ตอนที่ 320 ฮอต
“อาจารย์ลู่เฉิน!”
เมื่อลู่เฉินเดินไปทางด้านหลังเวที เงาร่างบอบบางของคนผู้หนึ่งถลาเข้ามากีดขวางทางเขา!
โชคดีที่ลู่เฉินรู้ตัวเร็ว เขาชะงักฝีเท้าลงทันที ไม่อย่างนั้นคงจะชนเข้ากับฝ่ายนั้นอย่างจัง
“คุณคือ?”
หญิงสาวที่เข้ามาขวางทางเขาอายุราวยี่สิบต้นๆ เธอสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดสีแดงที่มีโลโก้ของเทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H หน้าตาพื้นๆ แต่ผมที่ถักเปียเป็นหางม้าแสดงถึงความซุกซุนแบบเด็กสาว ใบหน้ามีกระสีน้ำตาลดูน่ารัก
ตรงหน้าอกของเธอแขวนป้ายชื่อที่ไม่อาจปลอมแปลงได้ ด้านหลังยังมีช่างภาพอีกคนติดตามมา
หญิงสาวถักเปียหางม้าดูตื่นเต้นเป็นที่สุด ดวงตาที่ถลนดูเก็บอาการไม่อยู่ เธอยกไมโครโฟนในมือมาจ่อตรงหน้าลู่เฉินแล้วยิงคำถามรัวๆ “อาจารย์ลู่เฉินสวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักข่าวจากเว็บไซต์เฉาหลิวเอนเตอร์เทนเมนต์แชนแนล ขอถามว่าคุณมาร่วมงานเทศกาลดนตรีครั้งนี้เตรียมผลงานอะไรมาบ้างคะ ขอถามว่าปีนี้คุณมีแผนจะออกอัลบั้มชุดใหม่หรือเปล่าคะ แล้วละครรักนี้ชั่วนิรันดร์จะทำภาคต่อไหม คุณพอจะเล่าเรื่องความรักของคุณกับคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ไหม…”
“หยุดๆๆ!”
ลู่เฉินถูกเธอยิงคำถามใส่ไม่ยั้งจนมึนหัวไปหมด รีบยกมือห้าม
ลู่เฉินทำหน้าแหย “คุณช่วยถามเป็นข้อๆ ได้ไหมครับ”
เว็บไซต์เฉาหลิวเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ของประเทศเจ้าหนึ่ง และยังเป็นค่ายอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ประจำท้องถิ่นของเมืองปักกิ่งด้วย ตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในตลาดหุ้นแนสแด็กของอเมริกา มีอิทธิพลใหญ่โต
ลู่เฉินจึงต้องให้เกียรติ แม้ว่าฝ่ายนั้นจะดูเป็นนักข่าวมือใหม่ที่วู่วามก็ตาม
การปฏิสัมพันธ์กันของดารานักแสดงกับสื่อเป็นศาสตร์ชั้นสูง เขากำลังเรียนรู้อยู่
หญิงสาวผมเปียหางม้าหน้าแดง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดต่ออย่างเก้อเขินว่า “ฉันชอบเพลงของคุณมากค่ะ ยังดูละครของคุณด้วย ฉันเป็นแฟนคลับผู้ภักดีของคุณ”
เธอรู้ว่าตัวเองวู่วามไปหน่อย จึงรีบอธิบายเพื่อไม่ให้ลู่เฉินถือสา
ดารามักจะรำคาญพวกนักข่าว แต่กับนักข่าวที่เป็นแฟนคลับผู้ภักดีนั้น มักจะได้รับการไว้หน้าเสมอ
นี่เป็นเทคนิคเล็กๆ ที่ได้รับการสืบทอดมาจากผู้อาวุโสที่เธอติดตาม แต่เธอเป็นแฟนคลับของลู่เฉินจริงๆ
ก่อนหน้านี้ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เปิดเผยความสัมพันธ์เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว ตอนที่สื่อกำลังโหมกระแส ทั้งสองกลับเล่นบทมนุษย์ล่องหน หลบหนีจากการสัมภาษณ์เพื่อให้ข่าวร้อนเบาลงก่อน
แต่ไม่ได้หมายความว่าประเด็นนี้จะขายไม่ออกแล้ว สำหรับนักข่าวสาวผมเปียหางม้าหน้าใหม่คนนี้ วันนี้ในเทศกาลดนตรี 72H เธอคว้าตัวลู่เฉินมาได้ ช่างโชคดีเหมือนขนมชิ้นโตที่ฟ้าประทานลงมา
เธอรู้สึกเหมือนถูกกระแทกแรงจนมึนงง ในตอนแรกจึงเอาแต่ตื่นเต้น พูดจาไม่ได้ระวัง
ถ้าทำให้ลู่เฉินตกใจ ข่าวที่ควรจะได้ก็จะละลายไปกับน้ำ!
คำอธิบายของเธอสัมฤทธิ์ผล ลู่เฉินหัวเราะ “เห็นแก่ความเป็นแฟนคลับ คุณอยากถามอะไรครับ”
ตอนนี้เองที่หวังจิ้งพูดแทรกขึ้นมา “ลู่เฉิน พวกเราเข้าไปลองเครื่องดนตรีก่อนนะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “เอาสิ เดี๋ยวฉันตามไป”
เทศกาลดนตรี 72H ไม่มีการทำเรื่องโลว์คลาสอย่างการเปิดดนตรีประกอบ ทุกคนใช้ดนตรีสดเหมือนกันหมด นักร้องที่มาร่วมงานสามารถนำวงดนตรีของตัวเองมา หรือจะให้ทางผู้จัดเป็นคนจัดการให้ก็ได้
อีกอย่างพวกกลองชุด คีย์บอร์ดครบเซ็ตนั้นขนย้ายยาก นอกเสียจากมีความต้องการเป็นพิเศษหรือเป็นคนย้ำคิดย้ำทำเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นวงดนตรีที่มาร่วมงานจะใช้อุปกรณ์ที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ ถ้าทุกวงขนเครื่องดนตรีของตัวเองมา การขนย้ายนั้นยุ่งยากวุ่นวาย แถมยังเสียเวลาจัดฉากเปลี่ยนวงมาก
ส่วนพวกกีตาร์ เบส เครื่องดนตรีที่พกพาง่าย ส่วนใหญ่จะเตรียมกันมาเอง
ทางผู้จัดได้เตรียมอุปกรณ์ไว้หลายชุด สมาชิกวงดนตรีที่มาถึงก่อนจะได้ซ้อมจนคุ้นเคย หลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะรบกวนมาตรฐานการเล่นดนตรีตามปกติ
วงนิพพานก็เช่นกัน แม้จะจัดงานในเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่หยิ่งยโสว่าต้องใช้เครื่องดนตรีของตัวเองเท่านั้น จึงนำแค่กีตาร์และเบสมา เพราะฉะนั้นก่อนขึ้นเวทีพวกเขาจำเป็นต้องซ้อมกับเครื่องดนตรีให้คุ้นเคยก่อน
พวกหวังจิ้งเพิ่งเดินจากไป นักข่าวสาวผมเปียหางม้าจากเว็บไซต์เฉาหลิวก็รีบถามต่อ “อาจารย์ลู่เฉินคะ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาร่วมงานเทศกาลดนตรี 72H ใช่หรือไม่คะ”
ลู่เฉินตอบ “ใช่ครับ ความจริงเมื่อนานมาแล้วผมอยากจะมาดูงานนี้ที่ปักกิ่ง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เข้าร่วม สำหรับผมแล้วถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และทำให้ผมตื่นเต้นไปทุกตอนจริงๆ ครับ”
“ถ้างั้นคุณได้เตรียมผลงานเพลงใหม่มาแสดงในงานนี้หรือเปล่าคะ”
นักร้องและวงดนตรีที่มาร่วมงานเทศกาลดนตรี 72H ล้วนไม่ขาดนักประพันธ์เพลงดีเด่น เว้นเสียแต่ว่าเป็นเรื่องของการให้เกียรติกัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ไปร้องเพลงของคนอื่น มันไม่คุ้มค่า
ในเทศกาลดนตรี ผลงานต้นฉบับเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการมากที่สุด อีกทั้งตัวแทนจากบริษัทเอเจนซี่บันเทิงต่างๆ ที่ถูกส่งมา ก็อยากเห็นผลงานใหม่ที่ดีๆ เกิดขึ้นมามากๆ
วงการเพลงป็อปจีนในตอนนี้ ต้องการพลังการสร้างสรรค์ผลงานใหม่จริงๆ เพราะผู้ที่คลั่งไคล้ในเพลงป็อปมากมาย รวมทั้งผู้ฟังทั่วไปเริ่มเบื่อเพลงเร็วเพลงฮิตที่มีรูปแบบเหมือนๆ กันไปหมดแล้ว
เพลงต้นฉบับเป็นเอก คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H มีอิทธิพลมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เน้นแนวเพลงนอกกระแสอย่างชัดเจน
ลู่เฉินเองก็เป็นคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวจากความคิดสร้างสรรค์ โดยฉพาะเพลงแนวบัลลาดที่มีกลิ่นอายของความรักในรั้วสถานศึกษาที่เขาปลุกกระแสขึ้นมา ส่งผลต่อทั้งในและนอกวงการเป็นอย่างมาก ผลงานเพลงที่มีไม่ขาดนั้นยิ่งทำให้เขาได้รับเกียรติและชื่อเสียงสูงส่ง
หากลู่เฉินพลาดท่าในงานเทศกาลดนตรี 72H คงทำให้ใครหลายคนต้องผิดหวัง
แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้ทุกคนผิดหวัง “มีครับ ผมเตรียมเพลงใหม่มาสองเพลง นำมาร้องที่นี่เป็นครั้งแรกทั้งสองเพลง!”
สาวผมเปียหางม้ายิ้ม “ดีจังเลยค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ชมผลงานใหม่ของคุณนะคะ แล้วปีนี้วางแผนจะออกอัลบั้มใหม่อีกไหมคะ”
ลู่เฉินตอบตามตรงว่า “ปีนี้ผมต้องมีอัลบั้มส่วนตัวชุดที่สองแน่นอนครับ!”
นี่เป็นเรื่องที่ตายตัว รอแค่การตกแต่งสตูดิโอใหม่ในศูนย์ศิลปะยุคใหม่เสร็จสมบูรณ์ ห้องอัดใช้การได้ เขาก็จะเริ่มทำอัลบั้มที่สอง
ไม่ว่าเขาจะไปถ่ายละคร ถ่ายภาพยนตร์ หรือทำงานอย่างอื่น เรื่องเพลงจะเป็นรากฐานที่เขายึดมั่นเอาไว้เสมอ!
“ลู่เฉิน!” “คุณลู่เฉิน!” “อาจารย์ลู่เฉิน!”
ลู่เฉินเพิ่งจะตอบคำถามสาวผมเปียหางม้าได้สองคำถาม จู่ๆ ก็มีนักข่าวหกเจ็ดคนวิ่งกรูกันเข้ามา พวกเขาล้วนมีช่างภาพติดตามมาด้วย ยืนล้อมลู่เฉินเอาไว้จนมิด ไมโครโฟนและเครื่องบันทึกเสียงหลายตัวจ่อเข้ามาใกล้ปากเขา
นักข่าวที่มาสัมภาษณ์ในงานเทศกาลดนตรี 72H ไม่ได้มีแค่สาวผมเปียหางม้าจากเว็บไซต์เฉาหลิว สื่อที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงล้วนส่งนักข่าวมา เพื่อขุดคุ้ยหาข่าวจากในพื้นที่
เมื่อสาวผมเปียหางม้าสัมภาษณ์ลู่เฉินก็ดึงดูดความสนใจของพวกเขาทันที เหมือนกับผึ้งที่ได้กลิ่นน้ำผึ้งก็รีบบินเข้ามา ภายในชั่วพริบตาลู่เฉินถูกคนสิบยี่สิบกว่าคนล้อมไว้จนไปไหนไม่ได้
หลี่เฟยอวี่เห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาขวางอยู่หน้าตัวลู่เฉิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเข้ามาช่วยคุ้มกัน
แต่ขัดขวางความร้อนแรงของพวกนักข่าวเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขาร้องตะโกน ถามคำถามลู่เฉินมากมาย
สุดท้ายสาวน้อยผมเปียหางม้าที่ได้โอกาสเป็นคนแรกกลับถูกเบียดออกมาจากกลุ่มเพราะเธอตัวเล็ก เธอโกรธจนกระทืบเท้าหลายครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…แย่งข่าว ต้องแย่งให้สุดชีวิต!
โดยเฉพาะการสัมภาษณ์คนที่กำลังเป็นประเด็นร้อน การยึดครองพื้นที่สัมภาษณ์นั้นมีความสำคัญมาก เทียบกับเว็บไซต์เฟยซวิ่น นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลีที่มีนักข่าวมือฉมัง สาวผมเปียหางม้ายังอ่อนหัดนัก
เธอกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด ความจริงมีคนที่ไม่ชอบใจมากกว่าเธอเสียอีก
“เหอะๆ จีบราชินีแห่งวงการเพลงติดนี่สุดยอดไปเลยงั้นสิ…”
ทางด้านตะวันออกของเวทีในงานเทศกาลดนตรี บนพื้นหญ้าที่ห่างออกไปจากหลังเวทีไม่ไกล มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ใช้เทปกั้นเขตกั้นเอาไว้ ในนั้นมีเต็นท์วางอยู่เป็นร้อยหลัง ช่องว่างระหว่างแต่ละเต็นท์ มีนักร้องนั่งกอดกีตาร์อยู่เป็นกลุ่มๆ
พื้นที่โซนนี้มีไว้สำหรับนักร้องและวงดนตรีที่มาร่วมงานจากภายนอกโดยเฉพาะ ด้านหนึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของพวกเขา อีกด้านใช้เป็นสถานที่ให้พวกเขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นจะเห็นนักร้องสองสามคนหรือนักร้องกลุ่มใหญ่นั่งล้อมวงพูดคุยกัน ดื่มสุราเล่นดนตรีด้วยกัน
ใกล้ๆ กันนั้น เป็นจุดที่ลู่เฉินถูกกลุ่มนักข่าวรุมสัมภาษณ์ สายตาของนักร้องมากมายจึงได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางคนละสายตาเลิกสนใจ กลับสู่ห้วงภวังค์ในโลกแห่งดนตรีของตัวเองตามเดิม บางคนเห็นแล้วมองอย่างสงสัยหรือไม่ก็อิจฉา บางคนแสดงท่าทีดูถูกยิ่งกว่านั้นคือสบประมาท
ในนั้นมีกลุ่มหนึ่งที่มีนักร้องประมาณยี่สิบกว่าคน ต่างมองมาทางลู่เฉิน ชายหนุ่มผอมสูงผมยาวผิวคล้ำคนหนึ่งยิ้มเยาะ “บนโลกนี้ต้องดูหน้าคนด้วย!”
คำพูดของเขาได้รับความเห็นชอบจากคนข้างๆ “นั่นน่ะสิ เกิดมาหล่อก็ได้เปรียบ ใครใช้ให้เราไม่ได้เกิดมาหน้าตาดีเล่า ต้องสู้เอาเองทั้งนั้นแหละ!”
“หึ ถ้าเรื่องความสามารถ เขาจะสู้พี่กังจื่อของพวกเราได้เหรอ เพลงบัลลาดอ่อนนุ่มพวกนั้นกิ๊กก๊อกจะตาย นักร้องตัวจริงน่ะต้องร้องร็อกสิ!”
“น่าเสียดายแฟนคลับตอนนี้ชอบดูแต่หน้าตา บริษัทบันเทิงดึงแต่พวกหนุ่มเนื้ออ่อนมาเซ็นสัญญา”
“ฮ่าๆ พวกเราน่ะเป็นเนื้อตากแห้งไปแล้ว!”
“การแสดงคืนนี้ พี่กังจื่อแสดงฝีมือหน่อย ข่มพวกนั้นเลย!”
“ตอนที่พี่กังจื่อดังนั้น…”
‘พี่กังจื่อ’ ที่พวกเขาเรียก คือนักร้องนำของวงเวนส์เดย์ที่ชื่อสือกัง
วงเวนส์เดย์ตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษใหม่ มีสมาชิกทั้งหมดห้าคน เป็นวงร็อกแรกเริ่ม
วงนี้โด่งดังในเทศกาลดนตรี 72H ตอนนั้นเพลง ‘บทกวีแห่งโลก’ ที่สือกังรังสรรค์ขึ้นและนำมาออกแสดงในเทศกาลดนตรีทำให้วงการต้องสั่นสะเทือนไปช่วงหนึ่ง ถูกเรียกว่าเป็นผลงานที่โจมตีวงการเพลงร็อกของประเทศ
วงเวนส์เดย์จึงได้เซ็นสัญญากับเป่าสือเรคคอร์ด ออกอัลบั้มที่ขายดีอยู่สองอัลบั้ม แนวเพลงเปลี่ยนจากเพลงร็อกบริสุทธิ์ไปเป็นเพลงร็อกบริสุทธิ์ผสมซอฟต์ร็อก ผสมผสานองค์ประกอบทางดนตรีที่มากขึ้น
ทว่าวงนี้ไม่ได้โด่งดังนานนัก ผลงานชิ้นหลังๆ ขาดจุดเด่น ทั้งยังเกิดความขัดแย้งกับทางเป่าสือเรคคอร์ดด้วย หลังหลุดจากสัญญาแล้วสือกังพาสมาชิกไปเติบโตทางภาคใต้แทน
แต่เทศกาลดนตรี 72H ที่จัดขึ้นทุกครั้ง ขอแค่วงเวนส์เดย์ได้รับบัตรเชิญก็จะมาร่วมงาน
ในปีนี้ สือกังกับวงเวนส์เดย์ได้เตรียมผลงานเพลงมาอย่างตั้งอกตั้งใจ
……………………………………