ตอนที่ 88 งดงามขนาดนั้น
ขบวนรถไฟใต้ดินยาวเหยียดพุ่งทะยานไปข้างหน้าตามรางรถไฟ
ลู่เฉินนั่งกอดกีตาร์ที่อยู่ในกล่อง นั่งอยู่ใกล้ประตูทางออกของขบวนรถ
ไม่ใช่ช่วงเข้างานและเลิกงาน รถไฟใต้ดินของเมืองหลวงจึงไม่แน่นมาก มีที่นั่งว่างอยู่หลายที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเหยียบเท้า และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเบียดแบบเนื้อแนบเนื้อ
เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทางขวามือ ถือโทรศัพท์มือถือหันมาที่เขาพอดี
เขายิ้มให้เธอ รู้ว่าเธอกำลังถ่ายรูป
เมื่อถูกจับได้ว่าแอบถ่ายลู่เฉิน เด็กสาวหน้าแดง เธอรีบเก็บมือถือแล้วหันไปทางอื่น แสร้งทำเป็นพูดคุยกับเพื่อนที่มาด้วยกัน
เธอและเพื่อนของเธอกระซิบกระซาบหัวเราะคิกคัก แล้วยุยงเธอให้เข้าหาลู่เฉินเพื่อขอเบอร์ติดต่อ
แต่เด็กสาวเขินอายไม่กล้า
จิตใจของลู่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมาก
วันนี้เขาเพิ่งได้รับบทเรียนมา ต่อให้เป็นคนมีนิสัยใจกว้างมองโลกในแง่ดี ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของเขาสั่น
ลู่เฉินหยิบโทรศัพท์ออกมา เป็นเยี่ยจื่อที่ส่งข้อความมาหาเขา “สะดวกคุยไหมคะ”
ในสมองของลู่เฉินปรากฏภาพใบหน้ายิ้มแย้มลอยขึ้นมา ในใจหวั่นไหว ตอบว่า “ได้!”
เยี่ยจื่อคือเยี่ยจื่อถง
หลังจากซื้อคอมพิวเตอร์ในครั้งนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีก เพียงแค่พูดคุยกันในเฟยซิ่นไม่กี่ครั้ง
ลู่เฉินรับรู้ได้ว่าเยี่ยจื่อถงมีความรู้สึกดีๆ กับเขา เพียงแค่พักหลังความสัมพันธ์ของทั้งสองจืดชืดลง
เขารู้ว่าเยี่ยจื่อถงเป็นผู้หญิงที่ดี เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่อยากจะกระตือรือร้นจีบเธออย่างตั้งใจ
คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน แม้ลู่เฉินยังไม่ได้สัมผัสโลกในส่วนนี้ หากแต่ได้ลิ้มรสการอกหักและการแอบรักข้างเดียวมาแล้ว ไหนจะช่วงชีวิตของคนทั้งสองในความฝัน สำหรับเขาตอนนี้ท่าทีกับเรื่องความรักคือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ไม่เรียกร้อง ไม่บังคับ ไม่โหยหา
ทว่าช่วงเวลานี้ ข้อความนี้ที่เยี่ยจื่อถงส่งมาทำให้เขาจิตใจหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
เยี่ยจื่อถง “คืนนี้ว่างไหม ใกล้มหาวิทยาลัยของฉันมีลานสเก็ตน้ำแข็งเปิดใหม่ ได้ข่าวว่าสนุกมาก”
ลู่เฉินรีบตอบกลับทันที “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราไปกัน ฉันไม่ได้เล่นสเก็ตน้ำแข็งมานานแล้ว 5 โมงเย็นฉันจะไปหาเธอ ขอเลี้ยงข้าวเย็นเธอสักมื้อได้ไหม”
เยี่ยจื่อถง “ดูท่าทางพี่จริงจังขนาดนี้ ฉันยอมตกลงก็ได้”
ด้านหลังประโยคเติมรูปหน้ายิ้มอันใหญ่มา
“5 โมงเย็นเจอกัน”
ลู่เฉินหลุดยิ้มออกมา ความหม่นหมองอึดอัดในใจหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายให้สัญญาณเปิดโอกาสออกไปนัดเดท ซ้ำยังเป็นหญิงสาวที่เขารู้สึกดีด้วย เขายังต้องเสแสร้งแกล้งวางฟอร์มอะไรอีก ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าโง่เง่าสิ้นดีเลย
เขาเพิ่งเก็บมือถือลงไป ก็ถึงป้ายที่จะลงแล้ว
เมื่อถือกีตาร์ลุกขึ้นยืน เด็กสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ไม่ได้เข้ามาขอเบอร์โทรติดต่อ
หลังกลับมาถึงบ้าน ลู่เฉินเก็บกีตาร์ของตัวเองแล้วรอเวลาเตรียมตัวออกไปตามนัดที่มหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง
เวลา 5 โมงเย็น ลู่เฉินรีบมาถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง
ฤดูร้อนกลางวันยาวนานกว่ากลางคืน 5 โมงเย็นแล้วฟ้ายังสว่างอยู่ ปากประตูมหาวิทยาลัยครูปักกิ่งมีนักศึกษาเดินเข้าเดินออกมากมาย ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าประตูแบบลู่เฉินมีไม่น้อย บางคนยังถือดอกกุหลาบสีสันอ่อนหวานไว้ด้วย
ขณะมองมือที่ว่างเปล่า ลู่เฉินรู้สึกเหงื่อแตก
ตอนที่กำลังลังเลว่าจะวิ่งไปร้านดอกไม้ใกล้ๆ แล้วซื้อดอกไม้มาสักช่อดีไหม เยี่ยจื่อถงก็ย่างก้าวออกมาจากมหาวิทยาลัย
สาวสวยคนนี้ยังคงสวมชุดกระโปรงสีขาวเหมือนเดิม เผยให้เห็นผิวขาวผ่องที่ต้นคอ ต้นแขน และขาอ่อน ดูออกว่าเธอตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นอย่างดี แต่งหน้าเล็กน้อย ทำให้ยิ่งขับผิวให้ดูโดดเด่น
เมื่อเธอปรากฏตัวต่อหน้าลู่เฉิน ลู่เฉินรู้สึกตื่นตาตื่นใจ จ้องมองด้วยความตะลึง
เพราะเขาจ้องเธอไม่วางตา ใบหน้าเรียวเล็กของเยี่ยจื่อถงจึงมีแววเขินอาย ถามว่า “ทำไมเหรอ”
ลู่เฉินสะดุ้ง รีบตอบว่า “เราไปกันเถอะ”
เยี่ยจื่อถงพยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กัน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา หญิงสาวสวยงามอ่อนหวาน เดินไปด้วยกันเป็นภาพบาดตาแก่บรรดาหมาโสดรอบข้าง
เสียงชายหนุ่มบ่นอย่างสิ้นหวังลอยมาตามลม“โธ่เอ๊ย ดอกไม้ของมหาวิทยาลัยถูกคนเด็ดไปอีกแล้ว!”
ลู่เฉินถามอย่างอดไม่ได้ “จั่วซินเถียนไม่มาด้วยเหรอ”
เขาคิดว่าคืนนี้ จั่วซินเถียนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอจะไปด้วยกัน
แต่ผลที่ออกมาน่าประหลาดใจมาก
เยี่ยจื่อถงเอียงศีรษะ ยื่นมือขึ้นมาเก็บปอยผมที่ร่วงลงมา ถามว่า “พี่อยากให้เขาไปด้วยเหรอ”
ลู่เฉินจะทำมาแกล้งโง่ตอนนี้ได้อย่างไร หัวเราะตอบว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันกำลังคิดหาวิธีประหยัดเงินต่างหาก!”
เยี่ยจื่อถงก้มหน้า ริมฝีปากเผยรอยยิ้มออกมา
อาหารเย็น พวกเขาไปรับประทานอาหารตะวันตกที่ร้านใกล้ๆ
ลู่เฉินไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพรอบๆ มหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงเป็นเยี่ยจื่อถงที่เลือกอาหารแบบบุฟเฟ่ต์เอง เธอใช้โทรศัพท์มือถือกดซื้อโปรโมชั่นในแอพพลิเคชั่น เพียงแค่ 98 หยวน ทั้งบรรยากาศและเมนูอาหารต่างก็ไม่เลว
รับประทานอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองเดินไปตามทางเท้ารอบทะเลสาบ จนมาถึงลานสเก็ตน้ำแข็งตอนหนึ่งทุ่ม
ลานสเก็ตน้ำแข็งเพิ่งเปิดได้ไม่นาน การตกแต่งภายในดูโอ่โถง ทั้งยังเป็นลานน้ำแข็งจริงๆ
เวลาหนึ่งทุ่มผ่านไปแล้ว กิจการของที่นี่ยังรุ่งเรืองอยู่ ลู่เฉินยืนต่อคิวอยู่สิบกว่านาที ถึงได้รับรองเท้าสเก็ตมาสองคู่ และเสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวใหม่อีกหนึ่งตัว
เสื้อกันหนาวขนเป็ดนี้เขาเช่ามาให้เยี่ยจื่อถง ลานสเก็ตน้ำแข็งของจริงอากาศจะหนาวมาก ชุดกระโปรงที่เธอสวมอยู่แน่นอนว่าไม่เพียงพอ
การจะขอเช่าเสื้อกันหนาวที่ยังไม่เคยมีใครใส่ ลู่เฉินยังต้องแอบยัดเงินเล็กน้อยให้กับพนักงานด้วย
“ลองดูว่าพอดีกับเท้าไหม ถ้าไม่พอดีฉันจะไปเปลี่ยนให้”
พอเข้ามาถึงในลานสเก็ต เขาช่วยเยี่ยจื่อถงเปลี่ยนรองเท้าสเก็ต ถามว่า “เธอเคยเล่นมาก่อนไหม”
เยี่ยจื่อถงเขินอายเล็กน้อย แต่ยังยอมรับการช่วยเหลือของลู่เฉิน
“ฉันเคยเล่นแต่สเก็ตน้ำแข็งแห้งน่ะ”
รองเท้าสเก็ตพอดี ไม่ใหญ่ไม่เล็กไป
“งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
ลู่เฉินหัวเราะ “เคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งแห้ง มาเล่นสเก็ตน้ำแข็งจริงก็ง่ายแล้ว แค่ระวังการทรงตัว ฝึกมากๆ ก็ได้เอง”
เขายื่นมือออกไปให้เยี่ยจื่อถง
“ฉันพาเธอไปเอง ลองเล่นดูสักหน่อย”
เยี่ยจื่อถงลังเลเล็กน้อย แล้วยื่นมือขาวนวลเหมือนชิ้นหยกออกไปวางบนมือของลู่เฉิน
เมื่อกุมมืออันอ่อนนุ่มของเธอ หัวใจของลู่เฉินสั่นไหวเล็กน้อย
ที่หางโจวก็มีลานสเก็ตน้ำแข็ง ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของเมืองหลวง ตอนลู่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งปีสองชอบไปเล่นอยู่บ่อยๆ รู้จักเทคนิคท่าเล่นสเก็ตไม่น้อย
แต่ตอนนั้นเขาจูงมือของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
วันนี้ฉากภาพเหมือนเดิม แต่คนไม่เหมือนเดิม!
“เป็นอะไรไป”
เยี่ยจื่อถงความคิดละเอียดอ่อน สังเกตได้ว่าท่าทีของลู่เฉินดูแปลกไป จึงเอ่ยถาม
ลู่เฉินดึงสติกลับมา รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่เป็นไร ฉันกำลังคิดว่าจะพาเธอเล่นยังไงดี”
เขาแอบเตือนตัวเอง วันนี้เขาใจลอยไปหลายรอบแล้ว!
เยี่ยจื่อถงเม้มปากยิ้ม “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก เราค่อยๆ เล่นไปก็แล้วกัน ฉันกลัวหกล้ม มันเจ็บนะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจับมือฉันไว้ให้แน่น”
ลู่เฉินยิ้มแล้วดึงเยี่ยจื่อถงเข้ามา พาเธอลื่นไถลไปตามขอบรอบนอกของลานสเก็ต
เพื่อจะดูแลคู่เดทสาว เขาเริ่มเล่นอย่างช้าๆ ให้เยี่ยจื่อถงคุ้นชินกับใบมีดบนรองเท้าสเก็ต
รองเท้าสเก็ตสำหรับน้ำแข็งจริงกับน้ำแข็งแห้งแตกต่างกันมาก แต่การทรงตัวของเยี่ยจื่อถงไม่เลว ภายใต้การนำของลู่เฉิน เธอเริ่มวิ่งไปตามแผ่นน้ำแข็งได้ แม้จะต้องระวังมากๆ ก็ตาม
ลานสเก็ตน้ำแข็งในที่ร่มกว้างใหญ่มาก มีพื้นที่อย่างน้อยประมาณ 700-800 ตารางเมตร เพดานหลังคาสูงลิ่ว โคมไฟดวงใหญ่เหนือศีรษะเปิดใช้งานทั้งหมด แสงไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งลานสเก็ต
ผู้เล่นบนลานสเก็ตมีมาก ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นหญิงชายแบบลู่เฉินกับเยี่ยจื่อถง พวกเขาสวมเสื้อกันหิมะลายดอกเล่นสเก็ตประกอบกับจังหวะดนตรีเร้าใจที่เปิดคลออยู่ ไล่ตามกันไปบนลานสเก็ตอย่างมีความสุข
วันนี้เป็นวันพฤหัสแต่คนที่มาเล่นมีไม่น้อย ร้องเรียกกันไปมา เสียงตะโกนครึกครื้น ทำให้บรรยากาศภายในลานสเก็ตคึกคัก
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะมีความสุข ยังเจือปนไปด้วยฮอร์โมนของวัยรุ่นหนุ่มสาว
ลู่เฉินจูงเยี่ยจื่อถงให้ห่างออกมาจากกลุ่มคน หลบอยู่บริเวณขอบสนามรอบนอก ความเร็วค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
เยี่ยจื่อถงจับมือลู่เฉินไว้แน่น เธอเริ่มตึงเครียด และที่มากกว่านั้นคือความตื่นเต้น
“อย่าเร็วเกินไปสิ!”
เธอตะโกนเสียงดังแล้วก็หัวเราะคิกคัก
เสียงหัวเราะของเธอสดใสเหมือนพวงกระดิ่งเงิน ก้องสะท้อนเข้าสู่หัวใจของลู่เฉิน
ลู่เฉินรู้สึกขึ้นมาทันใดว่าชีวิตงดงามมากขนาดนั้น มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจได้อยู่เสมอ!
………………………………………………….