ตอนที่ 222 เถียงไม่ออก
ความทรงจำนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในสมองของลู่เฉิน
ทั้งหมดเป็นความทรงจำของโม่หราน
นักแสดงมากความสามารถในโลกแห่งความฝันคนนี้ มีนิสัยสุขุมเก็บงำ มีอุดมการณ์แน่วแน่ มีความเก่งกาจที่เหนือใคร
แต่โชคของเขาไม่ดีนัก ไม่เคยได้รับบทเป็นตัวเอกจริงๆ เลยสักครั้ง
สำหรับเรื่องนี้แม้ว่าโม่หรานจะมองโลกในแง่ดี แต่ลู่เฉินกลับรู้ว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของโม่หราน
การเป็นนักแสดง มีใครบ้างไม่อยากเล่นเป็นพระเอก
ลู่เฉินเคยปฏิญาณเอาไว้ในใจว่า เขาจะต้องทำให้ความฝันของโม่หรานเป็นจริงในโลกของตัวเองให้ได้
การสัมภาษณ์ในวันนี้ เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด!
ในใจของเขามีความคิดมากมายผุดขึ้น แต่ภายนอกกลับดูสงบเสงี่ยม ก้าวเดินอย่างมาดมั่นมั่นคง
เพราะลู่เฉินรู้ว่า ในฐานะนักแสดงที่มาแคสติ้ง การสร้างความประทับใจแรกพบให้กับผู้กำกับเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เขาไม่อยากถูกหักคะแนนด้านนี้
ห้องประชุมของเอ้าช่วงฟิล์มไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการแคสติ้ง โต๊ะประชุมถูกจัดวางใหม่ ให้เหลือพื้นที่เพียงพอกับการแสดงของนักแสดง
หลังโต๊ะยาวตัวนั้นมีชายสามคนและหญิงหนึ่งคนนั่งอยู่ เบื้องหน้าของพวกเขาวางกระดาษและปากกาไว้ อีกด้านตั้งกล้องถ่ายวิดีโอไว้ตัวหนึ่ง มีหญิงชายคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างกัน
ลู่เฉินยืนอยู่ตรงหน้ากรรมการ อันดับแรกเขาโค้งตัวแสดงความเคารพ จากนั้นเริ่มกล่าวทักทาย “ผู้กำกับเหยียน อาจารย์ทุกท่านสวัสดีครับ ผมคือลู่เฉิน ช่วยชี้แนะด้วยครับ!”
ในหมู่กรรมการทั้งสี่คนเขารู้จักเพียงคนเดียวคือผู้กำกับเหยียนเฉิงอี้จากละครเรื่อง ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’
หลังจากได้รับแจ้งให้มาแคสติ้ง ทางสตูดิโอได้ช่วยลู่เฉินจัดแจงข้อมูลที่ต้องใช้ ในอินเทอร์เน็ตมีรูปของเหยียนเฉิงอี้อยู่ เขาไม่มีทางจำผิดหรอก
ตอนที่ลู่เฉินเดินเข้ามา กรรมการทุกคนตาลุกวาว
หากเทียบกับนักแสดงสามคนที่ถูกตัดสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ลู่เฉินมีรูปลักษณ์ที่ดูดีกว่ามาก เขาตัวสูงใหญ่หล่อเหลา สวมเครื่องแบบตำรวจแล้วยิ่งดูเป็นชายชาตรีที่มีความฮึกเหิมเลือดร้อน
ถ้าพูดโดยใช้ศัพท์วงในก็คือ ทรงแบบเขาเหมาะกับหนังสงครามหรือหนังสายลับมาก หากสวมชุดเครื่องแบบทหารก็เหมือนสายลับที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในค่ายของศัตรู ดูสง่างามแข็งแกร่ง!
ที่สำคัญคือลู่เฉินแสดงออกด้วยความนิ่งขรึม มีมารยาท ไม่เหมือนเป็นคนหน้าใหม่สักนิด
เหยียนเฉิงอี้พอใจที่สุด วันนี้เขามาควบคุมการแคสติ้ง หลักๆ ก็เพื่อสัมภาษณ์ลู่เฉิน
คนอื่นๆ เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น จัดเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องทำ
เพราะบริษัทกับทางผู้ร่วมทุนต่างเสนอมา
เช่นหญิงสาววัยกลางคนสวมแว่นตากรอบทองที่นั่งอยู่ริมขวาสุด เป็นตัวแทนของฝั่งผู้ร่วมทุนรายใหญ่ที่สุด
เหยียนเฉิงอี้ไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรกับฝ่ายนั้นเท่าไร กังวลด้วยว่าเธอจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้เขา
เรื่องคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว
แต่ถ้าลู่เฉินโดดเด่นกว่าคนอื่นจริงๆ เชื่อว่าเธอคงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ!
“สวัสดี ลู่เฉิน”
ผู้กำกับยิ้มให้เขาอย่างใจดี พยักหน้าเป็นการทักทาย “บทละครที่ให้ไป คุณอ่านดูแล้วใช่ไหม”
ลู่เฉินรับคำ “ใช่ครับ อ่านดูแล้ว”
เนื้อหาแค่สองหน้ากระดาษเอสี่ เขาไม่เพียงแต่ได้อ่านมัน แถมยังจำจนขึ้นใจ
ในนั้นมีอยู่หลายฉาก ที่เป็นเนื้อหาในการแคสติ้งวันนี้
“ดีแล้ว…”
เหยียนเฉิงอี้ชี้ไปทางชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกล้องอัดวิดีโอ แล้วบอกว่า “นายลองดู พวกเขาเล่นบทบาทสมมติเป็นนางเอกและโจร”
เอ้าช่วงฟิล์มให้ความสำคัญกับการสัมภาษณ์วันนี้มาก ไม่เพียงแต่เตรียมชุดเครื่องแบบ ยังเตรียมคนมาเล่นบทบาทสมมติด้วย
แบบนี้ผู้เข้ารับการแคสติ้งก็ไม่ต้องต่อบทกับอากาศ ทำให้แสดงความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่
ลู่เฉินพยักหน้า “ได้ครับ!”
บทละครเขาท่องจำใส่หัวไว้แล้ว ทั้งยังทบทวนอีกหลายรอบ ตอนแสดงจริงย่อมไม่มีปัญหา
ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างเหยียนเฉิงอี้กดปุ่มเพลย์บนเครื่องบันทึกเสียง
เสียงรถยนต์แล่นไปมาบนท้องถนนดังขึ้นในห้องประชุมทันที
นักแสดงหญิงชายยืนอยู่คนละฟาก ฝ่ายชายยืนเยื้องไปทางด้านหลังของฝ่ายหญิง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กระเป๋าของเธอ
แล้วเขาก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไปหากระเป๋าใบนั้น
ฉากนี้อยู่ในรถไฟใต้ดิน นางเอกถูกโจรหมายตา ตำรวจหนุ่มยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ทั้งสองคนจึงรู้จักกันด้วยเหตุนี้ เกิดเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน
ตอนที่ ‘โจร’ ยื่นมือออกไปนั้น ลู่เฉินที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวเห็นเข้า ดวงตาสีดำขลับของเขาส่งประกายแหลมคม ราวกับเหยี่ยวที่จ้องมองหมาจิ้งจอก มัดกล้ามเนื้อทั้งร่างเกร็งเขม็งขึ้น!
‘ดี!’
เหยียนเฉิงอี้อดไม่ไหวแอบตะโกนชมลู่เฉินอยู่ในใจ
ผู้ชำนาญเฉพาะด้านเห็นแค่นี้ก็รู้แล้ว เหยียนเฉิงอี้เป็นผู้กำกับมาหลายปี สายตาที่เขาดูการแสดงของคนนั้นเหนือกว่าผู้กำกับคนอื่นเป็นไหนๆ
ตอนแรกเขายังกังวลเรื่องฝีมือการแสดงของลู่เฉิน เพราะฝ่ายหลังไม่ได้จบด้านการแสดงมา ยังไม่นับว่าเป็นนักแสดงเลยด้วยซ้ำ…ลู่เฉินเป็นแค่นักร้องหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ
แม้ลู่เฉินจะเคยถ่ายทำโฆษณาและมิวสิควิดีโอมาแล้ว แต่เหยียนเฉิงอี้รู้สึกว่านั่นไม่ควรค่าให้พูดถึงด้วยซ้ำ
ละคร ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ แม้จะเป็นละครวัยรุ่น แต่ผู้กำกับเหยียนเฉิงอี้ก็ยังต้องการคนที่มีทักษะการแสดงขั้นสูง
ท่าทางและสายตาของลู่เฉินเมื่อครู่ แล้วยังมีการเคลื่อนไหวที่เหมือนเป็นไปตามสัญชาตญาณนั่นอีก ทำให้เขาคิดว่าวันนี้จะต้องเก็บดาวดวงนี้เอาไว้ให้มั่น…รู้สึกดีจริงๆ!
ลำดับต่อไป ลู่เฉินหันข้าง แล้วพุ่งเข้าประชิดตัว ‘โจร’ ส่งมือขวาออกไปรวดเร็วดังสายฟ้าแลบ จับมือที่เพิ่งหดกลับของโจรไว้ได้ แล้วยึดมั่นไว้เช่นนั้น
ไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามตามทัน ลู่เฉินใช้มือซ้ายขยำไปที่บ่าของเขา ออกแรงกดไปด้านหลังพร้อมกับใช้ขาขวาดันหลังเข่าของคนร้ายให้ทรุดตัวลง
‘โจร’ คนนี้ไม่ทันตั้งตัว สูญเสียการทรงตัวทันที ถูกลู่เฉินใช้ท่าจับกุมมาตรฐานสยบเขาให้ลงไปกองกับพื้น มือทั้งสองถูกรวบเอาไว้แน่น!
“อ๊า!”
กรรมการทั้งสี่ทึ่ง
เพราะในบทละครไม่ได้เรียกร้องให้นักแสดงทำถึงขนาดนี้ หลังจากจับ ‘โจร’ ได้แล้วแค่กดเขาลงไปกับพื้น ไม่ต้องถึงขนาดทำให้เสียการควบคุมจนถูกลู่เฉินจัดการเหมือนเป็นท่อนไม้
คุณ ‘โจร’ คงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม
ความจริงพวกเขากังวลมากเกินไป ลู่เฉินควบคุมแรงเอาไว้เป็นอย่างดี คนที่ร่วมแสดงถูกควบคุมตัวไว้แต่ไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด เพียงแค่ตกใจจนร้องออกมา
ลู่เฉินไม่ได้สนใจเขา แย่งกระเป๋ากลับมาจากโจร แล้วย่อตัวลงนั่งกึ่งคุกเข่ายื่นส่งให้นางเอก
เขายิ้มเล็กน้อย “คุณครับ นี่กระเป๋าสตางค์ของคุณใช่ไหม”
นางเอกตกใจ ไม่รู้จะรับมือต่ออย่างไร ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้สึกตัว
เธอหน้าแดงรับกระเป๋าสตางค์ที่ลู่เฉินยื่นให้ พร้อมกับตอบเบาๆ ว่า “ขอบคุณค่ะ”
ลู่เฉินไม่ได้แสดงต่อ แต่ไปประคอง ‘โจร’ ให้ลุกขึ้นยืน ช่วยปัดฝุ่นที่เปื้อนเสื้อผ้าของเขา แล้วพูดว่า “ขอโทษครับ คุณไม่บาดเจ็บใช่ไหม”
ตัวประกอบส่ายหัว เอ่ยด้วยสีหน้าชื่นชม “คุณเก่งมากเลย!”
ลู่เฉินยิ้ม แล้วหันหลังกลับมาที่กรรมการ
เหยียนเฉิงอี้เป็นคนแรกที่ยกมือขึ้นปรบมือเสียงดัง ปรบอย่างแรง
ลู่เฉินไม่เพียงแสดงบทเฉินเย่าหยางได้ตรงตามที่เขาต้องการ ยังแสดงได้โดดเด่นกว่าปกติอีกด้วย!
ทักษะการต่อสู้ของลู่เฉินไม่ได้ใช้เอฟเฟกต์พิเศษ แต่เป็นกังฟูของจริง
ทั้งหนุ่มแน่น รูปหล่อ เทคนิคการแสดงดี แล้วยังรู้วิชาการต่อสู้ ช่างเป็นดาราไอดอลที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!
เหยียนเฉิงอี้ตัดสินแล้วว่า ลู่เฉินก็คือเฉินเย่าหยาง
ผู้กำกับถึงกับตื่นเต้น การแสดงของลู่เฉินเช่นนี้ คงจะได้ร่วมงานถ่ายทำกับเขาไปอีกหลายๆ ตอน
คนอื่นๆ ปรบมือตาม
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในการแคสติ้งก่อนหน้านี้
เหยียนเฉิงอี้วางมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก ผมคิดว่า…”
“ฉันคิดว่า…”
เหยียนเฉิงอี้คิดไม่ถึงว่า ตอนที่เขากำลังจะประกาศยอมรับลู่เฉิน ตัวแทนผู้ร่วมทุนรายใหญ่ที่นั่งอยู่ทางขวาสุดจะพูดแทรกขึ้นมา “คุณไม่เหมาะกับบทเฉินเย่าหยาง!”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งห้องประชุมอึ้งไป
รวมถึงลู่เฉินด้วย
ทุกคนมองหญิงวัยกลางคนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ฝ่ายหลังยกมือขึ้นดันแว่นตา ยิ้มให้ลู่เฉินเล็กน้อย “คุณรูปลักษณ์ดีมาก และการแสดงก็ดี ฉันชอบมาก แต่คุณตัวสูงเกินไป ไม่เหมาะกับนางเอก แล้วก็…”
เธอเว้นวรรคแล้วพูดต่อ “คุณจะทำให้พระเอกมีความกดดันมากเกินไป ไม่เหมาะกับสไตล์ของละครเรื่องนี้ ดังนั้นเสียใจด้วย”
ไม่คาดคิดว่าจะถูกปฏิเสธ แถมยังได้เหตุผลแบบนี้อีก…
ลู่เฉินถึงกับพูดไม่ออก
คนคนนี้ไม่ได้ไม่ยอมรับความสามารถของเขา กลับคิดว่าเขาเก่งเกินไป จนไปบดบังพระเอก!
เหตุผลเช่นนี้เขาเถียงไม่ออก
เหยียนเฉิงอี้ถึงกับหน้าเขียว
เหตุผลบ้าบออะไรกัน เขาเลือกลู่เฉินแล้ว ที่ต้องการก็คือแบบนี้แหละ!
เรตติ้งของละคร ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ ซีซันแรกธรรมดามาก ซีซันสองแม้วางแผนจะถ่ายทำต่อ แต่ถ้าอยากได้เรตติ้งเพิ่ม ก็ต้องหาจุดดึงดูดใหม่
เฉินเย่าหยางเป็นบทที่สร้างความแตกต่างให้กับเรื่อง ต้องการนักแสดงแบบลู่เฉินถึงจะเล่นได้ดี
นอกจากนี้ลู่เฉินยังมีชื่อเสียงมาก มีแฟนคลับติดตามในเว็บบล็อกล่างฉาวเกือบสิบล้าน
เป็นหลักประกันที่จะทำให้ได้เรตติ้งตามที่หวัง!
ทางตัวแทนของผู้ร่วมทุนกลับคิดว่าลู่เฉินจะแสดงเกินหน้าพระเอก
เหตุผลปัญญาอ่อนสิ้นดี!
ถ้านี่เป็นบทภาพยนตร์ บทพระรองโดดเด่นกว่าพระเอกถึงจะเป็นปัญหา แต่ในฐานะละครโทรทัศน์สุดสัปดาห์ ตัวประกอบที่ดีจะต้องสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ผู้ชมแน่นอน มีการวิพากษ์วิจารณ์กันบ้างถึงจะเป็นเรื่องดี
เขาพูดอย่างหนักแน่น “ผู้จัดการกง ผมคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหา”
หญิงวัยกลางคนยิ้มน้อยๆ “ผู้กำกับเหยียน ถ้าอย่างนั้นเรารอดูก่อน ให้คนที่อยู่คิวหลังแคสติ้งให้เสร็จ ถ้าไม่มีคนที่เหมาะสมกว่านี้ ค่อยพิจารณาคุณลู่เฉินดีไหม”
เหยียนเฉิงอี้เข้าใจทันที เหตุผลบ้าบออะไรนั่น ที่แท้เป็นเพราะทางฝั่งผู้ร่วมทุนได้เลือกคนมาแล้ว
เป็นคนที่รอคิวแคสติ้งอยู่ข้างหลังแน่นอน!
ที่เกินไปคือฝ่ายนั้นไม่ได้ปรึกษากับเขาก่อน พอถึงช่วงเวลาสำคัญก็เล่นงานเขาเลย
ส่วนเหตุผลนั้น มันออกจะซับซ้อนอยู่มาก
แต่ผู้ร่วมทุนรายใหญ่นั้นยิ่งใหญ่สมชื่อ ถ้าเกิดทำให้ไม่พอใจ ก็จะเปลี่ยนผู้กำกับไปเลย ละครเรื่อง ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ ซีซันแรกถ่ายทำจบแล้ว เขาเหยียนเฉิงอี้ไม่ได้มีความสำคัญกับละครเรื่องนี้ถึงขั้นที่ไม่อาจขาดได้
นอกจากเรตติ้งของภาคแรกจะดีมาก ทำให้ฝ่ายนั้นไม่อาจมองข้ามความสำคัญของเขา
เหยียนเฉิงอี้รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ตอบหน้าตายว่า “แล้วแต่เถอะครับ”
นี่เป็นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในการต่อต้านของเขาแล้ว
………………………………………………………………….