ตอนที่ 127 คู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา
ปุดๆ~
เสียงทุ้มน่าฟังของไอน้ำร้อนที่พ่นไอน้ำยาวออกมาจากปากของกาต้มน้ำดังขึ้นภายในห้องพักรูหนูเล็กๆ
ปึก!
ภายใต้ตัวควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ วินาทีต่อมา สวิตช์ที่อยู่ด้านล่างของกาต้มน้ำก็เด้งขึ้นแล้วตัดไฟทันที
เฉินเสียงยกกาต้มน้ำขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว เทน้ำร้อนที่เดือดปุดๆ ลงไปในถ้วยบะหมี่ที่เตรียมไว้แล้ว
บะหมี่รสเนื้อตุ๋นเกาซือฟู่หนึ่งถ้วย บวกกับผักดองรสเปรี้ยวเผ็ดครึ่งซองและไข่พะโล้หนึ่งลูก
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว และนี่คืออาหารมื้อเย็นของเขา
เขาไม่มีทางเลือกจริงๆ วันนี้พนักงานทั้งหมดของบริษัทต้องทำงานล่วงเวลา สามารถเลิกงานกลับถึงห้องเช่าก่อนสามทุ่มได้ถือว่าโชคดีมากแล้ว บางครั้งต้องทำงานล่วงเวลาถึงห้าทุ่มหรือแม้กระทั่งดึกกว่านี้ จนเฉินเสียงต้องนอนหลับที่ออฟฟิศไปเลย
เฉินเสียงไม่อยากบ่นอะไร เพราะสำหรับนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยไม่ค่อยมีชื่อเสียงในท้องถิ่นคนหนึ่ง งานโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดระดับล่างแบบนี้คือสิ่งดีที่สุดที่เขาหาได้ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีงานอื่นดีกว่านี้แล้ว
อย่างน้อยเขาก็อาศัยเงินเดือนมาเลี้ยงชีพตัวเองและดำรงชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีประชากรสามสิบล้านคนได้
เฉินเสียงไม่รอให้บะหมี่สุกเต็มที่ ก็ยกไปวางตรงหน้าคอมพิวเตอร์แล้ว
คืนนี้คือรอบสุดท้ายของการเดินทางแข่งขันทั่วประเทศของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เพื่อตัดสินนักร้องที่แข็งแกร่งทั้งสิบคนของประเทศ
เขาจะต้องเป็นกำลังใจให้กับลู่เฉิน ร่วมกับสมาชิกลู่เจียจวินนับพันนับหมื่น!
เฉินเสียงรู้จักลู่เฉินครั้งแรกเมื่อสองสามเดือนก่อน
ตอนนั้นเขาเข้าไปเล่นในเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ คลิกการแนะนำคนใหม่หน้าแรกอย่างไม่ตั้งใจ และเข้าไปใน ‘ห้องถ่ายทอดสดลู่เฟย’ ถึงได้รู้จักการผู้ดำเนินรายการคนใหม่ที่ร้องและเล่นเพลงที่มีความสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใครคนนี้
เขาชอบการเล่นและร้องเพลงของลู่เฉิน ชอบความตลกขบขันกับการมองโลกในแง่ดีของผู้ดำเนินรายการคนนี้ และยิ่งชอบการสร้างสรรค์ผลงานเพลงบัลลาดพื้นบ้านร่วมสมัยของอีกฝ่าย
แต่สาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นแฟนคลับตัวยงอย่างแท้จริง เพราะลู่เฉินก็เป็นคนหลงกรุงเหมือนกันกับเขา จึงถือว่าอยู่ในครอบครัวมดหลงกรุงเช่นเดียวกัน
เฉินเสียงดูลู่เฉินโด่งดังมาจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ มองลู่เฉินออกจากวงการของผู้ดำเนินรายการ เพื่อเดินไปยังพื้นที่ที่กว้างใหญ่ขึ้น ยืนอยู่บนเวทีที่จรัสแสงระยิบระยับ
ในตัวลู่เฉิน เขามองเห็นความฝันที่ตัวเองต้องการไขว่คว้ามาโดยตลอด!
การแข่งขันในค่ำคืนนี้ เฉินเสียงให้ความสนใจเป็นพิเศษ เวลาทำงานล่วงเวลาก็ยังเหม่อลอย โชคดีที่รายการเริ่มถ่ายทอดสดเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งจนถึงตอนนี้ ลู่เฉินก็ยังไม่ได้ขึ้นเวที
มิฉะนั้นเขาคงได้แต่ดูวิดีโอย้อนหลัง ไม่สามารถส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจลู่เฉินไปพร้อมกับแฟนคลับนับแสนได้
ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้เข้าแข่งขันคู่ที่ห้าเพิ่งจะลงจากเวที
มู่เสี่ยวชูทีมร้องทัวร์ใช้เพลงหวานๆ อย่าง ‘สมอลทาวน์น็อกเทิร์น’ เอาชนะเก้าจ่านเผิงทีมเจ้าบ้านปี้ไห่ช่างชูไปหวุดหวิดด้วยคะแนนรวม 91.68 คะแนน คว้าอันดับที่ห้าจากจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งจากทั่วประเทศสิบคน
เมื่อเทียบกันแล้ว เธอมีคะแนนที่ชนะเพียง 0.12 คะแนนเท่านั้น!
เฉินเสียงกลับมาดึก ดังนั้นจึงเห็นเนื้อหาการแข่งขันของทั้งสองฝ่ายนิดหน่อย
แต่ก็ไม่เป็นปัญหาที่เขาจะให้กำลังใจมู่เสียวชู โดยการพิมพ์ข้อความแสดงความยินดีเข้าไปในห้องถ่ายทอดสด
มู่เสี่ยวชูก็เหมือนกับลู่เฉิน มาจากสุดยอดนักร้องในปักกิ่ง
ระหว่างการต่อสู้ฟาดฟันกันมาตลอดทาง ผู้หญิงที่ดูบอบบางและอ่อนแอคนนี้แสดงให้ทุกคนได้เห็นพลังของความตั้งใจ ความกล้าหาญ และความแข็งแกร่งที่ควรค่าแก่การยกย่อง
เธอกับลู่เฉินเองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทั้งสองคนเป็นเหมือนพี่น้อง ทั้งงยังโผล่หน้ามาให้เห็นสองสามครั้งในขณะที่ถ่ายทอดสด
พูดกันว่ารักใครแล้วก็ต้องรักสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย เหล่าแฟนคลับของลู่เฉินจึงชอบมู่เสี่ยวชูด้วยสาเหตุนี้
ทุกคนต่างเรียกเธออย่างสนิทสนมว่า ‘น้องชู’
ตอนนี้เห็นมู่เสี่ยวชูเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกครั้ง ภายในห้องถ่ายทอดสดจึงเต็มไปด้วยความครึกครื้น คอมเมนต์สดล้นทะลักเต็มหน้าจอ
เฉินเสียงหัวเราเหอะๆ แล้วกดปุ่มเอ็นเทอร์ ส่งเนื้อหาที่เพิ่งจะเขียนเสร็จแล้วออกไป
“ขอแสดงความยินดีกับน้องชูที่คว้าชัยชนะ เข้ารอบสิบอันดับแรกของประเทศ!”
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอย่างแท้จริง
ผู้เข้าแข่งขันลงจากเวที พิธีกรขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง อ่านโฆษณาจบภายในสิบวินาทีอย่างรวดเร็ว
เขาเชิญเฉินเฟยเอ๋อร์ขึ้นมาสุ่มเลือกผู้เข้าแข่งขันคู่ที่หก
ภายในห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยเงียบลงในทันที ทุกคนต่างรอคอยอย่างตื่นเต้นและร้อนใจ
การแข่งขันรอบนี้ผ่านไปครึ่งทางแล้ว ทีมร้องทัวร์กับทีมปี้ไห่ช่างชูมีผู้เข้าแข่งขึ้นเวทีไปทีมละห้าคนแล้ว
เหลือผู้เข้าแข่งขันสิบคนสุดท้าย ลู่เฉินจะถูกเลือกหรือไม่
เลนส์ของกล้องโทรทัศน์จับภาพไปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ หลังจากกดปุ่มสุ่มเลือกด้วยความสงบเยือกเย็น
รูปภาพเริ่มหมุนบนหน้าจอแอลอีดีขนาดยักษ์อย่างรวดเร็ว
หยุด!
จากการกดปุ่มสุ่มเลือกครั้งที่สองของเฉินเฟยเอ๋อร์ หน้าจอภาพหยุดลงแล้ว
ลู่เฉินปะทะสีเจีย!
ลู่เฉิน ในที่สุดครั้งนี้ก็ถึงรอบที่เขาต้องขึ้นเวทีแล้ว!
“สุดยอด!” เฉินเสียงตบเมาส์ด้วยความตื่นเต้น จนเกือบทำบะหมี่ที่ต้มอยู่บนโต๊ะหก
แต่ตอนนี้เขาจะมัวแต่สนใจกินได้อย่างไร
ห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยคึกคักฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ปริมาณการส่งคอมเมนต์สดเพิ่มขึ้นมากจนน่ากลัว แน่นขนัดเต็มไปหมด!
หากคนที่เข้ามาเห็นและไม่รู้ว่าความจริงเป็นอะไร คงคิดว่าลู่เฉินชนะคู่ต่อสู้ไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ในสายตาของแฟนคลับนับแสนจะไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ ต่อผลการแพ้หรือชนะในการแข่งขันครั้งนี้ของลู่เฉินก็ตาม
เมื่อสองสามวันก่อนมีคนใส่ร้ายป้ายสีลู่เฉินบนบล็อกล่างฉาว เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันวุ่นวาย ผลสรุปก็คือถูกสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งตบซ้ายตบขวาจนหน้าบวมเบ่ง แถมยังได้การสนับสนุนจากกรรมการทั้งสี่ เขาไม่ชนะแล้วใครจะชนะ
แต่ก็มีเสียงพูดเตือนสติจำนวนไม่น้อยกล่าวว่า
“สีเจียเป็นหัวหน้าของสิบสุดยอดนักร้องทีมปี้ไห่ช่างชู การร้องเพลงของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก!”
“ใช่ ท่านลู่เฟยจะประมาทไม่ได้”
“สีเจียเหมือนจะจบมาจากวิทยาลัยดนตรีเสฉวน เป็นนักร้องเสียงดีของจริง คาดว่าคงจะสู้ตายกับผู้ดำเนินรายการ”
“ฉันเคยดูการแสดงสองรอบของเธอ มีความสามารถมากจริงๆ”
“ครั้งนี้ผู้ดำเนินรายการต้องเจอกับสีเจียเป็นครั้งที่สามแล้วใช่ไหม มีอะไรแปลกๆ หรือเปล่า ไม่งั้นทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้!”
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้ลู่สุดหล่อจะร้องเพลงอะไร…”
แน่นอนว่าเป็นเสียงของความกังวลและสงสัยที่อ่อนแรงมาก ไม่ช้าก็ถูกคอมเมนต์สดที่ล้นทะลักเข้ามาอย่างบ้าคลั่งกลบหายไป
ความสนใจของทุกคนล้วนพุ่งไปที่การถ่ายทอดสดในคืนนี้
และแล้วก็เห็นเพียงลู่เฉินกับสีเจียขึ้นเวทีมาพร้อมกัน
สีเจียอายุยี่สิบสามปี เป็นชาวหนานต่าว เธอมีรูปร่างสูงยาว ผิวขาวผ่อง ทว่าหน้าตาไม่ได้สวยอะไรมาก
หัวหน้าของสิบสุดยอดนักร้องทีมปี้ไห่ช่างชูแต่งตัวแนวทอมบอย ตัดผมสั้นเจาะหู เข้ากับเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ รองเท้าลุยๆ สบายๆ ทำให้เธอดูสดใสน่ารักอย่างเห็นได้ชัด เวลาที่เธอยิ้มจะมีลักยิ้มอยู่ตรงแก้มซ้าย
“สวัสดีค่ะ!”
ทั้งสองคนเดินขึ้นมาบนเวทีจากคนละทาง เดินมาถึงตรงกลางเวทีแล้วเผชิญหน้ากัน จากนั้นสีเจียก็เป็นฝ่ายยื่นมือไปหาลู่เฉินก่อน “ฉันชอบเพลงของคุณมากค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้แข่งขันในเวทีเดียวกับคุณ!”
เธอเป็นผู้หญิงแต่กลับมีมารยาทและใจกว้างขนาดนี้ แน่นอนว่าลู่เฉินก็ไม่ทำตัวแย่เกินไป จับมือของอีกฝ่าย แล้วยิ้มพูดว่า “รู้สึกเป็นเกียรติของผมเช่นเดียวกันครับ!”
การสนทนาของทั้งสองคนดังผ่านไมค์ เข้าหูของผู้ชมที่อยู่ในงานห้าพันคนอย่างชัดเจน เสียงปรบมือโห่ร้องเป็นเกลียวคลื่นดังขึ้นภายในโรงยิมอย่างกะทันหัน
“สีเจีย!” “สีเจีย!” “สีเจีย!”
มีเสียงตะโกนเรียกชื่อสีเจียจำนวนไม่น้อย ป้ายไฟถูกชูสูงขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ
นี่คือข้อได้เปรียบของการเป็นเจ้าบ้าน
สีเจียเป็นหัวหน้าสิบสุดยอดนักร้องทีมปี้ไห่ช่างชู แถมยังเป็นชาวเกาะหนานเต่า จากการสะสมประสบการณ์การแข่งขันมาหลายเวทีก่อนหน้า เธอจึงได้รับความนิยมสูงมาก ดังนั้นจึงได้รับการสนับสนุนจากผู้ชมที่อยู่ในงานเป็นธรรมดา
แน่นอนว่าผู้ชมทั้งห้าพันคนไม่ใช่ชาวปี้ไห่ทั้งหมด คนที่สนับสนุนลู่เฉินก็มีไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับกระแสเสียงของสีเจียแล้วจะด้อยกว่านิดหน่อย คาดว่าหลังจากจบการแข่งขัน จำนวนการโหวตของคนในสนามน่าจะอ่อนกำลังกว่า
การจัดตารางการเดินทางแข่งขันของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ทำให้ทีมร้องทัวร์ได้เปรียบจากผู้ชมนอกสนาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งซึ่งเป็นสุดยอดนักร้องในย่านนี้ จึงยากที่จะอยู่ในขั้นที่เหนือกว่าในสนาม และสถานะของทั้งสองฝ่ายก็ค่อนข้างสมดุลกัน
ใครแพ้ใครชนะ ยังต้องรอดูผลคะแนนรวม!
ตามกฎเกณฑ์ของการแข่งขัน ผู้ท้าชิงฝั่งเจ้าบ้านต้องแสดงก่อน ดังนั้นลู่เฉินจึงถอยไปรอที่บริเวณนั่งรอข้างเวทีชั่วคราว
สีเจียเปลี่ยนมาคล้องกีตาร์ไฟฟ้าตัวหนึ่ง
เธอกอดกีตาร์อยู่ในอ้อมอกอย่างเท่ พูดกับไมค์ว่า “คืนนี้ เพลงที่ฉันจะร้องให้กับทุกคนฟังเป็นเพลงที่ฉันเขียนเอง ชื่อของมันคือ เกาะไร้ผู้คน”
“หวังว่าทุกคนจะชอบค่ะ!”
ว้าว!
เสียงฮือฮาอื้ออึงดังไปทั่วทั้งเวที คิดไม่ถึงว่าสีเจียจะหยิบเพลงที่เธอเขียนเอมาใช้ท่ามกลางการแข่งขันที่สำคัญนี้!
คนที่รู้จักสีเจียต่างก็รู้ว่าเธอเริ่มต้นจากรอบคัดเลือกของเขตนักร้องเสียงดีปี้ไห่ จนกระทั่งมาถึงรอบออดิชั่น กลับมาแข่งขันใหม่และเข้ารอบรองชนะเลิศ สุดท้ายจึงเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสิบอันดับสุดยอดนักร้องของเขต โดยใช้เพลงของคนอื่นมาเรียบเรียงและร้องใหม่ทั้งหมด
เส้นเสียงของสีเจียดีมากเป็นพิเศษ เสียงแหบเป็นแม่เหล็กดึงดูดที่มีเสน่ห์ บวกกับการร้องที่ทรงพลังมีสไตล์โดดเด่นไม่เหมือนใคร เธอจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย และบุกฝ่ามาจนถึงตอนนี้ได้
ในบล็อก หน้าเว็บ และฟอรัมของ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เหล่าแฟนคลับของสีเจียมักจะชอบเดากันว่าเย็นนี้เธอจะเลือกเพลงไหนมาโชว์ แสดงความคิดเห็นต่างๆ มากมาย มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ได้พูดถึงคือเธอจะร้องเพลงที่เธอเขียนด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้กับลู่เฉินที่ชนะคู่ต่อสู้ด้วยผลงานเพลงแต่งเอง จนได้เป็นสุดยอดนักร้องของทีมร้องทัวร์อีกด้วย!
นี่คือการใช้ข้อด้อยของตัวเองสู้กับข้อดีของศัตรูใช่ไหม?
แน่นอนว่ามีสิ่งที่ผู้ชมมากมายยังไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นทีมท้าชิงหรือทีมเจ้าบ้าน เพลงที่ใช้ในการแข่งขันต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนอย่างกะทันหันตอนขึ้นแข่งขันบนเวที
เพราะว่าการแข่งขันร้องเพลงล้วนบรรเลงด้วยวงดนตรีสด
สีเจียก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้เจอกับลู่เฉิน แต่ในเมื่อเธอกล้าหยิบผลงานเพลงชิ้นแรกของตัวเองออกมาใช้ในการแข่งขันนัดสำคัญนี้ แสดงว่าจะต้องมั่นใจมากพอ
สีเจียเชื่อในความสามารถของตัวเอง และความเชื่อมั่นของเธอก็แสดงอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน
เธอเชิดหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จนกระทั่งเสียงดนตรีของวงดนตรีดังขึ้นมา!
เสียงดนตรีกับจังหวะที่ไม่ธรรมดา ทำนองครึกครื้นสนุกสนาน นำบรรยากาศเฉพาะตัวของเกาะกลางทะเลในฤดูร้อนมาปรากฏต่อหน้ากรรมการทั้งสี่คนรวมทั้งผู้ชมอีกห้าพันคนในชั่วพริบตาเดียว
จากนั้น เสียงผู้หญิงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสีเจียก็ลอยเข้าสู่สถานที่จัดงานแห่งนี้ทันที!
ลู่เฉินที่ยืนรออยู่ตรงบริเวณนั่งรอก็นั่งตัวตรงหลังตรง เผยความแปลกใจและตื่นเต้นออกมาจากในดวงตา
ต่อให้ฟังแค่ท่อนเล็กท่อนแรก เขาก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าเพลงที่สีเจียแต่งไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่เพียงแต่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังเป็นเพลงสนุกสนานเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาผู้ชม
สิบสุดยอดนักร้องเขตปี้ไห่ ไม่ใช่นักร้องที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ เด็ดขาด
ด้วยการแสดงที่น่าประทับใจของเธอ พลังมุ่งหมายต่อสู้ของลู่เฉินจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
ขอแค่เอาชนะคู่แข่งแบบนี้ได้ ชัยชนะของเขาก็จะสำเร็จได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
…………………………………………………………………………