ตอนที่ 404 เรื่องโรแมนติกที่สุด
ในบ้านที่อยู่ในตรอกลึกเก่าๆ แห่งหนึ่ง มีโต๊ะห้าหกตัวกับเก้าอี้หลายสิบตัวตั้งอยู่ เป็นร้านอาหารของอาจารย์เฉิน
โต๊ะที่เคลือบน้ำยาสีเข้มดูเก่าแต่ถูกเช็ดอย่างหมดจด เก้าอี้ก็ไม่ต่างกัน แต่เวลานั่งลงไปโยกเยกเล็กน้อย ทำให้คนนั่งกลัวว่าจะมันจะพังลงมาหรือไม่
ที่นี่เป็นร้านอาหารกลางแจ้งไม่มีเครื่องปรับอากาศ ตรงมุมผนังมีพัดลมตั้งอยู่ ส่ายซ้ายขวาส่งเสียงครางและพ่นลมเย็นๆ ออกมาขับไล่อากาศอันร้อนอบอ้าว
หากเทียบกับภัตตาคารที่ได้มาตรฐาน ที่นี่สภาพแวดล้อมแย่กว่า ทว่าลูกค้าที่แห่แหนเข้ามาไม่ได้มากินบรรยากาศ แต่มากินอาหาร
ลู่เฉินไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว แต่ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
เขาพาเฉินเฟยเอ๋อร์มาด้วย
ร้านอาหารเล็กๆ ของอาจารย์เฉินขายดิบขายดีมาตลอด แถมยังไม่รับจองด้วย ถ้าอยากมีโต๊ะนั่ง ก็ต้องมาเร็วๆ หรือไม่ก็มาช้าๆ ไปเลย
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงประมาณหนึ่งทุ่มกว่า ผ่านช่วงเวลาอาหารเย็นที่คนเยอะไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องรอก็มีโต๊ะว่าง
สั่งลูกชิ้นเนื้อวัวน้ำแดง เป็ดตุ๋นน้ำแกง ปลาทอดเปรี้ยวหวาน เต้าหู้เส้นต้มไก่กับซาลาเปาไส้เนื้อปูอีกสองถาด ทั้งหมดเป็นอาหารไหวหยางรสชาติต้นตำรับ เป็นอาหารที่เมื่อก่อนลู่เฉินชอบที่สุด และเป็นอาหารขึ้นชื่อของอาจารย์เฉิน
ลูกชิ้นเนื้อวัวน้ำแดงที่ตุ๋นจนนิ่มอยู่ในหม้อดินถูกนำมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะก่อนเป็นอย่างแรก ในหม้อดินมีลูกชิ้นเนื้อวัวลูกใหญ่วางเด่น น้ำซอสสีแดงข้นมีควันฉุย ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนชวนน้ำลายสอ
ลู่เฉินใช้ตะเกียบกับช้อนคีบชิ้นเล็กๆ ออกมาให้เฉินเฟยเอ๋อร์ ฝ่ายหลังส่งเข้าปากหลายคำอย่างระมัดระวัง แล้วทำท่าตื่นเต้น “อร่อยมากเลย!”
ลู่เฉินหัวเราะ “ดีแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะไม่ชิน”
วันนี้เฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่งกลับมาถึงปักกิ่ง ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากันสักพักแล้ว คืนนี้จึงนัดกินข้าวด้วยกัน
ไม่รู้ทำไมลู่เฉินถึงคิดถึงร้านอาหารของอาจารย์เฉิน จึงพาเฉินเฟยเอ๋อร์มาถึงถิ่นเก่าที่อยู่ในเขตวงแหวนที่สามเกือบถึงเขตวงแหวนที่สี่ของเมืองหลวงเพื่อลิ้มลอง
หากไวน์ราคาแพงหลายหมื่นหยวน สเต็กเนื้อราคาหลายพันหยวนสามารถนำมาซึ่งความพึงพอใจในรสอาหารได้ เบียร์ไม่กี่หยวนกับลูกชิ้นเนื้อวัวน้ำแดงราคาไม่กี่สิบหยวนก็ไม่แตกต่างกัน หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
“ไม่หรอก…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ส่ายหน้า “ของอร่อยขนาดนี้ฉันต้องชอบอยู่แล้ว การกินข้าวที่สำคัญที่สุดไม่ใช่กินอะไร แต่เป็นกินกับใครต่างหาก”
ใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาฉายแววอบอุ่นน่าหลงใหล
ลู่เฉินยังไม่ทันได้ดื่มเหล้าก็เมาแล้ว
แม้จะเป็นอาหารอย่างเดียวกัน แต่รสชาติของอาหารไม่เหมือนเดิม…เอร็ดอร่อยกว่าเดิม
“เมื่อก่อนผมพักอยู่ในบ้านชั้นใต้ดินแถวนี้ หลี่เฟยอวี่อยู่ห้องข้างๆ…”
ลู่เฉินเล่าเรื่องในอดีตให้เฉินเฟยเอ๋อร์ฟัง “พอถึงตอนเงินเดือนออก พวกเราจะมากินอาหารที่ร้านนี้ให้หนำใจหายอยาก ผมชอบลูกชิ้นเนื้อวัวน้ำแดงของอาจารย์เฉินที่สุดเลย วันนี้อยากกินมาก…”
เฉินเฟยเอ๋อร์รับฟังเงียบๆ กินต่ออีกสองสามคำ แล้วคีบอาหารให้ลู่เฉิน
อาหารมื้อนี้รับประทานอย่างอบอุ่น
เมื่อรับประทานจนใกล้เสร็จ ขณะที่ลู่เฉินเตรียมจะจ่ายเงิน มีนักเรียนหญิงหลายคนเดินเข้ามาอย่างลังเล
หนึ่งในนั้นถามแบบอ้อมแอ้มว่า “ขอ…ขอโทษนะคะ…คุณ…คุณคือลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ใช่ไหมคะ?”
ไม่รู้ว่าเราตื่นเต้นหรือประหม่า หน้าของเธอแดงระเรื่อ
นักเรียนหญิงเหล่านี้มารับประทานอาหารที่นี่ แล้วเห็นลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งอยู่ไม่ไกล ตอนแรกไม่กล้าเข้ามารบกวน ตอนนี้รวบรวมความกล้าพอแล้ว
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์มองหน้ากันแล้วยิ้ม
ตอนที่มาถึงทั้งสองคนต่างสวมแว่นกันแดด แต่เมื่อรับประทานอาหารก็ต้องถอดแว่น คนอื่นจึงจำได้
ลู่เฉินหัวเราะ “ใช่ครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ!”
นักเรียนหญิงเมื่อถูกทักทายยิ่งตื่นเต้นมาก “ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ ฉันเป็นแฟนคลับของคุณ!”
ลู่เฉินพยักหน้า “ได้สิครับ”
เขาได้เจอแฟนคลับมาเยอะแล้ว ถ้าโอกาสประจวบเหมาะสามารถให้ถ่ายรูปคู่แจกลายเซ็นได้ก็จะตอบสนองต่อความต้องการของแฟนคลับอย่างเต็มที่
“เย้!”
สาวน้อยดีใจกระโดดโลดเต้นไปอยู่ข้างกายลู่เฉินทันที กอดแขนเขาไว้ จากนั้นก็ทำท่าชนะให้เพื่อนสาว ยิ้มกว้างเหมือนดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ
พวกเพื่อนสาวของเธอควักโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วถ่ายรูปแชะๆ
สับเปลี่ยนกันไปทีละคน แน่นอนว่าจะขาดรูปของเฉินเฟยเอ๋อร์ไปไม่ได้ จากนั้นก็รีบส่งเข้าโมเมนต์ส่วนตัวในเฟยซวิ่นทันที
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ถ่ายรูปกับพวกเธออย่างอดทน ทั้งสองปฏิบัติต่อแฟนคลับอย่างเท่าเทียม ไม่เหมือนดาราศิลปินบางคนที่เย่อหยิ่งเย็นชา ปฏิบัติต่อแฟนคลับอย่างไม่ไยดี
ดังนั้นแฟนคลับที่แท้จริงของทั้งสองจึงสามัคคีกันมาก
ถ่ายรูปเสร็จ ลู่เฉินรีบลากเฉินเฟยเอ๋อร์จากมา เพราะในร้านยังมีลูกค้าคนอื่นมามุงดู
ถ้าทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเข้ามามุงด้วย จะยิ่งถอนตัวออกมาลำบาก
รถของอาเสวียนรออยู่ด้านนอกทางเข้าซอย ลู่เฉินให้เธอส่งเขาและเฉินเฟยเอ๋อร์ไปที่ย่านทะเลสาบโฮ่วไห่
“คืนนี้กินอิ่มมากเลย!”
ทั้งสองเดินจูงมือกันไปตามริมทะเลสาบ เฉินเฟยเอ๋อร์บ่นอย่างมีความสุขว่า “น้ำหนักต้องขึ้นอย่างน้อยครึ่งกิโลกว่า!”
ลู่เฉินหัวเราะ “คุณหนักแค่ไหนกันเชียว อ้วนขึ้นมาอีกครึ่งโลไม่เป็นไรหรอก”
เฉินเฟยเอ๋อร์รักษารูปร่างเป็นอย่างดี เธอออกกำลังกายด้วยโยคะทุกวัน น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามว่า “แล้วนายชอบฉันที่อ้วนหรือฉันที่ผอม”
ลู่เฉินตอบ “ผมชอบคุณ ไม่สนว่าจะอ้วนหรือผอม”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ปากหวาน ชมฉันเก่งดีนัก”
แม้จะพูดแบบนี้ แต่เธอก็ยังยิ้มหวานจนน้ำตาลขึ้น
เดินจนเหนื่อยแล้ว ทั้งสองไปนั่งที่ม้ายาวใต้ต้นไม้ มองแสงโคมไฟที่สุกสว่างทอประกายระยิบระยับจากที่ไกลๆ
เฉินเฟยเอ๋อร์กอดเอวลู่เฉินไว้ เอนพิงครึ่งร่างไว้ในอ้อมกอดของเขา
แล้วฮัมเพลงเบาๆ
“…
เรื่องโรแมนติกที่สุดที่ฉันคิดออก
คือได้อยู่กับเธอไปจนแก่เฒ่า
เก็บรอยยิ้มทีละน้อยตามทาง
เอาไว้นั่งบนเก้าอี้โยกแล้วคุยกัน
เรื่องโรแมนติกที่สุดที่ฉันคิดออก
คือได้อยู่กับเธอไปจนแก่เฒ่า
จนถึงวันที่เราแก่จนไปไหนไม่ได้
เธอยังเห็นฉันเป็นของล้ำค่าที่อยู่กลางฝ่ามือ!
เพลงที่เธอร้องคือเพลง ‘เรื่องโรแมนติกที่สุด’ เป็นเพลงประกอบละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ที่ลู่เฉินเขียนเป็นเพลงที่สอง เหมือนกับเพลง ‘เพื่อเธอเท่านั้น’ ที่เป็นเพลงประกอบละครอีกเพลงหนึ่งที่ลู่เฉินเป็นคนร้อง ตอนนี้ติดอันดับสามและเจ็ดบนชาร์ตเพลงยอดนิยม
เพลงนี้เป็นเพลงรักที่อ่อนโยนและวิจิตร มันอบอุ่นและโรแมนติก ถ่ายทอดความสุขของผู้หญิงคนหนึ่งผ่านออกมาเป็นทำนองและเนื้อร้อง ดังนั้นหลังจากละครออกอากาศ เพลงนี้จึงโด่งดังอย่างรวดเร็ว
เพลงนี้บัญชีทางการของละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ได้ปล่อยซิงเกิลออกมาอย่างเป็นทางการ ยอดการดาวน์โหลดสูงเกินสิบล้านครั้ง!
แต่ลู่เฉินฟังแล้ว ไม่ว่าจะในละครหรือซิงเกิลที่ปล่อยออกมา ยังสู้เสียงฮัมเพลงเบาๆ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ในตอนนี้ไม่ได้เลย
เขากอดคนรักเอาไว้ในอ้อมแขน เหมือนกับโอบกอดโลกเอาไว้ทั้งใบ
…………………………………………
หมายเหตุ : ‘เรื่องโรแมนติกที่สุด’ (最浪漫的事) คำร้อง: เหยารั่วหลง (姚若龙) ทำนอง: หลี่เจิ้งฝาน (李正帆)