ตอนที่ 418 ระดับความสูงใหม่
งานโปรโมตที่เมืองหังโจวเสร็จสิ้นลง ทีมงานลู่เฉินออกเดินทางไปที่เมืองเซินไห่เป็นแห่งที่สองก่อน
ส่วนลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กลับไปบ้านที่ปินไห่
ตอนนี้การงานของเขากำลังรุ่งเรือง งานรัดตัวมาก แต่แม่ไม่ยอมเกษียณอายุก่อนกำหนดแล้วย้ายไปอยู่ที่ปักกิ่งด้วยกัน ดังนั้นนอกจากวันขึ้นปีใหม่ จะพบกันคราวหนึ่งนั้นช่างยากเย็น
ลู่เฉินเป็นลูกกตัญญู จึงอาศัยช่วงที่มาโปรโมตงานที่หังโจวครั้งนี้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่ พอดีกับที่แฟนสาวอยู่ด้วยเลยพาไปพร้อมกัน แม่กับน้องสาวจะได้ดีใจ พวกเขาเองก็จะได้กลับไปหาครอบครัวที่อบอุ่น
เพียงแต่เพราะการเดินทางได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงพักที่ปินไห่เพียงวันเดียว จากนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์เดินทางจากปินไห่ตรงกลับไปที่ปักกิ่ง ส่วนลู่เฉินเดินทางไปพบกับทีมงานที่เมืองเซินไห่
การเป็นคู่รักนักแสดง ต้องแยกกันโบยบินเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ผิดคาด ข่าวงานแฟนมีตติ้งของลู่เฉินที่เมืองหังโจวแพร่กระจายไปทั่วทุกสื่อบันเทิง แม้ไม่ถึงกับขึ้นหน้าหนึ่ง แต่ก็ได้คอลัมน์ข่าวที่ไม่เล็กเลย
หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นการปรากฏตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มาเซอร์ไพรส์ ยังมีข่าวที่ยอดผู้เข้าชมไลฟ์สดงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ทำลายสถิติ ทำให้การไลฟ์สดออนไลน์โด่งดังขึ้น
ดังนั้นต่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นการโปรโมตอัลบั้มใหม่ของลู่เฉิน แต่ผู้ชนะตัวจริงคือรถยนต์จงหวากับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ โดยเฉพาะ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ที่อาศัยยอดผู้เข้าชมที่ทำลายสถิติกวาดความนิยมไปได้เป็นจำนวนมาก มีแนวโนมสูงมากที่จะกลับมารุ่งโรจน์จนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
ถ้าถามว่าการปรากฏตัวของลู่เฉินทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดในวงการบันเทิงบ้าง เช่นนั้นอย่างแรกเลยก็คือความสามารถทางด้านการแต่งเพลงที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ของเขาได้สร้างกระแสครั้งใหม่ให้กับวงการเพลงป็อป สร้างแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ให้กับคนในประเทศ ขณะเดียวกันก็ฉุดให้ค่าตอบแทนของนักแต่งเพลงสูงขึ้น
ความจริงละครทั้งสองเรื่องที่ลู่เฉินเขียนบทและแสดงนำเองจนโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ ก็ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับละครจีน ทำให้ธุรกิจนี้เริ่มกลับมาคิดทบทวนอย่างจริงจังเรื่องการลอกเลียนแบบตามกระแสนิยม บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ได้รับผลกระทบจากความสำเร็จของ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ต่างก็ต้องตั้งใจผลิตผลงานที่มีความจริงใจออกมาอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มไลฟ์สดทางอินเทอร์เน็ตอีก
คนทั้งในและนอกวงการรู้กันดีว่า แม้ลู่เฉินได้เข้าวงการจากรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แต่ความนิยมและการพัฒนาของเขาที่สั่งสมมา อาศัยเว็บไซต์ ‘จิงอวี๋ทีวี’ เป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จแล้วก็ไม่ได้ตีจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ ไป กลับยิ่งทำให้ความนิยมเพิ่มสูงขึ้น
ตามข่าวที่วงในของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ แพร่งพรายออกมา ทาง ‘จิงอวี๋ทีวี’ ต้องการเซ็นสัญญาให้ลู่เฉินเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อ ค่าตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นเลขแปดหลัก ทุกเดือนลู่เฉินจะได้เงินส่วนแบ่งรางวัลจากทางเว็บไซต์คิดเป็นเงินหลายแสนหยวน
ลู่เฉินในตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาไลฟ์สดทาง ‘จิงอวี๋ทีวี’ มากนัก แต่ค่าพรีเซ็นเตอร์บวกกับส่วนแบ่งเงินรางวัลนั้นมาก จนทำให้นักแสดงระดับสองระดับสามอิจฉาตาร้อน
เมื่อมีความสำเร็จของเขาเป็นตัวอย่าง ดาราศิลปินจึงมาปรากฏตัวในแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตใหญ่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าซูเปอร์สตาร์ที่ไม่ขาดแคลนเงินและได้รับความนิยมสูงอยู่แล้วมักไม่สนใจด้านนี้ แต่พวกศิลปินที่ต่อสู้ดิ้นรนไขว่คว้าหาความก้าวหน้าอยู่ในวงการบันเทิงอย่างยากลำบากนั้นอดใจไม่ไหว โดยเฉพาะนักร้องวัยรุ่น
ในทางกลับกัน ดาราศิลปินที่ชอบเปิดการแสดงบ่อยๆ ทั้งยังดึงดูดแฟนคลับและผู้ชมจำนวนมากให้เข้ามาชมการไลฟ์สด ก็ได้ทำให้วงการธุรกิจนี้เติบโต
มีคนในวงการไลฟ์สดออนไลน์เคยเย้ยหยันว่า ทุกคนต้องลงขันกันทำเหรียญรางวัลขนาดใหญ่ให้ลู่เฉิน เพราะถ้าไม่มีความสำเร็จของเขา มูลค่าและความนิยมของธุรกิจนี้ก็ไม่อาจเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้
แต่เมื่อตัดผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงชั้นตื้นหรือชั้นลึกเหล่านี้ออกไป ยังมีผู้คนอีกมากมายที่สนใจความสามารถด้านการสร้างสรรค์ดนตรีของลู่เฉินมากกว่า
คืนที่ลู่เฉินออกเดินทางสู่เมืองเซินไห่ เจ้าของบล็อกและนักวิจารณ์ดนตรีชื่อดังในบล็อกล่างฉาว ‘นักพเนจรแห่งทะเลสาบตะวันออก’ ได้วิจารณ์เพลง ‘เจียงหนาน’ ที่ลู่เฉินร้องในงานแฟนมีตติ้งที่เมืองหังโจวเอาไว้อย่างลึกซึ้ง
“… ‘เจียงหนาน’ เพลงนี้แตกต่างจากผลงานเพลงชิ้นอื่นของลู่เฉิน ผู้เขียนคิดว่าเขาในฐานะที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่โดดเด่นคนหนึ่ง เขากำลังพยายามทดลองสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับวงการเพลงป็อป”
“สำหรับผู้เขียนแล้ว เพลงนี้เป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่จริงๆ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่งในปีนี้ของลู่เฉิน เขาขุดค้นเอาความดั้งเดิมของท้องถิ่นมาผสมผสานลงไปในดนตรีของตัวเอง กลายเป็นแนวเพลงที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์!”
“แม้ผู้เขียนจะได้ฟังเพียงเพลงที่ยังไม่ได้ผ่านการเรียบเรียงเสียงประสานและทำดนตรีประกอบ แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ถ้าเอาดนตรีพื้นบ้านดั้งเดิมมาขับเน้นให้คอนเซ็ปต์ของเพลงนี้ชัดขึ้น เสน่ห์ของเพลงนี้จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ควรค่าแก่การรอคอย!”
“ผู้เขียนกล้าพูดเลยว่า รอจนเพลง ‘เจียงหนาน’ เสร็จสมบูรณ์แล้ว ตำแหน่งของลู่เฉินในวงการเพลงป็อปจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดใหม่ ต่อไปผลงานของเขาหากรักษาแนวเพลงนี้เอาไว้ ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างกระแสใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง!”
บทความแสดงความชื่นชมของ ‘นักพเนจรแห่งทะเลสาบตะวันออก’ ที่มีต่อลู่เฉินไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมในบล็อกมากเท่าไร เพราะในบล็อกมีบทความที่ชื่นชมผลงานของลู่เฉินอยู่มากมาย และไม่ใช่ครั้งแรกที่ ‘นักพเนจรแห่งทะเลสาบตะวันออก’ วิจารณ์เพลงของลู่เฉิน
แต่ในวงการเพลงป็อป บางคนจมูกไวได้กลิ่นบางอย่าง
อนาคตไม่อาจคาดการณ์ได้ ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกจะสร้างลมพายุได้หรือไม่ ต้องตั้งตารอดูต่อไป ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!
สถานที่แห่งที่สองที่ลู่เฉินเลือกเป็นที่โปรโมตอัลบั้มใหม่คือเมืองเซินไห่ แห่งที่สามคือเมืองเทียนฝู่ แห่งที่สี่คือเมืองซาเฉิง
เขาพาทีมงานของตัวเองเดินทางอ้อมไปทั่วประเทศรอบใหญ่ ระยะทางเป็นพันกิโลเมตร เดินทางติดต่อกันทั้งเจ็ดเมือง สุดท้ายรีบกลับมาปักกิ่งก่อนที่อัลบั้มจะวางตลาดหนึ่งวัน!
และในตอนนี้ เป้าหมายการระดมทุนในเว็บไซต์ระดมทุนของอัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ ของลู่เฉินก็ได้ปรากฏเป็นรูปธรรมแล้ว ในนั้นมีหลายโครงการที่ยอดทะลุ 1000% รวมกับยอดจองซีดีของร้านหนังสือซินหวาแต่ละแห่ง ยอดขายอัลบั้มใหม่อยู่ที่ระดับล้านแผ่นแน่นอนแล้ว
เพราะขายดิบขายดีเกินไป ดังนั้นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจึงล่าช้าออกไปอีกหลายวัน
วันที่ 1 กันยายน อัลบั้ม ‘เส้นทางธรรมดา’ ของลู่เฉินได้วางตลาด
วันนั้นยอดขายอัลบั้มในเฟยซวิ่นมิวสิคทะลุเกินสองแสน!
อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องสงสัย สุดท้ายจะได้ขึ้นไปอยู่ระดับไหน เป็นที่ตั้งตาคอยของทุกคน
อัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ที่ลู่เฉินลงมือทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์ตอนนี้ยอดขายสะสมทะลุสี่ล้านแล้ว ประสบความสำเร็จคว้า ‘ไดมอนด์ดิสก์อวอร์ดส์’ ไปครองได้อย่างง่ายดาย ห่างจาก ‘อิมพีเรียลคราวน์ดิสก์อวอร์ดส์’ ที่ห้าล้านอีกไม่ไกลแล้ว
ถ้าอัลบั้มของลู่เฉินชุดนี้ได้ ‘อิมพีเรียลคราวน์ดิสก์อวอร์ดส์’ เหมือนกัน ก็จะกลายเป็นตำนานแห่งวงการเพลงป็อป เป็นที่น่าชื่นชมยินดีของคนนับไม่ถ้วน
วันที่ 22 กันยายน งานคอนเสิร์ตส่วนตัว ‘เฟยไม่ธรรมดา’ ของเฉินเฟยเอ๋อร์ จัดขึ้นที่สนามกีฬาโอลิมปิกในกรุงปักกิ่ง!
………………………………