ตอนที่ 469 เสนอไอเดีย
กรุงปักกิ่ง สโมสรป๋อรุ่ย
บนสังเวียนประลองหลี่มู่ซือในชุดยูโดสีดำกำลังโจมตีคู่ต่อสู้อย่างบ้าระห่ำ ทั้งลูกเตะ ฟาดขา เตะสะบัด เข่า หมัด ศอก…ระรัวเร็วแรงอย่างที่ทำให้คนอื่นเห็นแล้วหายใจแทบไม่ทัน
เธอดูเหมือนเสือดาวเพศเมียสีดำสวย ที่กำลังฉีกเหยื่อบนบนเวทีให้แหลกเป็นชิ้นๆ!
รอบสังเวียนมีคนรายล้อมอยู่ พวกเขาเป็นครูฝึกและสมาชิกของสโมสร ทุกคนกำลังส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจหลี่มู่ซือ ทำให้การโจมตีของเธอยิ่งดุเดือดขึ้น
คู่ต่อสู้ของหลี่มู่ซือไม่ใช่ย่อยเช่นกัน เขาแข็งแกร่งกว่า เผชิญหน้ากับการโจมตีแบบรัวๆ ของฝ่ายแรก เขารับมือได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งเอียงตัวหลบ ใช้ท่อนแขนกัน ยกขาคุ้มกันร่างกาย…แม้จะถอยหลังไปทีละก้าวก็ตาม แต่กลับรับอย่างเดียวไม่ยอมรุก ทำให้หลี่มู่ซือค่อยๆ หมดแรงลง
เปรี้ยง!
ลูกเตะตะแคงของหลี่มู่ซือถูกลู่เฉินยกแขนขึ้นมากันไว้อีกครั้ง ตอนที่ขาของเธอตกลงมา ขาซ้ายที่ใช้ค้ำยันร่างกายไว้งอลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกือบจะล้มลงกลางสังเวียน
หมดแรงแล้ว
ลู่เฉินถอยหลังสองก้าว ไม่ได้อาศัยจังหวะนี้โจมตีกลับ ยังอมยิ้มน้อยๆ ให้หลี่มู่ซืออีกด้วย
หน้าอกของหลี่มู่ซือกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงหลายครั้ง เธอถลึงตาใส่ลู่เฉินอย่างโมโห สุดท้ายก็ระเบิดออกมา “ไม่สู้แล้ว สู้กับนายไม่มีความหมาย นุ่มนิ่มไม่มีแรงเลย!”
ลู่เฉินยิ้มแต่ไม่พูด
หลี่มู่ซือยังไม่ตัดใจ “นายบอกว่าช่วงนี้ยุ่ง ไปทั้งเซียงเจียงทั้งทุ่งหญ้ามองโกล วิชากังฟูนี่รักษาไว้ยังไงกัน”
หลี่มู่ซือไม่ยอมแพ้ ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนที่แพ้ให้กับลู่เฉิน เธอก็เชิญยอดฝีมือด้านหมัดมวยมาฝึกสอนโดยเฉพาะ ใช้เวลาฝึกซ้อมอยู่นานมาก เชื่อว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะแล้ว
ครั้งนี้เมื่อลู่เฉินกลับมาถึงเมืองหลวงอีกครั้ง เธอจึงบังคับให้เขามาที่สโมสรป๋อรุ่ยเพื่อประลองใหม่
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ลู่เฉินจะรับและป้องกันอย่างเดียว ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ
ลู่เฉินคิดแล้วตอบว่า “ผมมีพรสวรรค์สูงมั้งครับ”
ลู่เฉินได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้มาจากความทรงจำของโม่หราน และพรสวรรค์ของเขาในด้านนี้ก็สูงจริงๆ เวลาผ่านไปแค่ปีกว่าก็ทำได้เหมือนโม่หรานตอนที่กำลังรุ่งโรจน์ไม่มีผิดเพี้ยน
ที่สำคัญที่สุดคือลู่เฉินชอบความรู้สึกของการฝึกวิชาต่อสู้ การต่อสู้ทำให้เขาแข็งแกร่งมีกำลัง มีสมาธิเต็มเปี่ยม อีกทั้งยังมีความมั่นใจและมีอุดมการณ์ในการต่อสู้ ดังนั้นไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ลู่เฉินไม่เคยลืมหาเวลามาฝึกซ้อมรักษาระดับฝีมือเอาไว้
หลี่มู่ซือก้าวหน้าอย่างไร เขาเองก็ไม่ได้ถอยหลังกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วยซ้ำ
คำตอบของลู่เฉินทำให้หลี่มู่ซือกลอกตามองบน เธอเลียริมฝีปากไม่ยอมแพ้ พูดอย่างหนักหน่วงว่า “นายอย่าได้ใจไปเลย ครั้งหน้าฉันจะต้องล้มนายให้ได้!”
ริมฝีปากแดงแสยะยิ้ม ความสวยงามที่เต็มไปด้วยอันตราย เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้ลู่เฉินรู้สึกใจเต้นแรง
เขายิ้มและกุมมือทำท่าคำนับให้หลี่มู่ซือ “ได้ทุกเมื่อครับ!”
เบื้องล่างสังเวียน วั่นหย่งครูฝึกของสโมสรป๋อรุ่ยแอบยกนิ้วโป้งให้เขา
ลู่เฉินขยิบตาให้แล้วยิ้ม
ออกจากสังเวียนมา ไปที่ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นทั้งสองคนมานั่งพักผ่อนอยู่ริมหน้าต่าง
พนักงานของสโมสรนำกาแฟและชามาเสิร์ฟ
หลี่มู่ซือที่แต่งตัวแต่งหน้าใหม่เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชุดสูทโอแอลสีฟ้าอ่อนคืนความสวยสง่าให้เธอ ท่าทางข่มขู่ต่อสู้หายไปหมดสิ้น
แต่ลู่เฉินรู้ดีว่าตอนนี้เธอเพียงเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ชั่วคราว
“ลู่เฉิน นายมีข้อเสนอแนะอะไรเกี่ยวกับความก้าวหน้าของบริษัทของเราหรือเปล่า”
หลี่มู่ซือจิบกาแฟ แล้ววางแก้วลง ถามอย่างจริงจังว่า “ครั้งนี้เชิญนายมาเพราะอยากฟังความคิดเห็น ตอนนี้บริษัทกำลังเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่”
บริษัท ระดมทุนออนไลน์มู่เฉิน จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เว็บไซต์ระดมทุนได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนเดียวกัน ทั้งยังได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์เชิงพานิชย์ ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายเป็นเวลาหนึ่งปี
ลู่เฉินผู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุนออนไลน์ได้ขายหุ้นในส่วนของตัวเองออกไปสองครั้ง สุดท้ายหลงเหลือไว้เพียง 10% สำหรับฐานะผู้ก่อตั้ง เขาได้ถอนตัวออกจากธุรกิจระดมทุนออนไลน์ไปแล้ว
หนึ่งปีที่ผ่านมา โมเดลธุรกิจออนไลน์รูปแบบใหม่นี้ภายใต้การนำของหลี่มู่ซือที่อาศัยทั้งเงินทุนและเส้นสายของตระกูลหลี่ เว็บไซต์ระดมทุนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ขนาดธุรกิจใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ได้กำไรมากมายมานานแล้ว
ตอนนี้ภายในบริษัทมีพนักงานหลายร้อยคน ขณะเดียวกันโครงการระดมทุนที่ทำในบริษัทมีมากกว่าห้าร้อยโครงการ ยอดเงินระดมทุนสูงจนน่าตกใจ
รูปแบบการทำกำไรของเว็บไซต์ระดมทุนไม่ซับซ้อน เว็บไซต์นั้นเข้าถึงง่าย สามารถสร้างผลงานได้ดีภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้เป็นเพราะมีความคิดสร้างสรรค์ทางธุรกิจเป็นกุญแจสำคัญ
แต่ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่เรียนรู้และเลียนแบบได้ง่าย นักธุรกิจการเงินรายใหญ่และผู้นำทางเน็ตเวิร์กต่างจับจ้องเค้กที่น่าอร่อยชิ้นนี้ ดังนั้นเมื่อช่วงเวลาคุ้มครองลิขสิทธิ์หมดลง ก็มีเว็บไซต์ในรูปแบบที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นในประเทศหลายเว็บไซต์ การแข่งขันดุเดือดมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ความกดดันของหลี่มู่ซือย่อมสูงตาม ในบรรดาคู่แข่งของเธอมีหลายฝ่ายที่มีอำนาจมาก มีเบื้องหลังลึกล้ำ เงินทุนหนาหนัก พวกเขาจ้องเนื้อชิ้นนี้อยู่ ถ้าไม่ได้กัดสักคำคงไม่พึงพอใจ
แม้ว่าหลี่มู่ซือคาดเดาเหตุการณ์ได้ กลับไม่อาจต้านทานคู่ต่อสู้ที่ดุร้ายเช่นนี้ จากตลาดที่เป็นของตัวเอง 100% ถูกแบ่งออกไปไม่น้อย หากจะบอกว่าเธอไม่ร้อนรนเลยคงจะโกหก
วันนี้เธอลากลู่เฉินมา และสู้กับลู่เฉินก่อน ก็เพราะอยากระบายความกดดันที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน จากนั้นค่อยขอคำชี้แนะจากลู่เฉิน
“ฉันรู้ว่านายต้องมีวิธี!”
ตอนนี้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเว็บไซต์ระดมทุนยังเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้ที่มาทีหลังนั้นอยู่ท้ายแถว แต่ก็ไม่ควรนิ่งดูดาย หลี่มู่ซือไม่อยากเป็นเสือนอนกิน เธอยังเตรียมจะนำเอาเว็บไซต์ระดมทุนไปเข้าตลาดหลักทรัพย์สำหรับวิสาหกิจที่เติบโต (Growth Enterprise Market)
“เว็บระดมทุนก่อตั้งขึ้นด้วยมือของนายเองนะ นายคงไม่อยากเห็นแรงกายแรงใจของตัวเองถูกทำลายไปใช่ไหม”
“นายอย่าลืมสิว่านายก็มีหุ้นในเว็บระดมทุนด้วย ถ้าได้เข้าตลาดละก็…”
ชี้แจงด้วยเหตุผลก่อนแล้วจึงเดินหน้าต่อ ใช้ผลประโยชน์มาเป็นตัวล่อ หลี่มู่ซือทำทุกทางเพื่อขุดข้อมูลจากลู่เฉิน ถือว่าเธอใช้ความพยายามเต็มที่แล้ว
ลู่เฉินทำหน้าไม่ถูก รีบตัดบทว่า “เอาละ ผมรู้แล้ว สองวันนี้ผมจะเตรียมข้อมูลให้คุณ”
กลับไปทบทวนข้อมูลความทรงจำในโลกแห่งความฝันดูก่อน น่าจะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ไม่น้อย
แน่นอนว่าเว็บไซต์ระดมทุนจะเอาชนะคู่แข่งมากมายได้หรือไม่ ยังต้องอาศัยความเก่งกาจของหลี่มู่ซือ
หลี่มู่ซือเป็นที่พอใจแล้ว “ต้องอย่างนี้สิ…”
จู่ๆ เธอเหมือนนึกเรื่องสำคัญออก “ทีมที่นายฝึกไว้ในสโมสรของเรา เตรียมจะใช้จริงแล้วใช่ไหม”
ลู่เฉินอึ้งไปชั่วขณะ
………………………………