ตอนที่ 411 รางวัลใหญ่
มีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้วว่าการทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนฝูงเกิดปัญหาได้ง่าย เพื่อนสนิทสองคนหรือมากกว่านั้นทำงานสร้างกิจการร่วมกัน บางทีตอนแรกเริ่มอาจมีอุดมการณ์ร่วมกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน แต่เมื่อกิจการประสบความยากลำบากหรือขยายตัวเติบใหญ่ ผลประโยชน์จะสร้างรอยบาดแผล ทำให้ความเชื่อมั่นในมิตรภาพสั่นคลอน
สุดท้ายจบลงที่ธุรกิจล้มเหลว จากเพื่อนรักกลายเป็นคู่แค้น
ลู่เฉินผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตของคนทั้งสามในความทรงจำรู้ซึ้งในเหตุผลดังกล่าว เขาจึงไม่ได้ให้แบกรับทั้งหมดไว้ ในเรื่องการแบ่งหุ้นส่วนที่สำคัญที่สุดและเปราะบางที่สุดนั้นเขากระทำโดยไม่เอื้อประโยชน์ให้มากเกินไป เขาทั้งให้เกียรติเกาเฮ่อและเห็นแก่มิตรภาพของทั้งสองฝ่าย
มีเพียงการร่วมงานกันเช่นนี้ถึงจะดำรงอยู่ยาวนาน เข้ากับความต้องการดั้งเดิมของลู่เฉิน
เจรจาเรื่องพื้นฐานจบแล้ว ทางลู่เฉินจะส่งเจ้าหน้าที่บัญชีเข้าไปดูแลเรื่องเงินทุน ส่วนเรื่องหาพนักงานใหม่และงานเปิดบริษัทให้เกาเฮ่อกับหวังเสี่ยวหลิงจัดการ
ในบริษัทใหม่แห่งนี้ ลู่เฉินดำรงตำแหน่งบอสใหญ่อยู่เบื้องหลัง กิจการงานทั่วไปในทุกวันปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเกาเฮ่อและภรรยาไป แต่รอให้งานเริ่มเข้าที่ติดตลาดแล้ว ก็จะหาผู้จัดการมืออาชีพมาดูแลบริษัทให้ดียิ่งขึ้น เป็นมืออาชีพมากขึ้น
คุยธุรกิจจบแล้ว ต่อไปคุยถึงเรื่องการใช้ชีวิต
เกาเฮ่อให้บริกรนำเบียร์มาหนึ่งลัง เพื่อดื่มกับลู่เฉินให้สะใจ ย้อนความทรงจำอันสวยงามสมัยเรียน ระลึกถึงวันวานในอดีต
เกาเฮ่อเสียดาย “น่าเสียดายที่เจ้าสี่ไปทำงานต่างเมือง ไม่อย่างนั้นถ้าหมอนั่นมาด้วยจะดียิ่งกว่านี้”
“พวกเราสี่คนไม่ได้รวมตัวกันนานแล้ว!”
ครั้งก่อนในงานแต่งงานของเกาเฮ่อและหวังเสี่ยวหลิง เจ้าเคไม่ได้มา เพียงแต่ส่งอั่งเปามาให้เป็นของขวัญ
วันนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานหมด อยากจะรวมตัวทีหนึ่งไม่ง่าย
หวังเสี่ยวหลิงค่อนข้างสนใจกับเรื่องส่วนตัวของดาราคนดัง “ลู่เฉิน เมื่อไหร่นายจะเตรียมตัวแต่งงาน”
สำหรับคำถามนี้ ลู่เฉินลูบจมูกแก้เก้อ ก่อนจะหัวเราะตอบว่า “เธอกับลูกพี่เมื่อไหร่จะมีลูก”
หวังเสี่ยวหลิงเขินอาย “ฉันถามนายก่อนนะ!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆ “รอพวกนายมีลูกก่อน แล้วฉันค่อยคิดเรื่องแต่งงาน!”
หวังเสี่ยวหลิงเหลือบตามองบนกับคำตอบเฉไฉของลู่เฉิน
เกาเฮ่อหัวเราะอิๆ
หวังเสี่ยวหลิงหยิกเขาเข้าทีหนึ่ง “นายยังจะหัวเราะอีก ฝันหวานไปเถอะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากมีลูก อย่างน้อยเราต้องซื้อบ้านก่อน การงานมั่นคงก่อนแล้วค่อยคิด”
“ฉันคิดว่าคงอีกไม่นานแล้ว…”
ลู่เฉินหัวเราะ “มา เรามาดื่มให้หมดแก้วเลย!”
“หมดแก้ว!”
แม้แต่หวังเสี่ยวหลิงยังเทเบียร์จนเต็มแก้วอย่างฮึกเหิม ชนแก้วกับลู่เฉินแล้วดื่มเต็มที่
“พี่สะใภ้ห้าวหาญจริงๆ!”
ลู่เฉินวางแก้วลง ยกนิ้วโป้งให้เธอ จากนั้นเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเชิญออกมาปึกหนึ่ง
“คืนพรุ่งนี้ฉันมีงานแฟนมีตติ้งที่ศูนย์บริการรถยนต์จงหวา…”
เขายื่นบัตรเชิญให้หวังเสี่ยวหลิง “ในนี้มีบัตรเชิญเจ็ดใบ สองใบให้พวกนาย อีกห้าใบจะมอบให้ญาติพี่น้องก็ได้ ในงานมีทั้งของขวัญและการจับฉลากรางวัล”
งานโปรโมตอัลบั้มใหม่ของลู่เฉินทั่วประเทศครั้งนี้ ล้วนจัดในรูปแบบงานแฟนมีตติ้งที่ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรในเจ็ดเมืองใหญ่ ทางบริษัทรถยนต์จงหวาให้การสนับสนุนเต็มที่
“โอ้โห ยังมีจับฉลากด้วย?”
หวังเสี่ยวหลิงตาลุกวาว รับมาอย่างยินดีปรีดา “รางวัลใหญ่คืออะไรเหรอ”
ลู่เฉินตอบ “รถยนต์สเตชันแวกอนคลาส R รุ่นใหม่ของจงหวา”
หวังเสี่ยวหลิง “หา?”
เธอตกตะลึง คิดไม่ถึงว่างานแฟนมีตติ้งเล็กๆ จะมอบรางวัลใหญ่ราคาเป็นแสนหยวน
การเดินสายโปรโมตอัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ ทั่วประเทศของลู่เฉินในครั้งนี้ ทางบริษัทรถยนต์จงหวาเป็นผู้ให้การสนับสนุน ไม่เพียงแต่ให้พื้นที่ พนักงาน รางวัล ยังถึงขั้นมอบเงินสนับสนุนให้กับสตูดิโอลู่เฉินสูงเป็นตัวเลขเจ็ดหลัก
ฟังดูเหมือนทางรถยนต์จงหวาเป็นเจ้าบุญทุ่ม แต่พวกเขาไม่เคยทำธุรกิจที่เสียเปรียบ
เพราะหลังจากรถยนต์สเตชันแวกอนรุ่นที่ลู่เฉินเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เข้าสู่ตลาด ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ดีไซน์แปลกใหม่ และคุณภาพวัสดุที่แข็งแรง ทำให้กลายเป็นที่นิยมในตลาดคนรุ่นใหม่อย่างรวดเร็ว ยอดขายพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งในเหตุผลก็คือโฆษณาที่ลู่เฉินถ่ายทำนั้นสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรถยนต์สเตชันแวกอนของจงหวารุ่นนี้ประทับตราตรึงอยู่ในใจของผู้คนอย่างลึกซึ้ง การประเมินในตลาดและคำชื่นชมค่อนข้างดีเลยทีเดียว
แต่เมื่อรุ่นยนต์ยี่ห้ออื่นมองเห็นความดึงดูดของตลาดนี้ก็เตรียมลงมือจับตลาดบ้าง ถึงตอนนั้นการแข่งขันย่อมดุเดือดไม่ธรรมดา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รถยนต์จงหวาจึงให้ความสำคัญกับการโปรโมตรถยนต์รุ่นใหม่เป็นพิเศษ
หากรถยนต์รุ่นใหม่ขายดี ได้กำไรหลายร้อยหลายพันล้าน ค่าใช้จ่ายสำหรับทำการตลาดแค่ไม่กี่สิบล้านนับว่าเล็กน้อยเหมือนขนวัวเส้นหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อสตูดิโอลู่เฉินติดต่อมาที่บริษัทรถยนต์จงหวา ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงร่วมมือกัน บริษัทรถยนต์จงหวาไม่เพียงแต่ตอบรับเงื่อนไขทั้งหมดในสัญญาความร่วมมือที่ทางสตูดิโอเสนอมา ยังเพิ่มเนื้อหาให้อีกไม่น้อยด้วย
เช่นมอบรถยนต์ให้เป็นรางวัลใหญ่…นี่เป็นการโปรโมตที่ดีมาก
ตอนนี้อิทธิพลและความนิยมของลู่เฉินนั้นล้นเหลือกว่าตอนที่เพิ่งถ่ายทำโฆษณาในช่วงแรก!
งานแฟนมีตติ้งทั้งเจ็ดครั้งที่จัดขึ้นในเจ็ดเมืองใหญ่ไม่เพียงจัดขึ้นที่ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรของรถยนต์จงหวา แต่ละงานยังมอบรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมอบให้อีกสามคันเพื่อจับรางวัลในบล็อกทางการของลู่เฉิน บล็อกทางการของกลุ่มแฟนคลับลู่เฉิน และห้องไลฟ์สดใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ แค่ราคารถทั้งสิบคันก็มูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านห้าแสนหยวนแล้ว!
นอกจากรางวัลใหญ่อย่างรถยนต์แล้ว ยังมีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ บัตรกำนัล เป็นต้น
หวังเสี่ยวหลิงยิ้มไม่หุบ “น้องสาวฉันจะต้องดีใจมากแน่ เธอกับเพื่อนสาวของเธอเป็นแฟนคลับตัวยงของนายเชียวนะ!”
ลู่เฉินหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกนายต้องไปให้ตรงเวลานะ”
อาหารมื้อนี้รับประทานร่วมกันอย่างชื่นมื่นทั้งสองฝ่าย
ลู่เฉินมีรถของตัวเองมา เขาพาคู่สามีภรรยาไปส่งกลับบ้าน จากนั้นบอกกับคนขับว่า “พี่จาง ส่งผมไปที่ทะเลสาบซีหูหน่อย ผมอยากไปเดินเล่นแถวสะพานขาด”
เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ลู่เฉินมักไปเดินเล่นที่ริมทะเลสาบซีหูอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าคุ้นเคยกับวิวทิวทัศน์เป็นอย่างดี แต่วันนี้เขาคิดถึงมันขึ้นมา คืนนี้ดื่มไปไม่น้อย จึงอยากออกไปเสพบรรยากาศที่คุ้นเคยอีกครั้ง
คนขับรถพยักหน้า “ได้ครับ”
คนขับรถคนนี้เป็นผู้ช่วยคนใหม่ของลู่เฉิน หลินจื้อเจี๋ยแห่งเฟยสือเรคคอร์ดเป็นคนแนะนำให้
หลี่เฟยอวี่ไม่ได้รับหน้าที่นี้อีกต่อไปแล้ว เปลี่ยนไปทำงานอยู่ที่สตูดิโอรับผิดชอบงานโปรโมตออนไลน์แทน ดูแลห้องไลฟ์สด รวมทั้งเป็นแอดมินในบล็อกและบัญชีทางการอื่นๆ ของสตูดิโอ
ชื่อของพี่จางคือจางเสี่ยวฟาง ปีนี้อายุสามสิบกว่า ทำงานด้านนี้มาสิบกว่าปี เคยติดตามดูแลศิลปินหลายคน จึงมีประสบการณ์สูง มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าหลี่เฟยอวี่
มีเขาคอยติดตามอยู่ข้างกายช่วยดูแลจัดการงานจิปาถะต่างๆ ลู่เฉินย่อมผ่อนคลายลงมาก
จางเสี่ยวฟางบึ่งรถมาถึงถนนเป่ยซาน ส่งลู่เฉินลงหน้าสะพานขาด
…………………………………………