ตอนที่ 408 ต่อต้านและจัดการ
เจ็ดโมงเช้า หวังผู่ตื่นจากความฝัน
เขารีบอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นวิ่งไปที่ทำงานภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า นี่เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดีวิธีหนึ่ง นอกจากวันที่ฝนหรือหิมะตก ไม่อย่างนั้นเขาไม่เคยพลาดสักครั้ง
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ร้านข้างทางห่างจากบริษัทไม่ไกล เวลายังเช้าอยู่ หวังผู่จึงเดินไปเหมือนทุกที พร้อมกับควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเปิดโปรแกรมไคลเอนต์ของล่างฉาวบุ๊ก
เขาอดใจไม่ไหวแล้วอยากรู้ว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ตอนนี้ได้คะแนนเท่าไร ถูกหนังสือเล่มอื่นเบียดตกลงมาจากอันดับหนึ่งในตารางอันดับหนังสือแนะนำประจำสัปดาห์ไปแล้วหรือไม่
กวาดตาดูตารางแล้ว หวังผู่แปลกใจที่ไม่เห็นชื่อหนังสืออันคุ้นเคยบนตารางอันดับหนังสือแนะนำประจำสัปดาห์
ถูกเบียดไปอยู่หลังอันดับสิบเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ตารางอันดับหนังสือแนะนำประจำสัปดาห์ในหน้าแรกของล่างฉาวบุ๊กแสดงเพียงสิบอันดับแรกเท่านั้น หวังผู่รู้สึกผิดหวัง
แต่เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที
เพราะจำนวนตัวเลขที่ปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าอันดับสิบมีบัตรโหวตไม่ถึง 3,000 ใบ!
จะเป็นไปได้ยังไง?
หวังผู่จำได้ขึ้นใจว่าตอนหลังเที่ยงคืนสมาชิกในกลุ่มพร้อมใจกันลงคะแนน หลังจากตารางอันดับอัปเดตครั้งแรก นิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มีจำนวนบัตรที่ลงคะแนนให้ 3,780 ใบ อยู่ในอันดับหนึ่ง จะเป็นไปได้ยังไงที่หลุดไปจากสิบอันดับแรก!
หวังผู่รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี
เขารีบเปิดตารางอันดับหนังสือแนะนำมากขึ้น สุดท้ายกวาดตามองจากอันดับแรกจนไปถึงห้าสิบอันดับแรก กลับไม่มีชื่อหนังสือ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เลย
หวังผู่รีบเข้าไปในชั้นหนังสือของตัวเองหาเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แล้วเปิดดูตัวเลขในกล่องข้อมูลหนังสือ
ยอดแนะนำประจำสัปดาห์: 0!
ศูนย์ใบ!
ใจของหวังผู่เหมือนถูกอูฐเป็นหมื่นตัววิ่งทับ หน้าแดงก่ำ ขนหัวลุกขึ้น
ไอบ้าเอ๊ย…ทำไม่บัดซบขนาดนี้!
แม้หวังผู่อายุยังน้อย แต่เรื่องการอ่านนิยายออนไลน์ เขานับว่าเป็นนักอ่านตัวยง
เขาเข้าใจกฎเกณฑ์บางอย่างของเว็บไซต์วรรณกรรมออนไลน์เป็นอย่างดี รู้ว่าหากเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะข้อมูลในเว็บไซต์ผิดพลาด แต่ถูกมองว่าเป็นการโกงบัตรโหวตต้องถูกล็อก…ล้างเป็นศูนย์ และยังกำหนดเวลาไม่ให้ลงบัตรโหวตเพิ่มด้วย!
ถ้านิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ โกงจริงหวังผู่จะยอมรับ ตอนนี้เว็บไซต์ปราบปรามการโกงอย่างเคร่งครัด ทั้งการตรวจสอบและลงโทษนั้นเกิดขึ้นไม่น้อย ผู้ที่เป็นนักอ่านอย่างเขาต้องให้การสนับสนุน
แต่บัตรโหวตพวกนี้เขาเชิญชวนให้พวกพ้องเป็นร้อยเป็นพันคนช่วยกันลงคะแนน ไม่ใช่การโกงแน่นอน เมื่อคืนทุกคนนั่งเฝ้าอยู่หน้าจออย่างเหน็ดเหนื่อยจนถึงเที่ยงคืนเพื่อรอลงคะแนน ตอนนี้ความพยายามที่ทำไปนั้นกลับสูญเปล่า
หวังผู่มีหรือจะยอม?
เกรงว่าตอนนี้ในกลุ่มคงจะระเบิดแล้ว?
เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น รีบไปให้ถึงที่ทำงาน อาศัยตอนที่เจ้านายยังไม่มา เปิดคอมพิวเตอร์ลงทะเบียนเข้าเฟยซวิ่นของตัวเอง
เป็นดังที่หวังผู่คาดไว้ หลายกลุ่มในเฟยซวิ่นล้วนมีแต่เสียงโกรธแค้น
“ทุกคน ใครรู้บ้างว่าทำไม่บัตรโหวตของพวกเราถูกล้างไป”
“จะบ้าตาย ทำผิดรึป่าว!”
“เหอะๆ หนังสือที่ไม่ได้เซ็นสัญญาไม่ให้ติดอันดับ ยังจะมีอย่างอื่นอีกเหรอ”
“ไม่ยุติธรรมเลย ฉันจะฟ้องร้อง!”
“ช่างเถอะ แขนไปหักขาไม่ได้หรอก พวกเราไปร้องเรียนแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เขามีแต่สลัดทิ้ง”
“โอ๊ยโกรธเป็นบ้าเลย!”
บางคนงุนงง บางคนเต้นเร่าๆ บางคนโกรธใหญ่ บางคนพร่ำบ่นอยากเรียกร้องความเป็นธรรม สมาชิกกลุ่มที่ออนไลน์อยู่ในตอนนี้ยังดีอยู่ แต่ทุกคนก็ด่าว่ากันอย่างคึกคัก
หวังผู่กัดฟัน ออกแรงพิมพ์ลงบนแป้นพิมพ์ “เรื่องแบบนี้ พวกเราจำเป็นต้องขอคำอธิบายจากทางล่างฉาวบุ๊ก ใช้อะไรมาตัดสินล้างบัตรโหวตของพวกเรา พวกเราไม่ได้โกงบัตร!”
สหายนักอ่านลงโหวตให้กับหนังสือหรือนักเขียนที่ชอบเป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว ถ้าแบบนี้นับว่าเป็นการโกงบัตร อย่างนั้นตารางจัดอันดับก็คงไม่มีความจำเป็นต่อไปอีก
เรื่องนี้ทำให้หวังผู่ฮึดสู้ จะยอมให้เรื่องเงียบไปได้ยังไง?
คำแนะนำของเขาได้รับเสียงตอบรับจากทุกคนทันที
วิธีการขอคำอธิบายของพวกเขานั้นง่ายดาย นั่นก็คือการเข้าไปร้องเรียนและต่อต้านกับฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของล่างฉาวบุ๊ก
การร้องเรียนต่อต้านแค่คนสองคนอาจจะไม่เป็นผล แต่ถ้าเป็นร้อยเป็นพันคนล่ะ
ผลลัพธ์ย่อมต่างออกไปแน่นอน!
เพื่อนพ้องในกลุ่มผู้อ่าน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังคงสามัคคีกันดี คำร้องเรียนจำนวนมากของพวกเขาทำให้ทางล่างฉาวบุ๊กเล็งเห็นและให้ความสำคัญ เพราะผู้อ่านส่วนมากเป็นบัญชีวีไอพี ทั้งยังมีระดับที่สูงอีกด้วย
หรือก็คือเป็นนักอ่านเก่าแก่
ใกล้เวลาเที่ยง ผู้จัดการใหญ่ของล่างฉาวบุ๊กพร้อมกับบรรณาธิการใหญ่และบรรณธิการผู้รับผิดชอบ ยังมีเจ้าหน้าที่เทคนิคและเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ได้เปิดการประชุมเล็กๆ ขึ้น เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว
ผู้จัดการใหญ่ถามว่า “‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เล่มนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงมีคนมาร้องเรียนมากขนาดนี้”
เจ้าหน้าที่เทคนิคอธิบาย “หนังสือเล่มนี้อยู่ๆ ก็ขึ้นอันดับหนึ่งบนตารางอันดับหนังสือแนะนำประจำสัปดาห์ตอนเที่ยงคืนสิบนาที น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการโกงบัตรโหวต ดังนั้นดิฉันจึงรีบดำเนินการล็อกบัตรในตอนเช้า”
ผู้จัดการใหญ่ขมวดคิ้ว ก่อนจะถามต่อ “คุณตรวจสอบว่าเป็นการโกงโหวตจริงหรือยัง”
เจ้าหน้าที่เทคนิคส่ายหัว “ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ค่ะ บัตรปกติดี แต่ว่า…”
ตอนนั้นเองที่บรรณาธิการใหญ่กระแอมแล้วเอ่ยแทรกขึ้นมา “หนังสือเล่มนี้ฉันเคยติดตามมาก่อน เขียนได้ดี เนื้อเรื่องค่อนข้างพิเศษ แต่ผู้เขียนปฏิเสธการทำสัญญา”
ผู้จัดการใหญ่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ปฏิเสธเพราะอะไรล่ะ”
บรรณาธิการผู้รับผิดชอบตอบว่า “เขามีปัญหากับลิขสิทธิ์ในสัญญา ไม่อยากเซ็น”
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
ผู้จัดการใหญ่เข้าใจทันที ผู้เขียนไม่อยากเซ็นสัญญาเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง ส่วนใหญ่ปัญหาเป็นเพราะสัญญา
แต่นิยายที่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งบนตารางทั้งๆ ที่ผู้เขียนไม่เซ็นสัญญาด้วยเหมือนนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เรื่องนี้ มีให้เห็นเพียงไม่กี่ราย ต้องรู้ว่าเมื่อไม่ได้เซ็นสัญญาจะไม่ได้รับการแนะนำ โอกาสที่ผู้อ่านจะเห็นก็น้อยมากเทียบกับหนังสือที่มีชื่อเสียงได้ที่ไหน
เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แล้วจะจัดการอย่างไร?
ผู้จัดการใหญ่เกาหัว เห็นชัดว่าการแบนออกจากตารางนั้นเป็นการใส่ความ แต่ในเมื่อผู้เขียนไม่ยอมเซ็นสัญญาด้วย ก็ไม่มีทางทำประโยชน์ใดๆ ให้กับเว็บไซต์ได้ ทำไมทางเว็บไซต์ต้องมอบพื้นที่บนหน้าแรกอันมีค่าให้แก่เขาด้วย
คิดแล้วผู้จัดการใหญ่กล่าวว่า “ในเมื่อล็อกไปแล้วก็ล็อกให้ถึงที่สุด แล้วติดต่อผู้เขียนถามเขาว่ายินดีทำสัญญาด้วยไหม ถ้าทำเราก็จะปลดล็อก”
ถ้าไม่ยินยอมล่ะ? ไม่มีใครถามคำถามนี้ เพราะไม่จำเป็น
เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ถามว่า “แล้วการร้องเรียนจะทำยังไงดีครับ”
ผู้จัดการใหญ่หัวเราะ “บอกพวกเขาไปว่าตัวเลขข้อมูลของหนังสือเล่มนี้ผิดพลาด ทางเจ้าหน้าที่เทคนิคกำลังจัดการ”
อย่างไรก็แล้วแต่เขาจะไม่ยอมให้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้ขึ้นหน้าแรก ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการตบหน้ากันเกินไป
หลังจากเลิกประชุม บรรณาธิการผู้รับผิดชอบได้ใช้เฟยซวิ่นติดต่อกับ ‘อี้จินกู่’
แต่เธอไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด
เพราะตอนนี้ลู่เฉินยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แล้ว
ขณะนี้เขาอยู่ที่เมืองหังโจว
………………………………