ตอนที่ 77 ดอกไม้เหล่านั้น
พวกหญิงสาวที่ใส่ชุดผ้าระบายแบบมีปีกพลิ้วไหวย่างก้าวกระฉับกระเฉง กลับไปบันไดหลังเวทีเหมือนฝูงผีเสื้อ ในพื้นที่คับแคบฟุ้งไปด้วยกลิ่นเครื่องสำอางและกลิ่นน้ำหอมที่ทำให้ผู้ได้กลิ่นใจเต้นแรง
หญิงสาวสวยเหล่านี้เพิ่งจบการแสดงร่ายรำ ในห้องประชุมใหญ่มีเสียงปรบมือดังก้องยังไม่ทันสิ้นสุด พวกเธอกำลังพูดคุยหัวเราะ เม็ดเหงื่อไหลลงมาปะปนกับเครื่องสำอางบนหน้าผาก ส่องสะท้อนกับแสงไฟบนเวที
ลู่เฉินถือกีตาร์ เดินเอียงตัวหลังชิดผนังเพื่อหลีกทางให้พวกเธออย่างมีมารยาท
หญิงสาวหลายคนใช้สายตาประเมินลู่เฉินอย่างสงสัย เดินผ่านเขาไปโดยไม่หยุด
เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะที่สดใสราวกับกระดิ่งเงิน
ด้านนอกเวที พิธีกรกำลังกล่าว “ขอบคุณการแสดงของสาวสวยทั้งยี่สิบสี่ท่านนะครับ ต่อไปเป็นการแสดงของภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ เป็นนักร้องชายเดี่ยว…”
“ชื่อของเขาคือลู่เฉิน ขอเสียงปรบมือต้อนรับเขาหน่อยครับ!”
เสียงของเขายังไม่ทันจบ ลู่เฉินที่ยืนอยู่บนเวทีแล้วก็ก้าวออกมาข้างหน้า เข้าสู่แสงสปอร์ตไลท์ที่ส่องสว่าง
ต่อหน้าเพื่อนนักศึกษากับอาจารย์เป็นพันคน เขายิ้มออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
หลังผ่านงานไลท์บลูมิวสิคคาร์นิวัลไนท์มาแล้ว ต่อให้มีผู้ชมมากกว่านี้ ลู่เฉินก็ไม่รู้สึกตื่นเต้น
เขาเชื่อมั่นในเพลงของตัวเอง
เสียงปรบมือดังขึ้นเปาะแปะ แม้จะไม่กึกก้อง แต่นักศึกษาหลายคนก็ยังให้เกียรติเขา
โดยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้นของลู่เฉินที่ปรบมือดังที่สุด และเป่าปากเสียงแหลมได้มืออาชีพมาก
ลู่เฉินรูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา เคยมีครอบครัวที่ร่ำรวย แต่กลับไม่มีนิสัยลูกผู้ดีมีเงินแบบนั้น ทั้งยังชอบช่วยเหลือคน ดังนั้นในบรรดาเพื่อนฝูง มนุษยสัมพันธ์ของเขานับว่าไม่เลวเลย
หลายคนได้รู้ว่าครอบครัวของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รู้ว่าเขาต้องออกไปวิ่งหาเงินแต่เนิ่นๆ เสียงปรบมือของพวกเขาแสดงถึงกำลังใจและความเคารพ เพราะเขาทำได้ถึงขนาดนี้ไม่ง่ายเลย
ในห้องประชุมใหญ่เหอเหลียงเหว่ยที่นั่งแถวที่ 37 เก้าอี้ตัวที่ 19 หวางอิ๋งยกมือขึ้นปรบเบาๆ สองครั้งแล้ววางลงที่เดิม
เธอจ้องลู่เฉินที่ยืนอยู่กลางเวที พลันรู้สึกว่าเขาช่างเป็นคนแปลกหน้ามาก
เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ หวางอิ๋งเอนตัวเข้ามา ถามเสียงเบาว่า “ทำไม เธอยังคิดถึงเขาอยู่เหรอ”
หวางอิ๋งส่ายหน้าอย่างใจลอย
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เลิกรากันไปก็นานแล้ว ทั้งคู่ได้คุยกันอย่างชัดเจน
แต่ในใจกลับรู้สึกสับสนไม่แน่ใจ!
เพื่อนสาวข้างๆ พูดแทงใจดำ “เลิกก็เลิกไปแล้ว เธออย่าไปคิดมากเลย! ตอนนี้คนหน้าตาดีมีประโยชน์อะไร เจริญตาแต่กินไม่ได้ คนแบบเธอหาได้ดียิ่งกว่าเขาแน่นอน อย่างเฉินเผิงคนนั้นก็ไม่เลว”
หวางอิ๋งขมวดคิ้ว ตอบว่า “เรื่องของฉันกับเขามันผ่านไปนานแล้ว ไม่ได้คิดมาก”
เพื่อนสาวหัวเราะเบาๆ “ถูกแล้วล่ะ ผู้หญิงอย่างเรา การหาสามีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ออกไปปากกัดตีนถีบหาเงินมันเหนื่อยจะตาย บ้านในเมืองหางโจวแพงมาก ไปลำบากด้วยกันกับคนรูปหล่อแบบนั้นไม่มีทาง!”
หวางอิ๋งฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ความคิดไม่รู้ว่าล่องลอยไปแห่งหนใด
ลู่เฉินในตอนนี้พูดกับไมโครโฟนว่า “ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือครับ คืนนี้เพลงที่ผมจะร้องเป็นเพลงที่ผมเขียนขึ้นเอง และเป็นการร้องในที่สาธารณะครั้งแรก”
“ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับสุภาพสตรีทุกท่าน ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง เป็นเพราะพวกคุณ ถึงทำให้มหาวิทยาลัยเจียงไห่ของเราเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงาม ขอให้พวกคุณเป็นสาวสวยตลอดไป!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องประชุม หญิงสาวหลายคนปรบมืออีกครั้ง เป็นเสียงปรบมือที่อบอุ่นกว่าเดิม
ส่วนพวกชายหนุ่มพากันอิจฉาตาร้อน แอบสาปแช่งอยู่ในใจ
ใช้เพลงส่วนตัวมาเอาใจสาว? คิดฝันไปไกลเหลือเกิน ถ้าร้องไม่ดีล่ะก็…จะทำให้นายขายหน้าเลย
หนุ่มหน้าตาดี แถมยังเป็นหนุ่มหน้าตาดีที่เล่นกีตาร์เป็น น่ารังเกียจจริงๆ!
แต่ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกถึงความแค้นจากหมาโสดหนุ่มพวกนั้น เขาหันกลับไปยกนิ้วโป้งให้ผู้คุมการแสดง บอกว่าตัวเองพร้อมจะเริ่มแล้ว
ผ่านไปชั่วอึดใจ จอขนาดยักษ์เบื้องหลังของลู่เฉินปรากฏเป็นภาพมิวสิควิดีโอของเพลงใหม่
เขาดีดกีตาร์ในท่อนเริ่มเบาๆ อย่างนุ่มนวล
ภาพบนจอแอลอีดีเป็นวิวของมหาวิทยาลัยเจียงไห่ ตามด้วยร่างของหญิงสาวบนรูปสเก็ตดอกไม้ รูปแล้วรูปเล่าปรากฏไล่เรียงตามกัน จบท้ายด้วยตัวอักษรเขียนด้วยมือว่า…ดอกไม้เหล่านั้น
“เสียงหัวเราะลอยมาทำให้ฉันคิดถึงดอกไม้เหล่านั้น
ที่เบ่งบานในทุกมุมของช่วงชีวิตเพื่อตัวฉัน
ฉันเคยคิดว่าฉันจะได้ดูแลอยู่ข้างกายเธอตลอดไป
วันนี้เรากลับห่างหายท่ามกลางผู้คนมากมาย
พวกเธอแก่กันหรือยัง?
พวกเธออยู่ที่ไหน?
พวกเราต่างมีทางเดินคนละทิศ!
ลา…คิดถึงเธอ
ลา…เธอยังเบ่งบานอยู่ใช่ไหม?
ลา…ไปเถิด!
พวกเธอถูกลมพัดปลิวไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว!
…”
ความเศร้าอันบางเบา ความคิดถึงอันอ่อนไหว เนื้อร้องที่บอกเล่าถึงเรื่องราวในอดีต ลู่เฉินร้องและเล่นดนตรีธรรมดา แต่ความไพเราะของทำนองและคำร้องทำให้เพลงนี้กระทบถึงจิตใจคนฟังอย่างแรง
โดยเฉพาะพวกสาวๆ พวกเธอเห็นหน้าจอมิวสิควิดีโอปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยบ้าง แปลกหน้าบ้าง พวกนั้นล้วนเป็นความทรงจำในวัยรุ่นของพวกเธอ การวิ่งหนี อ้อมกอด สดใส โวยวาย…
เวลาที่ผ่านไปแล้วปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ความสุข ความเศร้า ความหอมหวาน ความตื่นเต้น…
พวกเธอกำลังจะจบการศึกษา กำลังจะถูกลมพัดปลิวไปไกลสุดขอบฟ้า!
“…
บางเรื่องที่พูดไม่จบก็ช่างมันเถอะ
ความรู้สึกในวันเวลาที่ผ่านไปยากจะแยกจริงเท็จ
วันนี้ที่นี่แห้งแล้งไม่มีดอกไม้
ยังดีที่เคยมีความทรงจำของพวกเธอเหลือไว้
ลา…คิดถึงเธอ
ลา…เธอยังเบ่งบานอยู่ใช่ไหม?
ลา…ไปเถอะ!
พวกเธอถูกลมพัดปลิวไปสุดขอบฟ้า
พวกเธอแก่กันหรือยัง?
พวกเธออยู่ไหน?
พวกเราต่างมีทางเดินไปจนสุดขอบฟ้า!
…”
ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่จุคนได้หลายพัน ตอนนี้เงียบสนิท ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีเสียงพูดคุยหัวเราะ ทุกคนกำลังตั้งใจฟัง ฟังลู่เฉินร้องเพลง
หญิงสาวบางคนถึงกับสะอื้น
เสียงเพลงดึงดูดความโรแมนติกที่วาดหวังและความเศร้าที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจพวกเธอออกมา เหมือนกับดอกผู่กงอิงที่ออกดอกก็ต่อเมื่อสภาวะแวดล้อมและเวลาเป็นใจเท่านั้น
ลู่เฉินบรรเลงเพลง ฮัมเพลง ความทรงจำไหลย้อนกลับมา
ในชีวิตของเขามีดอกไม้ที่ติดอยู่ในความทรงจำส่วนลึกอยู่ นั่นคือหว่านสาวรุ่นพี่ของเขา
เธอปรากฏตัวขึ้นตอนที่ลู่เฉินย่ำแย่ที่สุด ตอนนั้นพ่อของเขาเพิ่งจากโลกนี้ไป เพิ่งเลิกรากับหวางอิ๋ง ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ทำให้เขาทรุดโทรมหม่นหมองเหมือนศพเดินได้
แต่การปรากฏตัวของหว่านเหมือนดวงไฟที่ส่องสว่างเส้นทางให้แก่เขา ปัดเป่าความมืดมนและหมองมัวในใจลู่เฉิน เธอใช้ความอ่อนโยนของตัวเองเยียวยารักษาจิตใจที่บอบช้ำ ทำให้ลู่เฉินหลุดพ้นจากความเศร้าโศก เข้มแข็งลุกขึ้นสู้ชีวิตต่อไป
เพียงแต่ลู่เฉินไม่อาจรั้งหว่านไว้ได้ เมื่อเธอจบการศึกษา เธอย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษตามครอบครัว
ความรักครั้งนี้ แม้แต่เพื่อนสนิทที่สุดของลู่เฉินไม่กี่คนก็ไม่รู้ เขาไม่เคยบอกใครมาก่อน
เก็บเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดในหัวใจ
วันนี้เขาร้องเพลงนี้ก็เพื่อมอบให้หว่าน
รูปภาพของเธอก็อยู่ในมิวสิควิดีโอ ยิ้มได้สว่างสดใส!
“…
พวกเธอแก่กันหรือยัง?
พวกเธออยู่ที่ไหน?
พวกเราจากกันไปตามทางของตัวเองจนสุดขอบฟ้า!
…”
ลู่เฉินน้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เคยร้องเพลงด้วยอารมณ์ลึกซึ้งเท่านี้ เสียงร้องยังติดขัดอยู่ในลำคอ
แต่สำหรับผู้ชม หญิงสาวหลายคนน้ำตานองหน้า พวกเธอบ้างร้องไห้คนเดียว บ้างกอดคอกับเพื่อนปลอบใจกัน ระบายความรู้สึกที่ถูกชักนำให้ผุดขึ้นในใจ
หวางอิ๋งกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ความสับสนซับซ้อนในดวงตาพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด
สัญชาตญาณบอกเธอว่าเพลงนี้ของลู่เฉินร้องให้กับผู้หญิงที่เขารักที่สุด
และคนคนนั้นไม่ใช่เธอ
เพลงทำให้เธอซาบซึ้งใจเหมือนกัน แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในใจของเธอเหมือนกำลังถูกงูพิษกัดกิน ความอิจฉาและเจ็บปวดถาโถมเข้ามา ราวกับเธอต้องสูญเสียของรักไป!
ภาพบนมิวสิควิดีโอ สุดท้ายแล้วเป็นภาพภาพหนึ่ง
บ่ายวันหนึ่งที่มีฝนพรำ ถนนเส้นเดิมลึกสุดซอย มีภาพของหญิงสาวที่ดูอ่อนโยนยืนหันข้างถือร่มกระดาษ
บรรยากาศของไอน้ำทำให้ภาพเลือนไป มองเห็นหน้าตาของเธอไม่ชัดเจน
แต่ภาพสวยงามราวกับดอกไม้นั้น ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ฝังลึกที่สุดของเหล่าพยาน
ลู่เฉินร้องเพลงจบแล้ว
เขายืดอกขึ้น พูดใส่ไมโครโฟนว่า “ดอกไม้เหล่านั้น ขอบคุณทุกคนครับ!”
เขาอยากขอบคุณหมู่มวลดอกไม้ที่ปรากฏขึ้นในชีวิตของเขาตอนอายุ 22 ปี
ชีวิตนี้ของเขามีสีสันได้เพราะพวกเธอ!
………………………………………………………………………..
Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
เพลง 那些花儿 โดย 朴树 https://www.youtube.com/watch?v=SUaImUpMt8Q&ab_channel=hiads