ตอนที่ 329 ฮือฮา
การเจรจากับเอสพีจีได้ข้อสรุปแล้ว ส่วนเรื่องการเซ็นสัญญา ลู่เฉินจำเป็นต้องออกหน้าด้วยตัวเอง
บวกกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็มีงานที่ต้องทำให้สำเร็จ ดังนั้นช่วงเวลาที่แสนหวานสำหรับทั้งสองคนจึงถูกกำหนดให้มีเพียงชั่วคราว
ตอนบ่ายคือการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ
เดิมทีลู่ซีก็ถกเถียงกับทางเอสพีจีมาตลอด ต่างฝ่ายต่างยืนหยัดในเส้นขีดจำกัดของตัวเอง ความคิดที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองฝ่ายห่างกันมาก แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุ
เพราะว่าบริษัทเคจีเอนเตอร์เทนเมนต์ก็เข้ามาติดต่อกับสตูดิโอลู่เฉินเหมือนกัน
เคจีและเอสพีจี ล้วนเป็นบริษัทเอเจนซี่บันเทิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเกาหลีใต้ ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายสูสีพอๆ กัน มีดาราศิลปินจำนวนมากอยู่ภายใต้สังกัด และยังมีสำนักงานประจำอยู่ที่ปักกิ่งอีกด้วย
เนื่องจากมีตำแหน่งและธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน การแข่งขันของทั้งสองฝ่ายจึงดุเดือดมาตลอด ทางด้านเคจีจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาขอซื้อละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จึงกระตุ้นความระมัดระวังของเอสพีจีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เดิมทีเอสพีจีอาจจะไม่ค่อยสนใจละครเรื่องนี้มากนัก แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะพิจารณาจากด้านไหน ปาร์คชงโฮจะไม่ยอมให้เคจีแย่งลูกท้อไปได้เด็ดขาด
นี่คือการตบหน้ากันชัดๆ!
เพราะฉะนั้นท่าทีของปาร์คชงโฮจึงอ่อนลง ไม่ยืนหยัดที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในการถ่ายทำละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินอีก
นี่คือความเห็นต่างที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองฝ่าย
คนเกาหลีกับคนญี่ปุ่นเหมือนกัน มีความคิดตามแบบฉบับของประเทศที่เป็นเกาะ รายละเอียดเล็กๆ ทำได้ดีมาก คิดเล็กคิดน้อยเกินเหตุและชอบวางแผน แต่ขาดการมองสถานการณ์โดยรวมและความคิดเชิงกลยุทธ์
เอสพีจีไม่รู้สึกว่าหลังจากซื้อละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เข้าเกาหลีแล้ว จะนำผลประโยชน์มากมายมาให้พวกเขาได้ แค่อยากใช้กระดานกระโดดนี้ ก้าวเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ในประเทศจีนที่กำลังเฟื่องฟูมากยิ่งขึ้นทุกวัน
สตูดิโอลู่เฉินที่ไม่มีเบื้องหลังสนับสนุนที่แข็งแกร่ง จึงเป็นหุ้นส่วนที่ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เอสพีจีโลภเกินไป
หากพูดว่าตอนแรกที่ถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินยังไม่เป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ อยากจะหาหุ้นส่วนสักคนก็เจอแต่กำแพง ต้องอาศัยความเป็นที่นิยมของเฉินเฟยเอ๋อร์เพื่อช่วยโปรโมตอย่างช่วยไม่ได้
เช่นนั้นตอนนี้เขาไม่ต้องปล่อยข่าวออกไปโดยเฉพาะ คนมากมายต่างก็โบกเงินกระดาษมาขอร่วมงานด้วย
เนื่องจากละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้สร้างปาฏิหาริย์ด้านเรตติ้ง ละครใหม่ของลู่เฉินจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะขาดทุน
ประมาณว่าเงินลงทุนสามารถทำกำไรได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครบ้างไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วม
สำหรับสตูดิโอลู่เฉิน กำไรส่วนนี้จะปล่อยออกไปง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้จะให้คนอื่นเข้ามามีส่วนแบ่ง อย่างน้อยก็ต้องรักษาผลประโยชน์ที่มากกว่าเอาไว้ก่อน
ความคิดของคนเกาหลีตลกสิ้นดี
ตอนนี้จู่ๆ ก็มีอีกบริษัทหนึ่งโผล่เข้ามา ท้ายที่สุดปาร์คชงโฮจึงรู้ตัวว่าเบี้ยของตัวเองน้อยเกินไป ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา กลับมาเจรจากับลู่ซีใหม่อย่างรวดเร็วและฉับไว
เดิมทียืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของสตูดิโอ เพื่อรอดูการต่อสู้ของเอสพีจีกับเคจีคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่การคาดหวังให้บริษัทเอเจนซี่บันเทิงขนาดใหญ่ทั้งสองของเกาหลีทำศึกห้ำกั่นกันจนดวงตาแดงก่ำ นั่นคือความคิดที่ไร้เดียงสามาก…พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น!
ดังนั้นหลังจากชั่งใจทางได้ทางเสียแล้ว และเห็นความจริงใจของเอสพีจีอย่างแท้จริง ลู่ซีจึงไม่ใช้วิธีประวิงเวลาต่อไป ตกลงสัญญาสุดท้ายกับปาร์คชงโฮจนแล้วเสร็จ
เรื่องนี้ยืดเยื้อนานเกินไปก็ไม่เป็นผลดีต่อสตูดิโอลู่เฉิน เพราะงานสำคัญขั้นต่อไปของสตูดิโอคือการผลิตละครเรื่องใหม่ สาเหตุหลักที่ส่งเสริมละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไปที่เกาหลีก็เพราะจำเป็นต้องเพิ่มตำแหน่งในวงการและความนิยม
หนึ่งพันล้านวอน แปลงเป็นเงินหยวนแล้วก็แค่ห้าล้านหกแสนหยวนเท่านั้น
นอกจากนี้ ทางเอสพีจีก็ยังตกลงซื้อละครเรื่องใหม่ของลู่เฉินไปออกอากาศที่ประเทศเกาหลีพร้อมกันอีกด้วย เพื่อเป็นการตอบแทน ละครเรื่องใหม่จะมีศิลปินชาวจีนที่อยู่ในสังกัดของเอสพีจีร่วมแสดงด้วย
การ่วมงานกันแบบนี้มีประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย สตูดิโอลู่เฉินสามารถเข้าสู่ตลาดของประเทศเกาหลีสมความปรารถนา เอสพีจีเองก็บรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ของประเทศจีนเช่นกัน ถ้าหากศิลปินที่เซ็นสัญญาโด่งดังขึ้นมาจากละครเรื่องใหม่นี้ ผลประโยชน์ที่อยู่ในนั้นก็มหาศาลมาก
เวลาบ่ายสองโมง ที่สำนักงานเอสพีจีประจำปักกิ่ง ลู่เฉินกับปาร์คชงโฮได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ
กำลังของเอสพีจียิ่งใหญ่มาก สามารถเชิญที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำกรุงปักกิ่งมาร่วมพิธีได้ นอกจากนี้ยังมีนักข่าวจากสื่อต่างๆ ในปักกิ่งอีกหลายคน ทำให้พิธีเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการที่เรียบง่ายนี้กลายเป็นความยิ่งใหญ่
หลังจากเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการแล้ว ลู่เฉินก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ตอบคำถามที่เกี่ยวข้องบางส่วน
ตอนบ่ายวันเดียวกัน บัญชีทางการของสตูดิโอลู่เฉินก็ประกาศข่าว
ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เข้าสู่ประเทศเกาหลีแล้ว ราคาตกลงซื้อขายลิขสิทธิ์สูงถึงหนึ่งพันล้านวอน!
และภายในบล็อกยังมีรูปภาพอีกมากมาย มีรูปภาพของลู่เฉินกับปาร์คชงโฮ แล้วก็ที่ปรึกษาทางวัฒนธรรมของสถานทูตเกาหลีจับมือกัน รวมทั้งภาพที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อ
พอประกาศข่าวนี้ออกไป ก็เกิดความฮือฮาทั้งในและนอกวงการไม่น้อย
ตอนนี้ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้ถอดออกจากเฟยซวิ่นวิดีโอแล้ว แต่การออกอากาศซ้ำในสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงยังคงอึกทึกครึกโครมเหมือนเดิม ตอนที่เรตติ้งโดยรวมไม่น้อยกว่าสองจุดห้าเปอร์เซ็นต์นั้น แสดงความน่าดึงดูดออกมาเป็นอย่างมาก
การออกอากาศในอินเทอร์เน็ตกับการออกอากาศในโทรทัศน์สองครั้ง สามารถสร้างหน้าเว็บทางการของแฟนละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิกมากกว่าหนึ่งล้านคน หัวข้อที่เกี่ยวข้องถูกกล่าวถึงด้วยบรรยากาศคึกคักและกระตือรือร้น
ดังนั้นตอนที่พวกแฟนคลับรู้ว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กำลังจะออกอากาศที่ประเทศเกาหลี จึงตื่นเต้นดีใจมาก แต่ละคนเชิดหน้าชูตาอย่างภาคภูมิใจ!
นานมาแล้ว ละครและรายการวาไรตี้ของญี่ปุ่นและเกาหลีถูกซื้อเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะละครเกาหลี ที่เป็นหนึ่งในตัวแทนของคลื่นเกาหลีมาตลอด ละครในประเทศจีนจึงได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะละครไอดอล
แม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดีขึ้น ผู้ชมละครโทรทัศน์ในประเทศเริ่มเบื่อหน่ายละครไอดอลไปอย่างช้าๆ แต่เรตติ้งของละครเกาหลีก็ยังดีเหมือนเดิม
เมื่อเทียบกันแล้ว ละครของประเทศจีนที่เข้าไปตีตลาดที่ญี่ปุ่นและเกาหลีกลับมีน้อยมากจนสามารถนับนิ้วได้ หลักๆ คือละครอิงประวัติศาสตร์และละครดัดแปลงจากนิยายดัง ละครแนวรักคนเมืองอย่าง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สามารถเข้าสู่ตลาดของเกาหลีได้ คือผลงานที่ล้ำค่าและหายาก
นอกจากนี้ถึงแม้จะเข้าไปยากแล้ว เรตติ้งก็แย่จนทนดูไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าต้องการสร้างกระแสเท่านั้น
ความสำเร็จของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ คือแสงสว่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย!
ราคาหนึ่งพันล้านวอนไม่ถือว่าสูงมาก แต่ก็สร้างสถิติใหม่ของละครส่งออกในประเภทเดียวกัน นอกจากนี้พวกแฟนละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็มั่นใจมาก คิดว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะได้รับความสำเร็จในเกาหลีอย่างแน่นอน
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแฟนละครเรื่องนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะประสบความสำเร็จ ในบล็อกล่างฉาวมีบางคนสงสัยว่าสตูดิโอลู่เฉินกับเอสพีจีช่วยกันสร้างกระแส จำนวนเงินที่ตกลงซื้อขายถูกเสริมแต่งอย่างร้ายแรง
และก็มีบางคนมองละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่เดินทางไปเกาหลีในแง่ร้าย คิดว่ามันก็เหมือนกับละครในประเทศเรื่องอื่นที่ล้มเหลวชนิดสาหัสสากรรจ์
คนที่สงสัยเหล่านี้มีบัญชีวีไอพีทั้งเล็กและใหญ่
หลังจากลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ประกาศว่าคบกันแล้ว ก็เกิดเสียงที่ไม่เห็นด้วยมากมายในอินเทอร์เน็ต ช่วงนี้ลู่เฉินอาจจะประสบความสำเร็จจนออกนอกหน้าเกินไป จึงมีคนเห็นแล้วขัดตาอยู่เสมอ
ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เคลื่อนทัพเข้าสู่ตลาดจอแก้วของประเทศเกาหลี จึงกลายเป็นโอกาสโจมตีที่ดีของคนพวกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
…………………………………………………………………………