ตอนที่ 354 คืนโรแมนติก
ฮู่ไห่ หาดไว่ทัน
เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับม่านดำสนิทเหมือนหมึกข้น มืดมิดยากที่จะกระจายออกไป สายลมยามค่ำคืนที่ทรงพลังพัดฝุ่นละอองและหมอกมืดบนท้องฟ้าที่ปกคลุมเมืองแห่งนี้ให้แตกซ่าน ปรากฏดวงดาวอันดารดาษไปทั่วท้องฟ้ากะพริบแสงสุกสกาว
ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงไฟยาวเป็นทิวแถวขยายไปตามริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ แสงไฟสวยพร่างพรายขับดุนหอไข่มุกให้สว่างพร่างพราว เรือที่แล่นอยู่บนแม่น้ำดุจดังเส้นไหมบนผ้าทอ เสียงหวูดเรือกลไฟดังอยู่ไกลๆ ริมฝั่งมากมายไปด้วยสิ่งปลูกสร้างของบรรดาประเทศต่างๆ อย่างศิลปะกอทิก ศิลปะโรมาเนสก์ ศิลปะบารอก ศิลปะผสมระหว่างตะวันตกกับจีน เป็นต้น ปลดปล่อยเสน่ห์ของเมืองที่ไม่เคยหลับแห่งนี้ออกมาอย่างเต็มที่ในยามราตรี
ร้านเพชรจินฮุยห่างจากเดอะบันด์พลาซ่าสองสามร้อยเมตรเพิ่งจะส่งลูกค้าสองสามคนสุดท้ายออกไป และเตรียมตัวจะปิดร้าน
พวกพนักงานของร้านที่ยืนมานานครึ่งค่อนวันจึงโล่งใจในที่สุด พูดคุยหัวเราะสนุกสนานระหว่างเก็บงานช่วงสุดท้าย สำหรับพวกเธอ งานที่ยุ่งมาทั้งวันได้ผ่านไปแล้ว
ทว่าในเวลานี้ มีคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งจูงมือกันมาปรากฏตัวที่หน้าร้าน
พนักงานสองสามคนอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าขมขื่นออกมา พวกเธอเกลียดที่สุดก็คือลูกค้ามาตอนที่ใกล้จะปิดร้านทำให้ต้องขยายเวลาปิดร้านออกไปอย่างช่วยไม่ได้ และทุกคนไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องก็ต้องอยู่ในร้าน นอกจากนี้ยังจะให้ลูกค้าคิดว่ากำลังจะปิดร้านไม่ได้อีกด้วย
อันที่จริง คนที่มาเหยียบที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างเมืองที่เข้ามาดูความคึกคัก มักจะขายไม่ได้
แต่ถึงแม้ในใจจะไม่ชอบ พวกเธอก็ยังต้องเผยรอยยิ้มมืออาชีพออกมา เอ่ยพูดอย่างอ่อนหวาน “ยินดีต้อนรับค่ะ!”
นี่คือกฎของบริษัท ไม่ว่าลูกค้าจะมาตอนไหน หรือว่าเป็นลูกค้าแบบไหน ขอเพียงประตูร้านยังเปิดอยู่ก็ต้องต้อนรับด้วยใจ แม้ว่าอีกฝ่ายไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนมีเงินที่อยากจะซื้อเครื่องประดับใดๆ ในร้านก็ตาม
พนักงานแนะนำเลือกซื้อเครื่องประดับคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับและทักทาย ในขณะที่โค้งตัวคำนับก็ยิ้มเล็กน้อยและถามว่า “สวัสดีตอนค่ำค่ะทั้งสองท่าน ยินดีต้อนรับสู่ร้านเพชรจินฮุยของพวกเรา ร้านของพวกเราเพิ่งจะมีสินค้าชุดใหม่เข้ามา ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์มีชื่อเสียงในยุโรป ใช้วัสดุประณีตละเอียดอ่อน ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านจะดูไหมคะ”
เธอพูดอย่างมีทักษะมากจริงๆ บอกให้ทราบถึงระดับร้านเพชรของตัวเองโดยนัย
ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคู่รักที่มาดูความแปลกใหม่เท่านั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะออกไปอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นก็จะไม่เสียเวลา
แต่ลูกค้าที่มีกำลังจริงๆ ก็จะไม่รู้สึกว่าถูกล่วงเกิน
ขณะที่พนักงานแนะนำเลือกซื้อเครื่องประดับคนนี้ถาม ก็แอบพึมพำในใจ เพราะคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้มีความพิเศษมาก ผู้ชายตัวสูงใหญ่สวมแว่นตากันแดด ผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวสวมผ้าปิดปาก ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้
แต่ยามที่เธอมองทั้งสองคนก็รู้สึกคุ้นหน้ามาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
สิ่งนี้ทำให้พนักงานแนะนำสินค้ายิ่งระวังขึ้นมา เพิ่มรอยยิ้มที่จริงใจมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มยิ้มพลางเอ่ยว่า “งั้นก็ดูหน่อยแล้วกัน พวกคุณใกล้จะปิดร้านแล้วใช่ไหมครับ”
พนักงานแนะนำสินค้ารีบพูดทันที “ยังค่ะ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงเชิญตามฉันมาค่ะ ไม่ทราบว่าพวกคุณอยากจะดูอะไรคะ แหวน สร้อยคอ กำไล หรือว่าอย่างอื่นคะ”
ชายหนุ่มกล่าวว่า “ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็ดูทั้งหมดเลยครับ…”
ขณะที่พูด เขาก็ถอดแว่นตากันแดดของตัวเองออก
“อ๋า!”
ข้างๆ พลันเกิดเสียงตกใจขึ้นเล็กน้อย
พนักงานแนะนำสินค้าที่เดินอยู่ข้างหน้าจึงอดหันหน้าไปมองไม่ได้ เห็นเพียงเคาน์เตอร์ด้านหลังที่อยู่ใกล้ๆ มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง เธอหน้าแดงก่ำ เหมือนกับเห็นโลกใบใหม่ ในดวงตาเผยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจออกมา
พนักงานแนะนำสินค้าจึงกลอกตาใส่เธอ รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องซวยแน่ๆ
กฎของร้านเพชรจินฮุยเข้มงวดมาก การเอะอะโวยวายต่อหน้าลูกค้าเหมือนอย่างเธอ จะต้องถูกหักเงินเดือน
หัวหน้าร้านมองอยู่นะ!
และในไม่ช้าเธอก็พบว่า เพื่อนร่วมงานสองสามคนทางฝั่งนี้ ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นที่คล้ายๆ กันออกมา
พนักงานแนะนำสินค้าหมุนตัวกลับมาอย่างอดใจไม่ได้ จากนั้นจึงเห็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอคนนั้นถอดแว่นตากันแดดออกแล้ว
“ลู่เฉิน!”
เธออดอุทานเบาๆ ไม่ได้!
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ คือลู่เฉินพระเอก ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ใช่หรือ
พนักงานแนะนำสินค้าคนนี้มั่นใจว่าตัวเองมองไม่ผิด เพราะละครเรื่องนี้เธอดูสามรอบแล้ว ดูทุกครั้งก็ร้องไห้ทุกครั้ง จึงคุ้นเคยกับพระเอกนางเอกเป็นอย่างมาก
นี่คือลู่เฉินร้อยเปอร์เซ็นต์!
ส่วนหญิงสาวที่เขาจูงมืออยู่ ไม่ใช่เฉินเฟยเอ๋อร์แล้วยังจะมีใคร
ถ้าหากไม่ใช่เฉินเฟยเอ๋อร์ เช่นนั้นคงเป็นข่าวใหญ่แน่นอน!
พนักงานแนะนำสินค้าก็งงงันไปเช่นกัน
เธอเคยเห็นลูกค้ามากมายหลายหลาก แต่ได้สัมผัสไอดอลที่ตัวเองชอบที่สุดในระยะใกล้เช่นนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ เธอจึงทำตัวไม่ถูกอย่างสิ้นเชิง
โชคดีที่หัวหน้าร้านเข้ามาพอดี ช่วยรับหน้าที่แนะนำสินค้าต่อจากเธอ
ขณะเดียวกันหัวหน้าร้านผู้มีประสบการณ์คับคั่งก็สั่งให้พวกพนักงานปิดร้าน ด้านหนึ่งเพราะถึงเวลาปิดร้านแล้วอีกด้านหนึ่งเพื่อต้อนรับลูกค้ากิตติมศักดิ์อย่างยิ่งใหญ่
กำลังในการซื้อของทั้งสองคนนี้ ไม่เป็นที่สงสัยอย่างแน่นอน!
ลู่เฉินจูงมือเฉินเฟยเอ๋อร์มานั่งลงตรงหน้าเคาน์เตอร์เครื่องประดับ
คืนนี้เขาได้ร่วมงานแฟนมีตติ้งของเฉินเฟยเอ๋อร์ และเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เธออย่างยิ่งใหญ่
แต่เขายังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดที่แท้จริง ลู่เฉินไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มากนัก จึงไม่รู้ว่าต้องซื้ออะไรให้เฉินเฟยเอ๋อร์ถึงจะดี เพราะคนหลังแทบจะไม่ขาดเหลืออะไรด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อคิดไปคิดมาแล้วเขาจึงยังไม่ซื้อก่อน รอให้จบงานแฟนมีตติ้งแล้วค่อยพาเฉินเฟยเอ๋อร์ออกมา ในขณะที่ใช้ชีวิตหวานชื่นในโลกที่มีแต่เราสองแล้ว ก็อยากให้เธอเลือกของที่ชอบด้วยตัวเอง
ทั้งสองคนเดินเล่นที่หาดไว่ทันครึ่งชั่วโมงกว่า แล้วจึงเดินเข้ามาในร้านเพชรที่ดูอลังการแห่งนี้
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ขาดเครื่องประดับเพชรพลอยอยู่แล้ว แต่ลู่เฉินอยากจะมอบของขวัญวันเกิดให้เธอ เช่นนั้นจึงเป็นคนละเรื่อง อันที่จริงหลังจากที่ลู่เฉินปรากฏตัวที่เหมยข่าตี้เซ็นเตอร์ ในใจของเธอรู้สึกหวานฉ่ำ เต็มไปด้วยความสุขตลอดเวลา
แม้แต่ไอคิวและอีคิวก็ต่ำลงไปมาก
อย่าว่าแต่ซื้อเครื่องประดับเลย ต่อให้ซื้อน้ำซุปหมาล่าราคาสิบหยวนให้เธอ เธอก็รู้สึกพอใจไม่มีอะไรเทียบได้เช่นเคย!
หัวหน้าร้านสั่งให้คนนำเครื่องประดับที่ดีที่สุดออกมาจากในตู้เซฟ
สินค้าคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุด ราคาแพงที่สุดในร้านเพชรขนาดใหญ่ ไม่เคยนำมาวางในเคาน์เตอร์อยู่แล้ว มีเพียงตอนที่เจอลูกค้าที่พิเศษเฉพาะเท่านั้นถึงจะหยิบออกมา
กล่องเครื่องประดับไม้จันทน์หอมเคลือบผ้ากำมะหยี่สามใบวางโชว์อยู่บนเคาน์เตอร์ ดึงดูดสายตาของเฉินเฟยเอ๋อร์ทันที
ผู้หญิงไร้ซึ่งแรงต้านทานต่อเครื่องประดับเสมอ ต่อให้เป็นเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ตาม
เครื่องประดับเหล่านี้เป็นสินค้าอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือสไตล์ล้วนโดดเด่น แม้แต่ลู่เฉินที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังใจสั่น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอ
เหมือนดั่งราชินี เพียงแค่อึดใจเดียวเฉินเฟยเอ๋อร์สวมเครื่องประดับสิบกว่าชิ้น มีทั้งสร้อยคอ กำไล เข็มกลัด และต่างหู ดูเหมือนเธอจะชอบมาก
ถึงตอนท้ายเธอเหลือไว้แค่สร้อยคอเพชรชมพูหนึ่งเส้นกับเข็ดกลัดทับทิมหนึ่งชิ้น ยากที่จะเลือก
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “เอาทั้งสองชิ้นเลยสิครับ!”
หัวหน้าร้านพูดอยู่ข้างๆ “ใช่ค่ะๆ เครื่องประดับสองชิ้นนี้เหมาะสมกับคุณมากจริงๆ เพอร์เฟกต์สุดๆ!”
เธอไม่ได้พูดเพราะหวังผลเสียทีเดียว แต่มีความคิดเช่นนี้จริงๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์เกิดมาสวย จึงเหมาะสมกับเครื่องประดับแบบนี้!
จากสายตาของพนักงานคนอื่นที่อยู่ในร้าน ก็สามารถมองออกว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะร้านมีข้อกำหนด เกรงว่าพวกเธอคงจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วบันทึกภาพตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์ลองเครื่องประดับเอาไว้แล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์หันหน้าเข้าหากระจกมองซ้ายแลขวา แล้วจึงถอดสร้อยคอเพชรชมพูออก “เอาเข็มกลัดอันนี้ค่ะ!”
หัวหน้าร้านแอบถอนหายใจ เธอรู้สึกว่าสร้อยเส้นนี้เหมาะสมกับเฉินเฟยเอ๋อร์มากที่สุด และราคาของสร้อยยังมากกว่าเข็มกลัดถึงสิบเท่า การค้ารายใหญ่ล้มเหลวเสียแล้ว
เธอมองออกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ชอบจริงๆ เพียงแต่ไม่อยากให้ลู่เฉินต้องเปลืองเงินเยอะเกินไป
ความรักระหว่างซูเปอร์สตาร์ดังสองคนนี้ หัวหน้าร้านรู้สึกอิจฉาจริงๆ
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยว่า “คุณชอบก็พอครับ งั้นก็ซื้อเข็มกลัดอันนี้แหละนะ ผมจะไปจ่ายเงิน”
เขาส่งสายตาให้หัวหน้าร้าน
หัวหน้าร้านตกตะลึง แล้วจึงเข้าใจในทันที รีบยิ้มเอ่ยว่า “โอเคค่ะ เชิญคุณตามฉันมาทางนี้ค่ะ”
ซื้อของขวัญวันเกิดแล้ว ลู่เฉินจึงตามเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปที่โรงแรม
พอถึงห้องก็ปิดประตู ทั้งสองคนสวมกอดกันอย่างอดใจไม่ไหว ไฟรักลุกโชนขึ้นมาในหัวใจ ใกล้จะควบคุมไม่ได้แล้ว
ลู่เฉินพยายามอดกลั้นความรักที่อยู่ในใจ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “คุณหลับตาก่อน…”
“อืม!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ขานรับอย่างเชื่อฟัง เงยหน้าหลับตา เหมือนกับหญิงสาวที่เพิ่งมีความรักครั้งแรกกำลังรอคอยอย่างเขินอาย
จากนั้นกลับไม่ใช่จูบอันเร่าร้อนของลู่เฉินที่เธอรอคอย แต่รู้สึกเหมือนมีวัตถุที่หนักชิ้นหนึ่งอยู่บนลำคอ
เฉินเฟยเอ๋อร์จึงอดลืมตาไม่ได้ ก้มหน้าดูแล้วจึงเห็นสร้อยคอที่อยู่บนคอของตัวเอง
นี่คือสร้อยเพชรชมพูที่เธอยอมสละเส้นนั้น!
“โอ้!”
เฉินเฟยเอ๋อร์อดส่งเสียงหวานออกมาไม่ได้ “นายซื้อมันมาได้ยังไง”
สร้อยเพชรชมพูเส้นนี้ราคาที่ตั้งไว้ในร้านเพชรคือสองล้านกว่าหยวน ต่อให้ลดราคาแล้วก็ยังไม่น้อยกว่าสองล้านหยวนอยู่ดี
ถึงแม้จะชอบมาก แต่ในฐานะของขวัญวันเกิด มันจะดูโอเวอร์เกินไปหน่อย เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่อยากให้ลู่เฉินคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงโลภมาก ดังนั้นจึงเลือกเข็มกลัดทับทิมราคาแสนกว่าหยวนชิ้นนั้น
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะซื้อสร้อยเส้นนี้
มิน่าตอนที่เขาไปจ่ายเงิน ถึงได้ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ
แล้วก็ยังมีหัวหน้าร้าน ตอนที่ออกมาส่งทั้งสองคน ก็ยังทำสีหน้าแปลกๆ
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
ลู่เฉินจูบปลายจมูกของเธอ แล้วยิ้มพลางพูดว่า “เพราะว่าคุณชอบ ขอแค่คุณชอบ และผมก็มีเงิน ต่อให้ต้องซื้อโลกทั้งใบให้คุณก็ไม่มีปัญหา!”
ถ้าหากได้ยินคำพูดหวานเลี่ยนแบบนี้จากคนอื่น ไม่แน่เฉินเฟยเอ๋อร์อาจจะขนลุกทั่วทั้งตัว
แต่พอได้ยินออกมาจากปากของลู่เฉิน เธอรู้สึกถึงความหวาน และความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น
เธออดไม่ได้ที่จะเขย่งปลายเท้า เป็นฝ่ายส่งจูบให้เขาก่อน แล้วกระซิบพูดพึมพำที่ข้างหูของลู่เฉิน “ฉันอยากได้นาย…”
ลู่เฉินมีหรือจะอดใจไหว รีบโน้มตัวอุ้มเธอขึ้นมา แล้วเดินพุ่งไปที่ห้องนอน
เฉินเฟยเอ๋อร์โอบคอของลู่เฉิน หัวเราะคิกคักพลางเอ่ยว่า “อาบน้ำก่อนนะ!”
ลู่เฉินสายตาลุกเป็นไฟทั้งสองข้าง กัดฟันแล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวค่อยอาบด้วยกัน!”
วินาทีต่อมา เขาจึงอุ้มเฉิยเฟยเอ๋อร์ไปวางบนเตียงนอนขนาดใหญ่ ทาบทับร่างกายของสาวงามคนนี้อย่างหนัก ทำเอาคนหลังร้องครวญครางเป็นระยะ
ค่ำคืนที่โรแมนติกนี้เพิ่งจะเริ่มต้น!
…………………………………………………………………………