ตอนที่ 414 ล้อเล่น
ใช้เพลง ‘เส้นทางธรรมดา’ เปิดงาน ลู่เฉินก็ทำให้บรรยากาศของงานแฟนมีตติ้งพุ่งถึงขีดสูงสุดแล้ว
เมื่อลู่เฉินร้องเพลงจบเขาวางกีตาร์ในมือลง หญิงสาวสวมกระโปรงสั้นสองคนก้าวขึ้นมาบนเวทีเร็วๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงชื่นชม พวกเธอมอบช่อดอกไม้สดสองช่อใหญ่ให้เขา
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินรับมอบดอกไม้จากตัวแทนแฟนคลับ
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ หนึ่งในสองสาวนั้นจู่ๆ ก็โผกอดเขา แล้วยังเขย่งปลายเท้าหอมเขาที่แก้มเร็วๆ
หลังจากขโมยจุ๊บสำเร็จ แฟนคลับสาวคนนั้นก็หมุนตัวกลับไปทำท่าฉลองชัยชนะ
“ฮู้~”
เสียงโห่ร้องจากผู้ชมดังขึ้น ยังมีเสียงหัวเราะด้วย
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก
แม้จะอยู่เหนือความคาดหมาย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวม กลับทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและมีความสุขยิ่งขึ้น
ถัดมาลู่เฉินร้องเพลง ‘อิสระเหมือนสายลม’
เพลงนี้เป็นอีกเพลงหนึ่งในอัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ ของเขา และยังถูกทางบริษัทรถยนต์จงหวาเลือกใช้เป็นเพลงโปรโมตรถยนต์รุ่นใหม่ด้วย แน่นอนว่าต้องนำออกมาร้องเป็นอันดับต้นๆ
สิ่งสำคัญของงานแฟนมีตติ้งไม่ใช่การร้องเพลงไม่กี่เพลง แต่เป็นการปฏิสัมพันธ์ตอบโต้กับเหล่าแฟนเพลง
“วันนี้เวทีนี้เป็นของผม และเป็นของพวกคุณด้วย ต่อไป…”
ลู่เฉินเอ่ย “ผมอยากเชิญแฟนเพลงท่านหนึ่งขึ้นมาบนเวที ผมเล่นกีตาร์ ให้เธอร้องเพลงให้ทุกคนฟัง แบบนี้ดีไหมครับ”
“ดี!”
แฟนคลับตอบรับเสียงดัง เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง
“แล้วมีท่านไหนอยากขึ้นมาร้องเพลงบ้างไหมครับ”
ลู่เฉินกวาดตามองไปทั่วที่นั่งคนดู เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “คนที่กล้าและอยากขึ้นมาร้องเพลง ผมจะทำให้สิ่งที่เธอปรารถนาเป็นจริงหนึ่งประการ”
พรึบ!
มือนับไม่ถ้วนถูกยกขึ้นโบกกลางอากาศ เหล่าแฟนคลับตื่นเต้นกันใหญ่ อยากจะบุกขึ้นไปบนเวทีเสียเดี๋ยวนั้น
แฟนคลับหลายร้อยคนทั้งคนที่ร้องเพลงเป็นและไม่เป็น ต่างยกมือกันเป็นแถว
ลู่เฉินหัวเราะ “เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ งั้นก็ยากแล้วสิ ให้คอมพิวเตอร์แรนดอมดีกว่าครับ ยุติธรรมดี”
เพิ่งสิ้นเสียงของเขา หน้าจอเบื้องหลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ภาพของแฟนคลับที่มาในงานสลับกันไปไม่หยุด ดูจนตาลายไปหมด
นี่เป็นวิธีการใช้คอมพิวเตอร์สุ่มเลือก เหมาะกับการจับฉลากรางวัลและการสุ่มเลือกคนที่สุด
“จะเป็นใครกันนะ”
ลู่เฉินทำให้ทุกคนลุ้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกนสั่งว่า “หยุด!”
หน้าจอหยุดนิ่งลง
ภาพของหญิงสาวหน้ามนสวมแว่นตาทรงกลมกับชุดกระโปรงสีเขียวเป็นผู้ที่ถูกคอมพิวเตอร์คัดเลือกออกมา เลนส์กล้องมาหยุดอยู่ที่เธอ
“อ๊า!”
เสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและเสียดายดังไปทั่ว
หญิงสาวชุดกระโปรงเขียวที่ถูกเลือกตกตะลึง เธอใช้มือกุมหน้าด้วยความเขินอาย น่าจะรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
ลู่เฉินหัวเราะ “เชิญคนที่ถูกเลือกขึ้นมาโชว์ลูกคอบนเวทีเลยครับ ทุกคนปรบมือให้เธอหน่อย!”
เสียงปรบมือดังขึ้น สาวกระโปรงเขียวเดินขึ้นไปบนเวที ไปยื่นอยู่ข้างลู่เฉินอย่างเขินอาย
เจ้าหน้าที่นำไมโครโฟนมาให้เธออีกหนึ่งตัว
ลู่เฉินถาม “บอกชื่อของคุณได้ไหมครับ”
สาวกระโปรงเขียวพยักหน้า ยกไมโครโฟนขึ้นพูด “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่ออวี้เสี่ยวหรุ่ย”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง
ลู่เฉินถามต่อว่า “แล้วคุณอวี้เสี่ยวหรุ่ยอยากร้องเพลงอะไรครับ”
อวี้เสี่ยวหรุ่ยลังเลเล็กน้อย แล้วถามกลับว่า “ฉันอยากร้องเพลง ‘ได้พบ’ ได้ไหมคะ”
“ได้พบ?”
ลู่เฉินอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มตอบว่า “ไม่มีปัญหาครับ งั้นมาร้องเพลง ‘ได้พบ’ กัน!”
เพลง ‘ได้พบ’ เป็นผลงานเพลงของลู่เฉิน แต่เขาเขียนให้เฉินเฟยเอ๋อร์ และได้ไปอยู่ในอัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ของเธอ หลังจากวางขายอย่างเป็นทางการ ก็ขึ้นไปติดอันดับชาร์ตเพลงยอดนิยม
เพลงนี้เหมาะกับการใช้เปียโนบรรเลงดนตรีประกอบที่สุด แต่ในงานไม่มีเปียโน ลู่เฉินจึงใช้กีตาร์แทน
ผลของการแสดงเป็นรอง สิ่งสำคัญคือการได้ทำกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับ
สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ อวี้เสี่ยวหรุ่ยร้องได้ไม่เลวเลย
“ได้ยินฤดูหนาวกำลังจากไป ฉันตื่นขึ้นมาในเดือนหนึ่งปีหนึ่ง ฉันคิด ฉันรอ ฉันคอย อนาคตไม่…”
เสียงของเธอสู้เสียงทูตสวรรค์ของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ แต่ร้องเพลงนี้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน จังหวะการหายใจถูกต้อง สื่ออารมณ์ได้ดี เจือปนความเศร้าโศกและหดหู่นิดๆ ภายใต้เสียงกีตาร์คลอเบาๆ เธอร้องออกมาได้รสชาติของเพลงบัลลาดอยู่หลายส่วน นับว่าเป็นการแสดงที่ดีอีกแบบหนึ่ง
อวี้เสี่ยวหรุ่ยร้องจบ ลู่เฉินกอดกีตาร์ปรบมือขึ้นเป็นคนแรก “ดีมากครับ!”
เสียงปรบมือของแฟนคลับดังเกรียวกราว
อวี้เสี่ยวหรุ่ยทั้งดีใจทั้งเขินอาย ก้มโค้งกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ”
ลู่เฉินพยักหน้าพูดเสียงเข้มว่า “ผมคิดว่าคุณร้องได้ดีกว่าต้นฉบับเสียอีก แต่เรื่องนี้คุณรู้เอาไว้ก็พอแล้ว อย่าไปบอกคนอื่นนะครับ!”
อวี้เสี่ยวหรุ่ยเม้มปากยิ้ม
เสียงของลู่เฉินผ่านไมโครโฟนไร้สายดังเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนในที่นั้นอย่างชัดเจน
แฟนคลับได้ยินแล้วหัวเราะเสียงดัง…ต้นฉบับของเพลง ‘ได้พบ’ เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคนร้อง!
ลู่เฉินเสริมว่า “พวกคุณก็บอกไม่ได้นะครับ!”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ เสียงขบขันดังไปทั่วทั้งห้องโถง
บรรยากาศของความสนุกสนานเกิดขึ้นเช่นกันในห้องไลฟ์สดที่มีแฟนคลับอีกเป็นล้านคน ข้อความเด้งขึ้นที่หน้าจอไม่หยุดหย่อน
“เหอะๆ ร้องได้ดีกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์อีกนะ!”
“ฮ่าๆๆ ไม่รู้ว่าเฟยเอ๋อร์รู้แล้วจะว่ายังไง”
“ลู่เฉินของฉันกลับไปจะต้องถูกทำโทษให้คุกเข่าบนกระดานซักผ้าแน่เลย”
“ชิ! ตอนนี้ใครยังใช้วิธีคุกเข่าบนกระดานซักผ้าอีก เปลี่ยนเป็นคุกเข่าบนเมนบอร์ดกันหมดแล้ว!”
“คนก่อนหน้าโหดร้าย”
“โหดร้าย +1”
ทุกคนหัวเราะเสร็จ ลู่เฉินโบกมือ “ไม่ล้อเล่นแล้วครับ คุณอวี้เสี่ยวหรุ่ย คุณปรารถนาอยากให้สิ่งใดเป็นจริงครับ ต้องเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลนะครับ ผมจะทำให้ทั้งหมด”
อวี้เสี่ยวหรุ่ยเม้มปาก แล้วตอบว่า “น้องสาวของฉันก็เป็นแฟนคลับของคุณเหมือนกัน น่าเสียดายที่เธอไม่ได้รับบัตรเชิญ เธอยากได้อัลบั้มที่มีลายเซ็นของคุณ ได้ไหมคะ”
ลู่เฉินหัวเราะ “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ผมให้พวกคุณเป็นอัลบั้มเซ็ตลิมิเต็ดสองชุดไปเลย!”
เขาส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านข้าง ฝ่ายหลังรีบนำอัลบั้มเซ็ตลิมิเต็ดขึ้นมาสองชุด
สำหรับการโปรโมตในเมืองหังโจว ลู่เฉินได้เตรียมของขวัญมาให้เหล่าแฟนคลับด้วย อัลบั้มเซ็ตลิมิเต็ดเป็นหนึ่งในนั้น ในนั้นนอกจากซีดีเพลงพร้อมลายเซ็น ยังมีแฟลชไดรฟ์ที่ระลึก ตุ๊กตาโมเดล พวงกุญแจ เป็นต้น ตอนนี้การจองในเว็บไซต์ระดมทุนหมดเกลี้ยงแล้ว
อวี้เสี่ยวรุ่ยดีใจจนออกนอกหน้า
เธอผู้ซึ่งได้รับอัลบั้มเซ็ตลิมิตเต็ดสองชุด ตกเป็นที่อิจฉาตาร้อนของทุกคน!
ทำให้เหล่าแฟนคลับยิ่งเฝ้าคอยกิจกรรมที่จะดำเนินต่อไป
พวกเขาก็อยากได้เหมือนกัน!
…………………………………………