ตอนที่ 495 หนูข้ามถนน
เขตไหล่เขา เลขที่ 15 ถนนฉางเจีย คฤหาสน์ตระกูลเจี่ยง
เขตไหล่เขาของฮ่องกงเป็นเขตที่อยู่อาศัยชั้นสูง ตั้งอยู่ระหว่างวิคตอเรียพีคกับเซ็นทรัล ตำแหน่งของที่นี่ค่อนข้างได้เปรียบ บ้านหลายหลังสามารถทอดมองลงไปจากที่สูงเห็นอ่าววิคตอเรียที่ดูพลุกพล่าน เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่โปรดปรานของคนร่ำรวยที่อพยพมาจากต่างถิ่นและเศรษฐีชาวฮ่องกงเป็นอย่างมาก
บนเขตไหล่เขามีคฤหาสน์หรูหลายหลังที่มีประวัติยาวนาน คฤหาสน์ตระกูลเจี่ยงก็เป็นหนึ่งในนั้น มันถูกสร้างมาจากเงินสะสมที่ได้จากการทำธุรกิจของคุณทวดเจี่ยงเมื่อห้าสิบปีก่อน ใช้สไตล์ผสมผสานระหว่างจีนและตะวันตก เป็นบ้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเขตไหล่เขา
ตระกูลเจี่ยงขึ้นๆ ลงๆ มาหลายสิบปี เคยมีช่วงหนึ่งที่เกือบล้มละลาย แต่ตระกูลเจี่ยงไม่เคยคิดที่จะขายบ้านของบรรพบุรุษราคาสูงลิบลิ่วหลังนี้เลย เพราะบ้านหลังนี้เป็นตัวแทนรากเหง้าของตระกูลเจี่ยง เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของคนในตระกูล
มีเพียงคนที่เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยงเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้นำตระกูลเจี่ยง
เจี่ยงเฉิงหวาย้ายออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยงเมื่อสิบปีก่อน ในฐานะลูกชายที่ออกมาอาศัยข้างนอกเพียงลำพัง ปกติหากไม่มีความจำเป็น เขาจะกลับบ้านน้อยมาก
เพราะบ้านหลังใหญ่ที่โออ่าหลังนี้ มักให้ความรู้สึกอึดอัดสำหรับเขาตลอด ทำให้เขาหายใจลำบาก
ตัวเองพักอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าสบายและมีอิสระมากแค่ไหน
แต่วันนี้เขาไม่มาไม่ได้ เพราะเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งก็คือพ่อของเขากำลังโกรธกระฟัดกระเฟียด
วินาทีที่เข้ามาในบ้าน เจี่ยงเฉิงหวาจึงเผยรอยยิ้มเจื่อนๆ ออกมาบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าหากโลกนี้มียารักษาความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป เช่นนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยเงินหลายสิบล้าน เขาก็ยอมซื้อหนึ่งเม็ดแล้วกินลงไป เพื่อย้อนเวลากลับไปเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
หากเป็นเช่นนี้ เจี่ยงเฉิงหวาก็สามารถยับยั้งการเกิดขึ้นของโศกนาฏกรรมได้
ในฐานะเถ้าแก่ร้านอาหารหงหวา สองสามวันที่ผ่านมาเขาได้รับแรงกดดันเยอะมาก แรงกดดันที่มาจากทุกด้าน
เจี่ยงเฉิงหวาไม่คาดฝันจริงๆ เดิมทีคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ สามารถจัดการได้อย่างสบาย แต่กลับโดนลมพายุของความคิดเห็นมวลชนที่มีต่อตนเองถล่ม กรณีทารุณสุนัขเป็นที่โจษจันในฮ่องกง บริษัทหงหวาถูกปาด้วยไข่เน่าและมะเขือเทศเน่าไปตั้งเท่าไรไม่รู้ จึงต้องปิดกิจการชั่วคราวอย่างช่วยไม่ได้
ส่วนตัวเขาเองกลับกลายเป็นหนูข้ามถนน เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่คบกันปกติต่างเดินหลบ สาวสวยข้างกายที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ก็หายหมด ไม่ว่าใครก็กลัวจนหนีแทบไม่ทัน
เขาเจี่ยงเฉิงหวาตกต่ำถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก อีกฝ่ายใช้วิธีขับเคลื่อนพลังความคิดเห็นของประชาชนได้โหดเหี้ยมจริงๆ หลอกใช้ความผิดพลาดและความประมาทเลินเล่อในการทำงานของลูกน้องของเขา ตอกตะปูแห่งความอัปยศอดสูให้แก่บริษัทหงหวากลายเป็นเป้าหมายที่ถูกด่าทอของคนนับหมื่น…
ตอนนี้ไฟลุกลามมาถึงตระกูลเจี่ยงแล้ว
ใครสั่งให้เขาแซ่ ‘เจี่ยง’ ล่ะ!
เจี่ยงเฉิงหวายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด อดไม่ได้ที่จะดึงเน็กไทที่ลำคอ
“นายน้อย คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”
พ่อบ้านผมขาวโพลนกำลังรอต้อนรับอยู่หน้าประตูห้องโถง เขาใช้สายตาที่ตำหนิเล็กน้อยมองเจี่ยงเฉิงหวา แล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณท่านกำลังรอคุณอยู่ในห้องหนังสือ วันนี้ท่านยังไม่ได้กินข้าวเลย คุณอย่าทำให้ท่านต้องโมโหอีกนะครับ”
เจี่ยงเฉิงหวาเป็นคนดื้อรั้นมาตลอด แต่คนผู้นี้รับใช้อยู่ที่บ้านตระกูลเจี่ยงมานานห้าสิบปี เคยรับใช้คุณทวดเจี่ยงคุณปู่ของเจี่ยงเฉิงหวา ตอนนี้ก็รับใช้ผู้อาวุโสที่สุดอย่างเจี่ยงไท่พ่อของเจี่ยงเฉิงหวา เขาจึงไม่กล้าที่จะเสียมารยาท
“ลุงจิ่ว ผมผิดไปแล้วครับ”
พ่อบ้านชรายิ้มพรายแล้วเอ่ยว่า “รู้ว่าผิดก็ดีแล้วครับ รีบเข้าไปเถอะครับ”
เจี่ยงเฉิงหวาขานรับหนึ่งที จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องหนังสือซึ่งอยู่บนชั้นสองทันที
เมื่อถึงห้องหนังสือ เจี่ยงเฉิงหวาเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป เห็นเพียงพ่อของตัวเองกำลังนั่งตัวตรงอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ด้านซ้ายและขวายังมีคนนั่งอยู่อีกเจ็ดแปดคน รวมทั้งน้องชายสองคนของเขากับผู้บริหารระดับสูงสองสามคนของบริษัทเจี่ยงกรุ๊ป
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่เขาพร้อมกัน มีทั้งเห็นใจ มีทั้งประณาม มีทั้งขัดใจต่อความไม่เอาถ่าน และรู้สึกสะใจ
คนที่สะใจ ก็คือน้องชายสองคนของเขาที่ปากไม่ตรงกับใจนั่นเอง!
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เจี่ยงเฉิงหวาอยากจะกลับบ้านทันที แต่เห็นสายตาบีบบังคับที่เฉียบคมของเจี่ยงไท่แล้ว เขาจำต้องกัดฟันทักทาย “พ่อ เรียกหาผมเหรอครับ”
เจี่ยงไท่ทำเสียง ‘เชอะ’ หนึ่งทีแล้วเอ่ยว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้เชิญคุณชายสามแห่งตระกูลเจี่ยงอย่างแกยากมาก แต่พวกเราตระกูลเจี่ยงกำลังอยู่ในช่วงความเป็นความตาย แกก็เป็นคนของตระกูลเจี่ยงเหมือนกัน ดังนั้นคงจะทำตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
ความเป็นความตายเรอะ!
เจี่ยงเฉิงหวาตกใจมาก…เรื่องนี้มันรุนแรงมากขนาดนั้นเชียวหรือ
ถึงแม้กรณีทารุณสุนัขของพนักงานหงหวาจะทำให้ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ตาม ทว่าหากจะแก้ไขปัญหาก็ยังมีหนทางอยู่ ถึงอย่างไรคนที่ก่อเรื่องก็ถูกตำรวจควบคุมตัวไปแล้ว ให้เขายอมรับผิดชดใช้เงินก็พอแล้ว
ส่วนเรื่องความคิดเห็นของสาธารณชน ขอเพียงยอมรับผิดอย่างจริงใจ แล้วจ่ายเงินอีกนิดขอความอนุโลมจากสื่อ อันที่จริงเรื่องมักผ่านไปไวเสมอ เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะคอยจ้องเรื่องนี้ตลอดไม่ยอมปล่อย
สมาคมคุ้มครองสัตว์เลี้ยงเป็นตัวปัญหาใหญ่มาก แต่ตระกูลเจี่ยงสามารถใช้เส้นสายติดต่อหลายทางได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าเสียเงินทุนเล็กๆ น้อย เดี๋ยวก็ผ่านไปได้แล้ว
ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสั่นคลอนถึงรากฐานของตระกูลเจี่ยง!
“พ่อ เรื่องนี้ผมหาทางแก้ไขได้แล้วครับ ไม่มีไรมากแค่ก้มหัวยอมรับผิดก็พอ…”
เจี่ยงเฉิงหวาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หรือว่าแค่ฆ่าสุนัขสองสามตัว พวกเราตระกูลเจี่ยงต้องชดใช้ด้วยชีวิตเหรอ”
เจี่ยงไท่ใบหน้านิ่งดุจสายน้ำ ไม่พูดอะไร
ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขากระแอมหนึ่งที แล้วเอ่ยว่า “คุณชายสาม โรงงานสองแห่งที่พวกเราลงทุนที่จีนถูกกรมสรรพากรบุกเข้ามาตรวจกะทันหัน บัญชีงบดุลถูกยึดหมดแล้ว อาจจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก”
“นอกจากนี้สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมวันนี้ก็มา บอกว่าจะดำเนินการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่กับพวกเรา!”
ครานี้เจี่ยงเฉิงหวางงมากจริงๆ
นับตั้งแต่ปฏิรูปและเปิดประเทศ เศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีตลาดขนาดใหญ่มหึมา มีแหล่งผลิตสินค้าและทรัพยากรมนุษย์ที่มั่งคั่ง ประเทศจีนจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนชาวฮ่องกง
เศรษฐีสิบอันดับแรกของฮ่องกงล้วนลงทุนเป็นเงินมหาศาลที่ประเทศจีน ร่ำรวยมั่งคั่งโดยอาศัยการทำกำไรสูงเทียมฟ้าในจีนแผ่นดินใหญ่ แน่นอนว่าตระกูลเจี่ยงก็ไม่ยอมพลาดโอกาสรวย เริ่มทำตามกระแสเมื่อยี่สิบปีก่อน
สองสามปีที่ผ่านมา บริษัทเจี่ยงกรุ๊ปได้ลิ้มรสชาติหอมหวานจากการเติบโตทางเศรษฐกิจรอบใหม่ของจีนแผ่นดินใหญ่ จึงลงทุนสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งใหม่ถึงสองแห่งในประเทศจีนต่อ ล่าสุดเพิ่งลงทุนผลิตและจัดจำหน่ายไปไม่นาน
ทั้งสองโครงการนี้ครอบคลุมไปถึงเงินทุนส่วนใหญ่ของตระกูลเจี่ยง รวมทั้งเงินกู้ธนาคารหลายร้อยล้าน ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มทำกำไร ดันถูกบุกตรวจสอบจากกรมสรรพากรกะทันหัน
เจี่ยงเฉิงหวารู้ดี โรงงานใหญ่สองแห่งที่ประเทศจีนของบ้านตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีหรือว่าด้านสิ่งแวดล้อม ล้วนมีเรื่องปิดบังที่เปิดเผยไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากตรวจสอบอย่างชัดเจนก็จะเจอปัญหา
อันที่จริงนี่คือปัญหาทั่วไปของบริษัทฮ่องกงที่ลงทุนในประเทศจีน ทว่ารัฐบาลอยากจะให้เศรษฐกิจเติบโตจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ถ้าหากทำเกินไปก็ปล่อยผ่านไม่ได้
และบริษัทเจี่ยงกรุ๊ปก็ติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานของรัฐบาลอย่างระมัดระวังมากมาตลอด
แต่ตอนนี้ก็ยังเกิดเรื่องจนได้!
ลางสังหรณ์บอกเจี่ยงเฉิงหวาว่า โครงการลงทุนของบริษัทเจี่ยงกรุ๊ปถูกตรวจสอบที่ประเทศจีน ต้องเกี่ยวข้องกับกองถ่ายภาพยนตร์ขนาดเล็กที่รับมือกับตัวเองก่อนหน้านี้แน่นอน
ถึงแม้คิดเชื่อมโยงกันแบบนี้จะไร้สาระมาก น่าเหลือเชื่อมาก แต่เจี่ยงเฉิงหวาก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออก
…………………………………………………………………………