากเหง้าจุดกำเนิด พลังเหนือเกินกว่าจะจินตนาการได้ เมื่อสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลทั้งห้าลงมือพร้อมกัน ฟ้าดินก็ถึงกลับแปรเปลี่ยนสี น่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด!
ใบหน้าของเซียนงามพิลาสสงบนิ่ง นางก้าวออกไปพร้อมแสงเซียนที่เปล่งประกายระยับ สิ่งนี้ยิ่งทำให้นางดูเหนือสามัญขึ้นไปอีก ความแข็งแกร่งนั้นมากอย่างถึงที่สุด!
น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้ว่าพลังของนางจะไม่อาจเทียบได้กับพลังโกลาหล แต่ด้วยอาณาจักรที่สูงกว่าและพลังอันมหาศาลก็สามารถชดเชยจุดนั้นได้!
เสียงตู้มดังขึ้น ฝ่ามือของนางเข้าปะทะกับเหล่าสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหล เหล่าสิ่งมีชีวิตโกลาหลต่างถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป แขนของพวกเขาหรือกระทั่งร่างครึ่งหนึ่งระเบิดออกทันที เลือดและเนื้อกระจายไปทั่ว!
กระบี่ปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่นางจะวาดแสงกระบี่ออกมากลางอากาศ ทำให้หัวของสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลถูกตัดขาดจนกลิ้งกระเด็นไปบนพื้น
นอกจากนี้ เพียงแค่นางเปล่งแสงออกมาเบา ๆ ก็ประหนึ่งอสนีบาตรคำราม พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกทำให้สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลอีกตนถูกจัดการลงภายในพริบตา กระทั่งวิญญาณยังบาดเจ็บสาหัส
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!!!”
ในตอนนั้นเอง สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนที่เพิ่งสร้างร่างกายกลับขึ้นมาได้เห็นฉากนี้ เขาก็พลันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว คล้ายใกล้จะพังทลายลง!
“ข้าพูดแล้ว…ข้าโกหก ข้าไม่ได้มาจากแดนบรรพโกลาหล เจ้าเชื่อหรือไม่?”
เขาเอ่ยกับเซียนงามพิลาสด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ภายในใจรู้สึกสลับซับซ้อนไม่อาจทานทน ต้องการจะตบปากตนเองให้ตายไปเสีย หากตอนแรกสุดเขาไม่ได้หยิ่งผยอง แสร้งทำตัวว่ามาจากแดนบรรพโกลาหล เขาจะลงเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร?
เกรงว่าตอนนี้เขาคงสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัยนานแล้ว!
อย่างไรเสียเซียนงามพิลาสก็เพิ่งกล่าวไปว่า นางสนใจเพียงจะสนทนากับสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหล
ฟิ้ว!
ทว่าคำตอบของเซียนงามพิลาสเป็นลำแสงสายหนึ่งที่พุ่งมาทางเขา ทำให้ร่างกายของเขาระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดอีกครั้ง!
แต่เซียนงามพิลาสยังคงไม่ได้สังหารเขา เขายังคงมีชีวิตอยู่
เซียนงามพิลาสชี้นิ้วออกมาอีกครั้ง เกิดพลังที่มองไม่เห็นกักขังเหล่าสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลเอาไว้
“รอถูกข้านำไปกลั่นฝึนฝนจนหมดสิ้นเสีย!”
สีหน้าของนางไม่แยแส แม้จะมีรูปลักษณ์เย้ายวนดึงดูดอย่างไร แต่ดวงตาที่ฉายแววเย็นเยียบก็ทำให้สัญชาตญาณของผู้คนร้องเตือนถึงความตาย
เสียงตู้มดังขึ้น นางลงมืออีกครั้ง พลังอันน่าสะพรึงกลัวกระตุ้นกฎเกณฑ์ให้ปรากฏขึ้นทีละอย่างทีละอย่าง ห่อหุ้มร่างของพวกลั่วสุ่ยเอาไว้ภายใน
“ท่านเซียนทำเช่นนี้หมายความอย่างไร”
ลั่วสุ่ยเอ่ยออกมา เซียนงามพิลาสสนใจเฉพาะสิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้จึงลงมือกับพวกนางเสียแล้ว
“ไม่มีความหมายอันใด!”
เซียนงามพิลาสเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่แยแส “เข้ามาในเขาเฟิ่งหวาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดจากไปได้อย่างมีชีวิต ทุกคนจะต้องกลายมาเป็น ‘ยา’ เสริมความแข็งแกร่งให้กับข้า!”
ตัวตนของนางนั้นไม่ธรรมดา แต่นางไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ ถ้าหากไม่ได้เป็นเช่นนี้ นางคงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยุ่งยากเช่นนี้ เพียงแค่นางลงมือโจมตีโดยตรงก็สามารถจัดการเหล่าคนที่พลังเหนือกว่าเซียนทั้งหมดในอาณาจักรแห่งนี้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้วิธี ‘หย่อนเบ็ดตกปลา’ อย่างนี้
ส่วนเหล่าผู้ที่มีพลังเหนือเซียนขึ้นไปก็จะกลายมาเป็น ‘ยา‘ ของนาง เพื่อใช้ในการฟื้นฟูพลังของตน
นางนั้นยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก หากจักรพรรดิเซียนอาวุโสจากภพเซียนอยู่ที่นี้ จะต้องจดจำนางได้ในทันที นางคือฉางหนิง หนึ่งในบรรพจารย์เซียน!
ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมา มีบรรพจารย์ทั้งสิ้นเก้าคน และนางก็เป็นหนึ่งในนั้น
มีข่าวลือว่าบรรพจารย์เซียนทั้งเก้าสิ้นชีพในการต่อสู้กับพิศวง ทว่านั้นไม่ได้เป็นความจริง บรรพจารย์เซียนทั้งเก้าไม่ได้ตายตกแต่อย่างใด
บรรพจารย์เซียนนั้นอยู่เหนือเกินกว่าจะจินตนาการได้ เป็นตัวตนสูงสุดในภพเซียน แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนั้นจะน่ากลัวเป็นอย่างมาก ทำให้พวกนางล้วนเกิดตายลงอย่างแท้จริง แต่พวกนางก็ยังสามารถหาหนทางรอดออกมาได้
ฉางหนิงกระจ่างแจ้งในเรื่องนี้เป็นที่สุด
ในการต่อสู้ครั้งนั้น นางเป็นผู้ที่ถอยออกมาเร็วที่สุด แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนรักษาไม่หาย แต่เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของบรรพจารย์เซียนคนอื่น ๆ แล้ว ก็ยังนับว่าดีกว่ามาก
หากไม่เป็นเช่นนี้แล้ว ตอนนี้นางคงไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้ถึงขั้นนี้
เท่าที่รู้ นอกจากนางแล้วบรรพจารย์เซียนอีกแปดคนก็ยังไม่ตื่น ตอนนี้เองก็กำลังฟื้นฟูตัวเอง นางเป็นคนแรกที่ฟื้นฟูตัวได้เร็วที่สุด
อย่างไรเสียนางก็เป็นบรรพจารย์เซียนผู้หนึ่ง สามารถสัมผัสได้ถึงบรรพจารย์เซียนอีกแปดคนได้อย่างเลือนราง
“ข้านึกแล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใด!”
ลั่วสุ่ยทะยานขึ้นไปบนเวหา ทั่วร่างเรืองรองสว่างไสว นางร่ายมวยไทเก๊กเพื่อทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมดลง
เซี่ยเหยียน หลิงอิน และคนอื่น ๆ เองต่างก็ระเบิดพลังออกมา ทั้งยังเรียกสมบัติที่คุณชายมอบให้เตรียมพร้อมต่อสู้ด้วยกัน
พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของฉางหนิง เกรงว่าเรื่องนี้จะจัดการไม่ได้ง่ายนัก!
“คุณชายพาพวกเรามาก็เพื่อกำจัดความชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ? ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตอื่นเป็น ‘ยา’ สิ่งที่เจ้าทำช่างชั่วช้าเสียจริง!”
ต้าเต๋อตะโกนออกมา
แววตาของฉางหนิงปรากฏความประหลาดใจ นางไม่คิดว่าพวกลั่วสุ่ยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
มวยไทเก๊กที่ลั่วสุ่ยร่ายออกมา และเหล่าสมบัติที่พวกเซี่ยเหยียนเรียกออกมา ล้วนแล้วแต่เหนือชั้นไม่ธรรมดา แม้กระทั่งนางยังต้องตกตะลึงเกินเสียยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของนาง!
โดยเฉพาะพลังที่พวกลั่วสุ่ยระเบิดออกมา เป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ มันเหนือเสียยิ่งกว่าพลังโกลาหลไม่อาจเทียบได้!
นี่คือพลังอันใดกันแน่?!
บนโลกนี้ยังจะมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโกลาหลอีกหรือ?
ใบหน้าของนางมืดครึ้มลงเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างถึงที่สุด ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ นางมองพวกลั่วสุ่ยไม่ออก มีทั้งพลังและสมบัติเหล่านั้น นางจะมองพวกลั่วสุ่ยออกได้อย่างไร?
ไม่มีทางทำได้!
ฉางหนิงเรียกใช้สุดยอดวิชาออกมาทันที ฉับพลันนั้นเอง พลังอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมก็ปะทุออกมา!
นี่คือความน่ากลัวของบรรพจารย์เซียน แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้นฟูกลับสู่จุดสูงสุด แต่ก็ไม่อาจประมาทดูแคลนได้ พลังมวยไทเก๊กที่ลั่วสุ่ยร่ายออกมา กระทั่งจักรพรรดิเซียนยังไม่อาจทานทน กลับถูกกฎเกณฑ์ที่นางเรียกออกมาหยุดยั้งได้!
‘จับได้ปลาตัวใหญ่แล้ว!’
ดวงตาของนางเปล่งประกาย อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
หากนางจัดการพวกลั่วสุ่ยได้ อย่าว่าแต่การฟื้นฟูพลังกลับไปสู่จุดสูงสุดของนางเลย กระทั่งขั้นบรรพจารย์เซียน นางก็อาจทะลุผ่านก้าวขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงกว่าได้!
ตู้ม!
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกลั่วสุ่ยที่อยู่รอบด้านต่างพากันปะทุพลังออกมาทำให้กฎเกณฑ์ในพื้นที่แห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
‘รับมือไม่ง่ายเลย!’
ฉางหนิงขมวดคิ้วจนแทบขมวดเป็นปม นางรู้ว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งพวกลั่วสุ่ยเอาไว้ได้นาน
‘ไปหาคุณชายผู้นั้นก่อน!’
นางคิดด้วยความสุขุมใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง หวนนึกไปถึงหลี่จิ่วเต้าที่เพิ่งจากไปก่อนหน้านี้
พวกลั่วสุ่ยให้ความเคารพหลี่จิ่วเต้าเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องเป็นบุคคลสำคัญ
นางเตรียมการมากมายไว้ที่เขาเฟิ่งหวา หากเปิดใช้งานทุกสิ่งย่อมสามารถสยบพวกลั่วสุ่ยได้อย่างไม่มีปัญหา ทว่านั่นจะส่งผลเสียกับนางเป็นอย่างมาก
หลี่จิ่วเต้าอาจจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด นางเกรงว่าหลังจากจัดการพวกลั่วสุ่ยได้แล้ว นางจะไม่สามารถจัดการหลี่จิ่วเต้าลงได้
ไม่อาจปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นได้
นางจึงตัดสินใจว่าจะจัดการหลี่จิ่วเต้าก่อน!
จับโจรให้จับหัวหน้า!
จัดการหลี่จิ่วเต้าก่อน แล้วค่อยจัดการพวกลั่วสุ่ย!
คิดแล้วนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป รีบทะยานตรงไปหาหลี่จิ่วเต้า!
ชายผู้นี้ยังไม่ได้ออกจากเขาเฟิ่งหวาไปแต่อย่างใด!