ตอนที่ 543 ก้าวร้าว
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ห่างจากวันวาเลนไทน์ปี 2017 อีกเพียงสองวัน
วันวาเลนไทน์เป็นเทศกาลของโลกตะวันตก ชาวฮ่องกงเคยตกอยู่ในยุคอาณานิคมจึงให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ด้วย โดยเฉพาะชายหนุ่มหญิงสาวด้วยแล้ว วันนี้สำคัญกว่าวันตรุษจีนเสียอีก
มอบดอกไม้ ให้ช็อกโกแลต นัดเดต กินข้าว ดูหนัง จากนั้นออกไปเดินเล่นแถวบาร์จนถึงตอนดึก สุดท้ายเปิดห้องสวีทโรแมนติกในโรงแรมจนฟ้าสาง กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนฮ่องกงมากมายในวันวาเลนไทน์ไปแล้ว
ผลลัพธ์ที่ได้คือการบริโภคจำนวนมหาศาล โรงภาพยนตร์ขนาดเล็กขนาดใหญ่ทั่วทั้งฮ่องกงต่างเตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับลูกค้าที่จะหลั่งไหลเข้ามา
ดังนั้นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์จึงเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดในช่วงตรุษจีน ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีศักยภาพและมีความทะเยอทะยานล้วนเลือกที่จะเปิดตัวในช่วงเวลานี้ทั้งนั้น เพื่อกระตุ้นยอดขายตั๋วหนังในวันแรกและสัปดาห์แรก
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ คาดว่ามีหนังใหม่ทั้งหมดเจ็ดเรื่องที่จะออกฉายในโรงหนัง 129 แห่งทั่วฮ่องกง เมื่อรวมกับหนังที่เปิดตัวไปแล้วช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน การแข่งขันยิ่งสูงเกินบรรยาย…ทุกคนต่างจับจ้องเค้กชิ้นใหญ่ก้อนนี้
ในกรณีที่ไม่มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างภาพยนตร์ฮอลลีวูด ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จะยังคงเป็นหนังใหม่ที่มีคนติดตามมากที่สุดในบรรดาหนังใหม่ทั้งเจ็ดเรื่อง ช่วงที่ปล่อยภาพโปรโมตกับตัวอย่างหนังออกไปได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์และผู้ชมจำนวนไม่น้อย ทั้งยังโหมโฆษณาอย่างหนักหน่วง ดังนั้นจึงเป็นที่เฝ้าคอยของตลาดเป็นอย่างสูง
ดัดแปลงเรื่องราวจาก ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ มาสร้างเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีจีน ใช้เอฟเฟกต์พิเศษระดับสูงสุดเพื่อเอาชนะใจผู้ชม
นี่คือคำโฆษณาของหนังเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’
คืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ หวาก้วนพิคเจอร์สและซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ได้ร่วมกันจัดงานเปิดตัวภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ขึ้นที่โรงภาพยนตร์ออเรนทอลฮอลลีวูดเธียร์เตอร์
เดิมทีโรงภาพยนตร์ออเรนทอลฮอลลีวูดเธียร์เตอร์คือโรงภาพยนตร์ออเรนทอลเพิร์ล เป็นหนึ่งในโรงภาพยนตร์แห่งแรกๆ ของฮ่องกง มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว จวบจนวันนี้เป็นร้อยปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน
โรงภาพยนตร์ออเรนทอลฮอลลีวูดเธียร์เตอร์ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีมากใจกลางเมือง ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วสามครั้ง กลายเป็นโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในวันนี้ มีโรงหนังทั้งหมดสิบเก้าโรง รวมทั้งห้องโถงใหญ่ที่รองรับผู้ชมได้เป็นพันคน
เพราะความเก่าแก่ ชื่อเสียง และความใหญ่โต ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮ่องกงหลายเรื่องรวมถึงภาพยนตร์ฮอลลีวูดมักเลือกที่นี่เป็นสถานที่เปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์
หวาก้วนพิคเจอร์สจัดงานเปิดตัว ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ขึ้นที่โรงภาพยนตร์ออเรนทอลฮอลลีวูดเธียร์เตอร์แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานอย่างชัดเจน
เพิ่งเลยเวลาหนึ่งทุ่มไป จัตุรัสกลางแจ้งขนาดเล็กหน้าประตูใหญ่ของโรงภาพยนตร์มีนักข่าวจากสื่อต่างๆ และผู้คนที่สนใจมุงเข้ามาดูมากมาย และที่ขาดไม่ได้ก็คือเหล่าแฟนคลับของศิลปินที่มาถือป้ายให้กำลังใจ
พรมแดงผืนยาวถูกทอดออกไปตามทางเดินเข้าสู่ประตูบานใหญ่ของโรงภาพยนตร์ ฉากเซ็นชื่อ ดอกไม้ประดับประตู มุมสัมภาษณ์ของนักข่าวมีพร้อมสรรพ คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าที่นี่จะจัดงานมอบรางวัลใหญ่อะไรเสียอีก!
แต่คืนนี้นักแสดงที่จะปรากฏตัวบนพรมแดง ไม่ได้ดีไปกว่าพิธีมอบรางวัลบางงานจริงๆ
เห็นได้จากเสียงเรียกร้องของคนดูและแฟนคลับ จนถึงแสงแฟลชถ่ายรูปที่กะพริบสาดส่อง
“แอนนี่!”
“จางเหม่ยอวิ๋น!”
“กู่ชิ่ง!”…
เจ้าของชื่อดังกล่าวล้วนเป็นคนหน้าใหม่ในวงการบันเทิงฮ่องกงทั้งนั้น จุดโปรโมตเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ คือดาราไอดอลวัยรุ่น ในหนังเรื่องนี้มีนักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังดังกลุ่มใหญ่ มีหนุ่มหล่อสาวสวยให้ดูจนพอใจ
และพวกเขาก็ได้ลงข่าวในบล็อกของตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ แล้ว ดังนั้นแฟนคลับกลุ่มใหญ่จึงมาให้กำลังใจถึงที่ ทำให้งานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ครึกครื้นมากขึ้น
ส่วนบรรดาสื่อนั้นไม่ต้องพูดถึง ทางหวาก้วนพิคเจอร์สได้ทุ่มเงินก้อนโตไปหลายล้านเพื่อเป็นค่าโปรโมตหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ข่าวที่ได้รับผลประโยชน์ล้วนส่งคนเก่งๆ เข้ามาเป็นกำลังเสริม
“เจียงเหว่ย!”
เวลา 19.39 น.พระเอก ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ปรากฏตัวขึ้นที่งาน
ดาราดังของซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์คนนี้ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวเสียหายช่วงก่อนเลย เขาสวมสูทสีขาว เดินลงมาจากรถเบนซ์ด้วยรอยยิ้มสดใส ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“เจียงเหว่ย!” “เจียงเหว่ย!”
กลุ่มแฟนคลับสาวตะโกนกรีดร้องอย่างตื่นเต้น พวกเธอยกป้ายชื่อและแท่งไฟ ยังมีของขวัญอะไรพวกนั้น พร้อมกับร้องตะโกนเรียกชื่อเจียงเหว่ย และเบียดเสียดดันตัวพุ่งเข้าไปหาเขา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นท่าไม่ดี จึงรีบจับมือกันเป็นกำแพงมนุษย์ขวางกั้นไว้ ไม่ให้แฟนคลับผู้บ้าคลั่งล้ำเส้น
เจียงเหว่ยโบกมือให้พวกเธออย่างพอใจ จากนั้นเดินยืดอกไปตามพรมแดง พร้อมกับแสงไฟสปอตไลต์ที่ติดตามเขาไปจนถึงฉากเซ็นชื่อ
หลังจากเซ็นชื่อแล้ว เขาเดินไปที่มุมสัมภาษณ์รับการสัมภาษณ์จากนักข่าว
ความจริงในสภาวะปกติ ผู้สร้างและนักแสดงหลักล้วนต้องร่วมงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์จบแล้วถึงจะรับการสัมภาษณ์จากนักข่าว หวาก้วนพิคเจอร์สได้ฉีกกฎการเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ทำให้มันเหมือนงานประกาศรางวัล ซึ่งไม่เหมือนใคร
หรืออาจจะเรียกว่าสร้างความแตกต่างเพื่อเรียกคะแนน
“คุณเจียงเหว่ยคะ พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยได้ไหมคะ”
ไมโครโฟนและปากกาอัดเสียงที่แปะโลโก้ของของสื่อต่างๆ สิบกว่าอันเข้ามาจ่ออยู่ตรงหน้าเจียงเหว่ย หนึ่งในนักข่าวถามอย่างรอไม่ไหวว่า “คุณคิดว่า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ จะได้บ็อกซ์ออฟฟิศเท่าไหร่คะ”
เจียงเหว่ยตอบอย่างมั่นใจว่า “ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นภาพยนตร์ที่ดีมาก และควรค่าให้ผู้ชมยอมควักเงินจ่ายเพื่อดูหนังที่สนุกเรื่องนี้ เอฟเฟกต์ในเรื่องไม่แพ้หนังฮอลลีวูดเลยครับ ส่วนเนื้อเรื่อง ยังต้องให้ทุกคนเข้าไปติดตามเองในโรงภาพยนตร์ ผมขอไม่เปิดเผยแล้วกันครับ”
“ส่วนเรื่องบ็อกซ์ออฟฟิศ…”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมคาดเดาว่าในฮ่องกงนี้น่าจะได้มากกว่าสามสิบล้านนะครับ อาจจะทะลุห้าสิบล้านก็เป็นได้ เพราะ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นมีคุณภาพมาก”
ต่อให้นักข่าวจากสื่อต่างๆ ล้วนได้รับเชิญมาเป็นกรณีพิเศษ ทั้งยังให้ซองแดงเต็มที่ แต่คำตอบของเจียงเหว่ยก็ยังถ่อมตัวอยู่มาก ถือว่าค่อนข้างระมัดระวังตัว
แม้ตลาดภาพยนตร์ของฮ่องกงจะเทียบกับจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ แต่ก็มีขนาดสามถึงสี่พันล้านหยวน ด้วยเงินลงทุนของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ และค่าโปรโมต รายได้ประมาณสามสิบถึงห้าสิบล้านในบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกงอาจจะเป็นจริงได้
เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่คนนิยมดูภาพยนตร์ หลังจากเทศกาลจบลงช่วงเวลาเช่นนี้ยังจะมีต่อไปอีกพักหนึ่ง
มีนักข่าวถามอีกว่า “ตามที่ฉันรู้มา ‘โปเยโปโลเย’ เป็นหนังประเภทเดียวกับ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ และจะเปิดตัวในวันที่ 18 นี้ ขอถามว่าคุณคิดเห็นยังไงกับหนังเรื่องนี้คะ”
เจียงเหว่ยยกมุมปากขึ้น ราวกับกำลังเยาะเย้ยอย่างไร้เสียง เขายิ้มตอบว่า “ผมไม่ค่อยสนใจหนังที่คุณพูดถึงเท่าไหร่ครับจึงไม่มีความคิดเห็นอะไร แต่ผมเชื่อในความยิ่งใหญ่ของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ว่าเพียงพอที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทุกราย ขอให้ทุกคนรอดูแล้วกันครับ!”
ประโยคสุดท้ายจบลง เขาพูดด้วยความภาคภูมิ แต่ยังฉายแววของการก้าวร้าว
ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองเต็มเปี่ยมของเจียงเหว่ยยิ่งทำให้นักข่าวตาลุกวาว เสียงกดชัตเตอร์ดังไม่หยุดหย่อน พร้อมกับคำถามที่ถามต่อไม่หยุด
“คุณเจียงเหว่ยครับ เล่าเรื่องข่าวฉาวของคุณกับคุณอู๋เมิ่งเจินได้ไหมครับ”
“ขอถามค่ะว่าจริงหรือเปล่าที่คุณ…”
…………………………