ตอนที่ 402 รู้ดีแก่ใจ
“ตอนนี้อยากจะเจอนายสักทีนี่ไม่ง่ายเลย…”
น้ำเสียงอ่อนนุ่มที่แฝงแววเคืองแค้นนิดๆ เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของสาวสวย ทำให้คนแทบจะอดใจไม่ไหว
แต่ลู่เฉินกลับทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ขอโทษครับ ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ”
วันนี้เขาอยู่ที่สตูดิโอของตัวเอง ต้อนรับแขกที่มาเยือนไปแล้วสามท่าน และท่านที่สี่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือผู้จัดการใหญ่ของบริษัทชิงอวี่มีเดีย คุณซูชิงเหมย
ลู่เฉินไม่ได้ตอบแบบขอไปที ตั้งแต่ละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ได้เรตติ้งทะลุ 3% สื่อที่โทรศัพท์เข้ามาขอสัมภาษณ์และที่มาถึงที่เพิ่มขึ้นมาก บริษัทบันเทิงเกี่ยวกับละครและภาพยนตร์รวมทั้งบริษัทเอเจนซี่ต่างหลั่งไหลกันเข้ามา ยังมีนักลงทุนอีกมากมาย
ลู่ซีที่เป็นทั้งผู้จัดการใหญ่ของสตูดิโอและผู้จัดการส่วนตัวของลู่เฉิน โทรศัพท์มือถือทั้งสามเครื่องหมุนเวียนกันใช้ยังไม่พอ แค่การต้อนรับแขกที่มาจากทุกสารทิศก็ไม่ทันแล้ว จึงดึงตัวลู่เฉินมาจากบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระงาน
ซูชิงเหมยติดต่อมาหาลู่เฉินหลายครั้ง ในที่สุดวันนี้ก็จับตัวเขาได้สักที
สภาพจิตใจของผู้จัดการใหญ่บริษัทชิงอวี่มีเดียค่อนข้างซับซ้อน
เมื่อหนึ่งปีกว่าๆ ก่อนหน้านี้ เธอมองดูลู่เฉินด้วยสายตาของคนที่มองลงมาจากเบื้องบน ตอนนั้นลู่เฉินยังเป็นเพียงนักร้องในบาร์เดย์ลิลลี่ ไม่ต่างอะไรจากนักร้องหน้าใหม่ที่ทำงานหนักอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
ผ่านไปเพียงปีเดียว ลู่เฉินในตอนนี้เปลี่ยนไปอยู่ในตำแหน่งที่เธอต้องแหงนหน้ามอง จะเจอกันสักครั้งต้องนัดแล้วนัดอีก สถานภาพของทั้งสองสลับที่กันไปแล้ว
สถานภาพของซูชิงเหมยก็ไม่ได้ตกต่ำขนาดนั้น แต่เมื่อเธอมาหาลู่เฉินย่อมต้องมีเรื่องให้ช่วย
“รู้น่าว่านายงานยุ่ง!”
ซูชิงเหมยปรับอารมณ์ทันที พูดเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อม “บริษัทของเราช่วงนี้ได้เซ็นสัญญากับเด็กใหม่ เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ฉันอยากให้นายช่วยเขียนเพลงให้เธอสักเพลง”
ลู่เฉินรับปากอย่างง่ายดาย “ได้ครับ ทางผมจะหาเวลา แล้วให้เธอมาพบผม”
ในวงการละครและภาพยนตร์ ลู่เฉินที่มีผลงานเพียงสองชิ้นยังไม่นับว่าเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง แต่ในวงการเพลงป็อป เขาเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงดีเด่นได้อย่างภาคภูมิ มีผลงานที่มากพอจะทำให้เพื่อนร่วมวงการคนอื่นถูกบดบังไป
อย่างเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ ที่กำลังออนแอร์อยู่ในตอนนี้ ลู่เฉินก็แต่งเพลงหลักของละครและเพลงประกอบอีกสองเพลง ทั้งยังขึ้นไปติดชาร์ตเพลงฮิตอย่างรวดเร็ว
เขามีความสามารถในด้านเพลงป็อป เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่เคลือบแคลงใจ
ลู่เฉินยังเป็นนักแต่งเพลงที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนหนึ่ง เพลงหนึ่งราคาห้าแสนหยวน เป็นราคาที่เป็นสถิติใหม่ในวงการ และส่งผลกระทบให้ค่าตอบแทนของผู้ร่วมวงการคนอื่นสูงขึ้นเช่นกัน
ต่อให้ราคาสูงจนคนสะดุ้งมากแค่ไหน แต่บริษัทเอเจนซี่หรือแม้แต่ศิลปินนักร้องที่มาขอเพลงจากลู่เฉินก็มีมาไม่ขาดสาย เพราะผลงานของเขาจะต้องขายดี คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน
เพียงแต่ตอนนี้การจะขอให้ลู่เฉินแต่งเพลงให้นั้นไม่ง่ายเลย เขาต้องใช้เวลาประมาณสิบวันในการเขียนเพลงเพลงหนึ่ง ตารางนัดหมายเต็มไปจนถึงปลายปี คนที่อยากแทรกคิวต้องอาศัยเส้นสาย
ซูชิงเหมยมาเพื่อแซงคิว
โชคดีที่ลู่เฉินไว้หน้าเธอ ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย
สตูดิโอของเขากับบริษัทชิงอวี่มีเดียมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ฝ่ายหลังมีนักแสดงใหม่หลายคนที่ร่วมเล่นละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ แม้จะไม่ใช่บทบาทสำคัญ แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน
ส่วนวงเฮสิเทชั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ซูชิงเหมยอารมณ์ดีขึ้นทันที หัวเราะกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องขอบใจมาก คืนนี้ขอให้ฉันเลี้ยงข้าวนายนะ!”
“เอ่อ…”
ลู่เฉินลังเล แล้วปฏิเสธเธออย่างนุ่มนวล “บังเอิญจริงๆ คืนนี้ผมมีนัดแล้ว”
ซูชิงเหมยถามด้วยความอิจฉา “ไปกับคนของนายคนนั้นน่ะเหรอ”
คนของลู่เฉินคนนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ใครเห็นใครก็รัก
ตั้งแต่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ออกมาประกาศว่าคบหาดูใจกันอยู่ ราชินีแห่งวงการเพลงคนนี้ก็ตกอยู่ท่วงทำนองแห่งความรัก มักจะลงรูปในบล็อกเพื่อให้บรรดาหมาโสดอิจฉาตาร้อนอยู่บ่อยๆ
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอเสียงาน ตรงกันข้ามเธอกลับก้าวจากวงการเพลงเข้าสู่วงการละครและภาพยนตร์ ละครทั้งสองเรื่องที่เป็นนักแสดงนำล้วนครองแชมป์เรตติ้ง ความนิยมในตัวเธอเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด ไม่รู้ว่ามีคนในวงการตั้งเท่าไรที่อิจฉาตาร้อน!
ตอนเริ่มต้น ยังมีคนบอกว่าลู่เฉินโชคดีได้เกาะชายกระโปรงราชินีแห่งวงการเพลงกินจนพุงกาง
แต่ตอนนี้ใครจะกล้าพูดแบบนั้นอีก?
บางครั้งซูชิงเหมยยังคิดว่าถ้าตอนที่ลู่เฉินเพิ่งเริ่มลืมตาอ้าปาก แล้วเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วงชิงเขามา ไม่รู้ว่าตอนนี้บริษัทชิงอวี่มีเดียจะเป็นอย่างไร
ความจริงบริษัทเล็กๆ อย่างชิงอวี่มีเดีย เกรงว่าจะไม่อาจรองรับท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้!
ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่าซูชิงเหมยจะมีความคิดซับซ้อนขนาดนี้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับ “ใช่ครับ เอาไว้ครั้งหน้าค่อยไปด้วยกันนะครับ”
ช่วงเวลานี้เฉินเฟยเอ๋อร์ยุ่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก ต้องไปที่ประเทศเกาหลีใต้ จากนั้นยังมีงานพรีเซ็นเตอร์สินค้าในประเทศ ซึ่งเป็นงานที่เซ็นสัญญาไว้แล้วต้องไปเข้าร่วม เพิ่งกลับมาถึงปักกิ่งวันนี้เอง
ดังนั้นการนัดเดตคืนนี้ ลู่เฉินไม่อยากให้คนอื่นรบกวน
“ก็ได้…”
ซูชิงเหมยไม่ใช่คนตอแย ขณะที่เธอเก็บกระเป๋ายังมีความคิดแบบนั้นรบกวนจิตใจ จึงรีบลุกขึ้นกล่าวว่า “ครั้งหน้านายมาที่บาร์เดย์ลิลลี่ดื่มกันสักแก้ว ฉันไม่ได้ไปตั้งนานแล้ว”
ลู่เฉินยิ้ม “ได้ครับ”
เขาออกไปส่งซูชิงเหมยด้วยตัวเอง
หลังจากส่งซูชิงเหมยเสร็จ ลู่เฉินกลับมาที่ออฟฟิศ ก็เห็นลู่ซีนั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง
ในมือของพี่สาวหนีบกระดาษแผ่นหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงตักเตือนว่า “ผู้จัดการซูคนนี้ คิดอะไรกับแกแน่ๆ แกต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้เกิดข่าวเสียหายล่ะ”
ลู่ซีกับซูชิงเหมยเคยพบกันหลายครั้ง แต่พี่สาวไม่มีความรู้สึกที่ดีให้กับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์คนนี้เลย
ลู่เฉินทำหน้าแหย “พี่ พูดไปถึงไหนแล้ว”
เขาจำได้ว่าลู่ซีเคยเตือนเขามาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่คิดว่าจะเตือนอีกเป็นครั้งที่สอง
ซูชิงเหมยคิดอะไรกับเขาจริงเหรอ? ลู่เฉินดูไม่ออก และไม่อยากคิดไปเอง
อีกอย่างเขามีเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่แล้ว ไหนจะงานการอีก
ลู่ซีเบ้ปาก “แกรู้ดีอยู่แก่ใจก็ดี…”
เธอโบกกระดาษในมือไปมา พลางบอกว่า “นี่เป็นรายชื่อสื่อที่นัดจะสัมภาษณ์แกในไม่กี่วันนี้ ยังมีรายการโทรทัศน์แต่ละรายการที่เชิญแก แกจะไปที่ไหนตัดสินใจเอาเองแล้วกัน!”
ลู่เฉินรับมาดู รู้สึกสมองทึบไปหมด…ในนั้นมีแต่ตัวอักษรยุบยับเรียงกันหลายสิบบรรทัด
สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง สถานีโทรทัศน์เจ้อตง สถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่ สถานีโทรทัศน์ไห่จิน เว็บไซต์เฟยซวิ่น เว็บไซต์อี้หว่าง นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี หนังสือพิมพ์วัยรุ่น…
ลู่ซีได้คัดกรองสื่อเจ้าเล็กๆ ออกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจำนวนจะยิ่งมากกว่านี้หลายเท่า
สื่อขนาดใหญ่เหล่านี้ไม่ควรมีปัญหาด้วย แต่ถ้ารับปากทั้งหมด คงจะต้องแยกร่างไป ไม่อย่างนั้นงานอื่นไม่เป็นอันต้องทำกันแล้ว
เห็นลู่เฉินหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพี่สาวอารมณ์ดีใหญ่ “เหอะๆ แกค่อยๆ ดูไปนะ คืนนี้ฉันฝากทักทายเฟยเอ๋อร์ด้วย”
ลู่เฉินพยักหน้าอย่างหมดแรง
…………………………………………