ตอนที่ 497 ให้เขาไสหัวกลับไป
เมื่อเห็นลู่เฉิน หญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวก็ยื่นมือถอดแว่นตากันแดดออก เผยรอยยิ้มที่อ่อนหวานออกมา
รอยยิ้มสวยหยาดเยิ้ม ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ลู่เฉินไม่มีคนอื่นอยู่ในสายตาเลย เขารีบวิ่งเข้าไปตรงหน้าเธออย่างอดใจไม่ไหว พยายามอดกลั้นอารมณ์ที่อยากจะสวมกอดเธอไว้ในอ้อมแขน จับมือเธอแล้วเอ่ยว่า “คุณมาได้ยังไงครับ”
หญิงสาวชุดกระโปรงยาวสีขาวสวยงามสง่าก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์
ถ่ายทำละครที่ทุ่งหญ้ามองโกเลีย ผิวของเธอดำลงนิดหน่อย แต่ไม่อาจทำลายเสน่ห์ของเธอได้อย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้ามกลับยิ่งสวยและมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าขมวดคิ้วหรือมีรอยยิ้มล้วนเป็นความงามที่น่าประทับใจ
ลู่เฉินคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะมาฮ่องกงกับหลี่มู่ไป๋
เฉินเฟยเอ๋อร์ปล่อยให้เขาจับสองมือตามอำเภอใจ จ้องมองเขาด้วยสายตาแห่งความประดิพัทธ์ ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ฉันถ่ายทำฉากที่ทุ่งหญ้ามองโกเลียเสร็จแล้ว ผู้กำกับให้ฉันหยุดพักครึ่งเดือน ฉันก็เลยมา”
“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ นายก็ไม่บอกฉัน ดีนะที่พี่มู่ซือบอกฉันแล้ว”
พอพูดถึงประโยคสุดท้าย เธอตวัดตาค้อนใส่ลู่เฉินหนึ่งที
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนไม่พูดอะไร
เขาไม่บอกเฉินเฟยเอ๋อร์ แน่นอนว่ากลัวเธอจะเป็นห่วง จนส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำละครโทรทัศน์
ทว่าเขากลับคาดคิดไม่ถึงว่าหลี่มู่ซือจะบอกเธอ
“นี่ๆๆ!”
หลี่มู่ไป๋ที่อยู่ข้างๆ ถูกมองข้ามจึงไม่พอใจ “ได้โปรดล่ะพวกพี่สองคนอย่ามาอวดความรักแถวนี้ได้ไหม!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆ หมุนตัวแล้วกอดอีกฝ่ายอย่างแรง “ยินดีต้อนรับสู่ฮ่องกง!”
หลี่มู่ไป๋กลอกตา “ฮ่องกงผมคุ้นเคยมากกว่าพี่อีก ผมมีเพื่อนอยู่ที่นี่ไม่น้อย”
ลู่เฉินยอมแพ้ “พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ”
หลี่มู่ไป๋กับเฉินเฟยเอ๋อร์แน่นอนว่าไม่ได้มาตัวคนเดียว ต่างคนต่างพาผู้ช่วยของตัวเองมาด้วย ข้างกายของเฉินเฟยเอ๋อร์ยังมีบอดี้การ์ดหญิงอีกสองคน รวมกันแล้วทั้งหมดหกเจ็ดคน
บนลิฟต์ ลู่เฉินถามหลี่มู่ไป๋ว่า “ได้ยินพี่สาวของนายพูดว่าไปฮันนีมูนที่ฮาวายเหรอ”
“ฮันนีมูนอะไร พูดมั่วซั่ว!”
หลี่มู่ไป๋แสยะปาก “แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน ผ่อนคลายจิตใจเท่านั้นเอง”
พูดว่าเป็นเพื่อน แต่ใบหน้าที่ภูมิใจของเขากลับปกปิดไม่มิด คาดว่าความรักกำลังไปได้สวย
ลู่เฉินถามว่า “ทำไมไม่พาเธอมาเที่ยวฮ่องกงด้วยกันล่ะ”
หลี่มู่ไป๋ทำท่าจนใจ “เธอมีธุระที่บ้าน เฉินเชี่ยนก็อยากมา แต่พอรู้ว่าแฟนของพี่…แค่กๆ!”
เขากระแอมแรงๆ สองที และแอบมองเฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง
ลู่เฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทำอย่างกับว่าเขากับเฉินเชี่ยนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา อีกฝ่ายหวั่นเกรงเฉินเฟยเอ๋อร์แฟนตัวจริงของเขาดังนั้นจึงไม่กล้าตามมาด้วย แบบนี้จงใจใส่ความกันชัดๆ
จะว่าไปแล้ว ความทรงจำของเขาที่มีต่อหญิงสาวที่มีนิสัยดื้อรั้นคนนั้นค่อนข้างเลือนรางแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ดวงตากระเพื่อมหมุนวนไปมา เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
โชคดีที่ถึงชั้นของสตูดิโอแล้ว ประตูลิฟต์เปิด ทุกคนทยอยเดินออกมา
“พี่บริหารที่นี่ได้ไม่เลวนะ!”
ภายใต้การนำของลู่เฉิน คนทั้งกลุ่มเดินชมสตูดิโอของลู่เฉินก่อน
เมื่อพวกพนักงานรู้ว่าแฟนของลู่เฉิน หรือก็คือเถ้าแก่เนี้ยในอนาคตมาเยี่ยมถึงที่ จึงเอ่ยทักทายด้วยความเคารพและกระตือรือร้น เฉินเฟยเอ๋อร์ขานรับอย่างมีมารยาท ทำให้บรรยากาศในสตูดิโอดูกลมกลืนเป็นพิเศษ
หลังจากเดินชมเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็เข้าไปนั่งในออฟฟิศของลู่เฉิน
หลี่มู่ไป๋ยึดที่นั่งของลู่เฉินอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ไล่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปนั่งบนโซฟา จากนั้นตัวเองก็ตบโต๊ะแล้วเอ่ยว่า “ผมเตรียมจะเปิดออฟฟิศที่ฮ่องกง จ้างพนักงานสักเจ็ดแปดคน แล้วก็ให้เรียกผมว่าเถ้าแก่ทุกวัน ฮ่าๆๆ!”
ลู่เฉินพูดไม่ออกเลย “ช่วงนี้นายว่างจัดใช่ไหม”
ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากจะไล่ก้างขวางคอตัวเบ้อเริ่มออกไปตอนนี้เลย จะได้ไม่รบกวนเวลาหวานชื่นของตนกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ไม่ได้เจอกันนาน
หลี่มู่ไป๋หัวเราะฮิๆ “พี่คิดว่าผมล้อเล่นเหรอ ผมจริงจังนะ ครั้งนี้ผมไม่ได้มาเที่ยว อย่างแรกต้องตั้งบริษัทระดมทุนมู่เฉินสาขาฮ่องกงก่อน จากนั้นก็ดำเนินการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง!”
“จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง?”
ลู่เฉินประหลาดใจมาก ควรทราบว่าตั้งแต่บริษัทระดมทุนมู่เฉินก่อตั้งมาจนถึงตอนนี้ เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งปีกว่าเท่านั้น
หลี่มู่ซือคิดที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเสียแล้ว
ตลาดหุ้นของฮ่องกงมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มาตรฐานระดับสากล มีการเติบโตและมีเหตุมีผลมากกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของประเทศจีน ฉะนั้นบริษัทที่มีศักยภาพในประเทศจีนจึงเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงไม่น้อย
เดิมทีหลี่มู่ซือเคยพูดกับลู่เฉินว่า อยากจะเข้าตลาดรองในประเทศจีน แต่กลับกระโดดมาที่ฮ่องกง จุดเริ่มต้นสูงยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าหากเข้าตลาดหลักทรัพย์สำเร็จ เช่นนั้นบริษัทระดมทุนมู่เฉินก็จะได้รับเงินทุนมหาศาล ทะยานขึ้นฟ้าได้อย่างรวดเร็ว!
“เรื่องนี้ซับซ้อนมาก เอาไว้พวกเราค่อยๆ พูดกันเถอะ…”
หลี่มู่ไป๋โบกมือไปมา ใช้น้ำเสียงที่ไม่พอใจพูดกับลู่เฉิน “พี่ถ่ายหนังที่ฮ่องกง ถูกคนหาเรื่อง พี่ไม่บอกพี่เฟยเอ๋อร์ผมยังพอเข้าใจได้ แต่ทำไมถึงไม่โทรหาพี่น้องอย่างผมเล่า”
พูดถึงตรงนี้ เขารู้สึกโกรธจริงๆ ขาดก็แต่ชี้นิ้วใส่จมูกของลู่เฉินที่ไม่เห็นพี่น้องอย่างเขาอยู่ในสายตา
ไม่รักษาน้ำใจกันเลย!
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ แล้วเอ่ยว่า “ความจริงไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก ฉันอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากนายแน่นอน”
ตอนแรกที่ถูกยั่วยุด้วยเจตนาร้ายจากหงหวา ลู่เฉินก็เคยคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลี่ แต่เมื่อคิดได้ว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นยามที่เจอเรื่องลำบากตลอดวลาไม่ได้ ดังนั้นความคิดนี้จึงหายไปจากหัวของเขาทันที
สุดท้าย เขาก็อาศัยกำลังของตัวเองตีโต้กลับหงหวาได้อย่างสวยงาม
หงหวาในตอนนี้ก็เหมือนสุนัขตกน้ำ กลายเป็นเป้าหมายที่ใครเห็นเป็นรังเกียจในฮ่องกง แม้แต่โจวอี้ยังยอมแพ้ให้กับวิธีของเขา จึงพิสูจน์แล้วว่าขอเพียงใช้วิธีถูกต้อง ไม่ว่าปัญหาใดๆ ก็แก้ไขได้ไม่ยาก
“ตระกูลเจี่ยงพอมีอิทธิพลในฮ่องกงอยู่บ้าง…”
เห็นได้ชัดว่าหลี่มู่ไป๋ก็รู้รากเหง้าของหงหวาแล้ว จากนั้นเขาก็พูดเหมือนไม่ตั้งใจว่า “แต่พี่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาจะมาขอโทษพี่ในไม่ช้า”
ลู่เฉินฉุกคิดขึ้นมา แล้วถามว่า “นายทำอะไรเหรอ”
หลี่มู่ไป๋พูดแบบนี้ แสดงว่าต้องไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาที่ขอความช่วยเหลือจากสมาคมคุ้มครองสัตว์เลี้ยงเพื่อรับมือกับหงหวาแน่นอน
หลี่มู่ไป๋หัวเราะฮิๆ แล้วกล่าวว่า “ก็ไม่มีอะไร แค่หาคนไปช่วยตรวจสอบโรงงานใหญ่สองแห่งที่บริษัทเจี่ยงกรุ๊ปลงทุนในประเทศจีนเท่านั้นเอง”
ลู่เฉินตกใจมาก “นี่คือการระดมคนจำนวนมากเกินไปหรือเปล่า”
เดิมทีก็แค่เรื่องเล็กๆ อย่างเก็บเงินค่าคุ้มครองเท่านั้น แต่ทะเลาะกันจนกลายเป็นตระกูลหลี่ต่อสู้กับตระกูลเจี่ยง เรื่องบานปลายจนอยู่เหนือการควบคุมของลู่เฉินอย่างสิ้นเชิง
หลี่มู๋ไป๋พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “รังแกพี่ก็เท่ากับรังแกผม รังแกผมก็เท่ากับรังแกครอบครัวตระกูลหลี่ของพวกเราในฮ่องกงผมไม่กล้าจัดการตระกูลเจี่ยง แต่ในประเทศจีน…ฮิๆ!”
ลู่เฉินพูดไม่ออก รู้สึกซาบซึ้งเพียงอย่างเดียว
และในเวลานี้ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นมา ไฟหน้าจอแสดงว่าเป็นสายภายในของบริษัท
ลู่เฉินจึงส่งสายตาให้หลี่มู่ไป๋ช่วยรับสายแทน
สายที่โทรมาเป็นพนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ “คุณลู่ คุณเจี่ยงจากตระกูลเจี่ยงต้องการพบคุณค่ะ”
ลู่เฉินยังไม่ทันตอบ หลี่มู่ไป๋ก็ชิงพูดก่อน “ให้เขาไสหัวกลับไป!”
…………………………………………………………………………