ตอนที่ 559 ดวงเข้าเคราะห์
ในค่ำคืนเดียวกัน มีทั้งคนดีใจและคนเสียใจ
ณ ย่านเซิงหว่าน บริษัทหวาก้วนพิคเจอร์สสาขาฮ่องกง แม้เวลาล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว แต่ยังมีพนักงานไม่น้อยที่ทำงานล่วงเวลา ทั่วบริเวณสำนักงานถูกบรรยากาศแห่งความกดดันปกคลุมไปทั่ว ทำให้ทุกคนระแวดระวังตัว กระทั่งเสียงเคาะแป้นพิมพ์ยังเบาลงกว่าปกติมาก ราวกับว่าหากเคาะหนักจะเรียกความซวยมาเยือน
บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นในบริษัทติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน สถานการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนี้ ภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ที่หวาก้วนพิคเจอร์สร่วมมือกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์สร้างขึ้นได้ทำยอดทะลุเป้ากดข่มคู่แข่งไปจนหมด เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการ จนจัดงานเลี้ยงฉลองไปเสียแต่เนิ่นๆ แล้ว
ตอนนั้นบรรยากาศในสำนักงานผ่อนคลายดี ทุกคนทำงานด้วยแรงฮึกเหิมเพื่อให้ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ทะลุเป้าหมายร้อยล้าน แล้วค่อยรุกเข้าไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่
แต่ใครจะคิดว่าภายในเวลาไม่กี่วันเหตุการณ์กลับตาลปัตร ยอดขายตั๋วภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ กลับตกต่ำจนแทบกระอักเลือด คำร่ำลือถึงความย่ำแย่ของภาพยนตร์ดังกระฉ่อน อย่าว่าแต่ให้ทะลุร้อยล้านเลย แค่ห้าสิบล้านยังเป็นแค่ความฝัน
สถานการณ์พุ่งขึ้นและดิ่งลงเช่นนี้ทำให้คนทำตัวไม่ถูก พนักงานหลายคนรู้สึกมืดแปดด้านเพราะเหตุนี้ ไม่รู้ว่างานนี้จะทำได้อีกนานแค่ไหน หวาก้วนพิคเจอร์สที่พ่ายแพ้ยับเยินจะถอนตัวออกจากฮ่องกงหรือไม่
ปัญหาเดียวกันนี้กำลังรบเร้ากวนใจชุยซิ่งเสียนผู้เป็นนายใหญ่แห่งหวาก้วนพิคเจอร์ส
หวาก้วนพิคเจอร์สเป็นหนึ่งในบริษัทภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้าสู่เกาะฮ่องกงหลังจากมีนโบยายสนับสนุนภาพยนตร์ของรัฐบาล ในเวลานั้นชุยซิ่งเสียนผู้มาพร้อมความทะเยอทะยาน ร่วมมือกับซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ และลงทุนสร้างภาพยนตร์ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น โดยหวังในส่วนแบ่งทางการตลาดที่เปรียบเสมือนเค้กชิ้นใหญ่อันยั่วยวนใจ
เงินลงทุนของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เกินร้อยล้าน เป้าหมายของชุยซิ่งเสียนคือกอบโกยยอดบ็อกซ์ออฟฟิศจากทั่วโลกมูลค่าพันล้าน เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นที่ดีของหวาก้วนพิคเจอร์สที่ล่องใต้ลงมาสู่ฮ่องกง
แต่แผนการก้าวแรกที่ทะเยอทะยานของเขากลับถูกตีหัวกลับมา!
มองผิวเผิน ตอนนี้ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ทำยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ไม่เลว สร้างสถิติใหม่เป็นภาพยนตร์ฮ่องกง (ร่วมทุนผลิต) ที่ทำรายได้ในหนึ่งสัปดาห์สูงสุดของบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกง
คนนอกอาจจะไม่รู้ แต่ชุยซิ่งเสียนรู้ดีที่สุด เบื้องหลังบ็อกซ์ออฟฟิศของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ได้ลงทุนไปกับค่าโฆษณามหาศาล ยังมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการถือครองตลาดเอาไว้อีก
คิดต้นทุนแล้ว ส่วนแบ่งที่ได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกงยังไม่พอจะทบกับเงินค่าโฆษณาที่ลงไปเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้นทุนในการถ่ายทำ ขาดทุนป่นปี้หมด
หวาก้วนพิคเจอร์สมีธุรกิจใหญ่โต ขาดทุนไม่กี่สิบล้านยังรับไหวอยู่ แต่ซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ที่เป็นพันธมิตรกันกลับรับไม่ไหว ทั้งสองฝ่ายเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องการโปรโมตช่วงหลัง มีปัญหากันจนเกือบยกเลิกความร่วมมือ
คิดถึงตอนที่เจรจาธุรกิจกันคราวก่อน สีหน้าอันดุร้ายของผู้จัดการใหญ่แห่งซิงอี้เอนเตอร์เทนเมนต์ ทำให้ชุยซิ่งเสียนหงุดหงิดโมโหไปหมด อยากจะหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะทุบหน้าเขาสักที
ดวงเข้าเคราะห์จริงๆ!
ชุยซิ่งเสียนเพิ่งมาถึงฮ่องกงไม่นาน ในงานเลี้ยงของเพื่อนฝูงเขาได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งบอกกับเขาว่า ดูจากโหงวเฮ้งของเขาแล้ว ช่วงนี้เขามีเคราะห์ หากประสบเข้าจะทุกข์ยาก
ตอนนั้นชุยซิ่งเสียนเพียงแต่ยิ้ม ตอนนี้ถึงรู้ว่าอาจารย์ท่านนั้นทำนายเก่งจริงๆ
‘เคราะห์’ ของเขา คือลู่เฉินอย่างไม่ต้องสงสัย!
พอคิดถึงลู่เฉิน ชุยซิ่งเสียนรู้สึกเกลียดชังขึ้นมา เจ้านี่ไม่รู้ว่าเป็นกาฝากขวากหนามที่ผุดขึ้นมาจากตรงไหน ไม่เพียงแต่แย่งผู้หญิงที่เขาตามจีบไป ยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาของหวาก้วนพิคเจอร์สด้วย
ทำให้เขาสะดุดล้มทั้งยืน!
ชุยซิ่งเสียนกลับทำอะไรลู่เฉินไม่ได้ เพราะเบื้องหลังของลู่เฉินมีคนตระกูลหลี่คอยหนุนหลัง ชุยซิ่งเสียนไม่กล้ามีปัญหาด้วย ในเมื่อแผนเล่นงานลับๆ ไม่สำเร็จก็ต้องปะทะกันซึ่งหน้า สุดท้ายกลับถูกโจมตีพ่ายแพ้ราบคาบ
ลู่เฉินเป็นเหมือนตัวซวยของเขาจริง!
นั่งอยู่ในออฟฟิศ ชุยซิ่งเสียนยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดจนอดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นไปคลายเน็กไทออก ให้ตัวเองหายใจได้สะดวกขึ้น จากนั้นใช้เมาส์คลิกเข้าไปสู่เว็บไซต์ข่าวฮ่องกง
เขาเพิ่งเข้ามาที่หน้าแรก พาดหัวข่าวเด้งขึ้นมาบนหน้าต่างทันที
‘ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศ ‘โปเยโปโลเย’ ทะลุห้าสิบล้าน เหล่านักแสดงรวมตัวฉลองที่โรงแรมแชงกรีลา!’
“บ้าจริง!”
ชุยซิ่งเสียนควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ เขวี้ยงเม้าส์ลงพื้นอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! ตามมาด้วยเสียงของแตก เม้าส์ไร้สายราคาแพงแตกเป็นเสี่ยงๆ !
เลขาที่นั่งอยู่อีกด้านของกำแพงตกใจจนสะดุ้ง แอบหันกลับไปมองห้องทำงานที่ประตูปิดแน่นหนา ในใจรู้สึกลังเลมากว่า…จะเข้าไปถามด้วยความห่วงใยดีไหม?
ระยะหลังมานี้เจ้านายอารมณ์ร้อนขึ้นทุกที เธอกลัวว่าตัวเองจะเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา
ส่วนชุยซิ่งเสียนที่เขวี้ยงข้าวของแล้วเริ่มอารมณ์เย็นลง เขากดโทรศัพท์ติดต่อสายภายใน ให้เลขาหาเมาส์ใหม่มาให้ ในใจกัดฟันสบถสาปแช่ง
“ลู่เฉิน ครั้งนี้ให้นายได้ใจไปก่อนเถอะ เรามาคอยดูกันต่อไป!”
ไม่ใช่ที่ฮ่องกง ฐานทัพหลักของหวาก้วนพิคเจอร์สอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ยังไม่แพ้!
ความแค้นของชุยซิ่งเสียนรุนแรงเช่นนี้ ทำให้ลู่เฉินที่อยู่ที่โรงแรมแชงกรีล่าอยู่ๆ ก็ขนลุกซู่
“เป็นอะไร”
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกายลู่เฉินเห็นเขาทำท่าตัวสั่นก็อดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ว่า “เป็นหวัดเหรอ”
ลู่เฉินคลึงจมูก ยิ้มตอบ “เปล่า อยู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมา”
“ยังหนาวอีกเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์มองไปรอบๆ ยิ้มตอบอย่างปรีดาว่า “คืนนี้คนเยอะคึกคักขนาดนี้”
‘โปเยโปโลเย’ ลงโรงฉายเจ็ดวัน ยอดบ็อกซ์ออฟฟิศทะลุห้าสิบล้าน จัดงานเลี้ยงฉลองเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ครั้งนี้ทางเจียหยางพิคเจอร์สยื่นข้อเสนอขอให้จัดงานอย่างใหญ่โตเป็นพิเศษ
ในฮ่องกง ภาพยนตร์ขายดิบขายดีต้องจัดงานเลี้ยงฉลองจนเป็นธรรมเนียม และเป็นการโปรโมตอีกทาง หรือจะเรียกว่าเป็นการประกาศเกียรติยศก็ได้ ดังนั้นทางผู้จัดจะต้องเชิญสื่อมวลชลแต่ละแขนง ยังมีแขกเหรื่อทุกสาขาทั้งในและนอกวงการ
บนโลกนี้ ความช่วยเหลือที่มาในยามยากมีน้อยลงทุกที แต่งานเลี้ยงประกาศเกียรติยศมีนับไม่ถ้วน สตูดิโอลู่เฉินกับเจียหยางพิคเจอร์สหว่านบัตรเชิญออกไป ผู้ที่ได้รับเชิญนอกเสียจากมาไม่ได้จริงๆ เท่านั้น นอกนั้นต่างมางานด้วยตัวเองหรือไม่ก็ส่งตัวแทนมา
เพื่อนที่ลู่เฉินรู้จักในวงการบันเทิงฮ่องกง คนที่มาได้ต่างมากันพร้อมหน้า หลิวกั่งเซิงเพราะไปแสดงที่จีนแผ่นดินใหญ่มาไม่ได้ แต่ยังโทรศัพท์มาหาลู่เฉินเพื่อแสดงความยินดีโดยเฉพาะ
ในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมแชงกรีลามีแขกเหรื่อเต็มไปหมด สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในชุดหรูหรารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ทำให้ที่นี่กลายเป็นเหมือนงานเลี้ยงทางสังคมที่มีแต่ผลประโยชน์อย่างแท้จริง
ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ที่เป็นตัวเอกของงานในวันนี้ย่อมเป็นที่จับตามองของสายตาเกือบทุกคู่ ทั้งสองไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ถูกสายตาของทุกคนมองตาม มีทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักเข้ามาทักทายนับไม่ถ้วน
ลู่เฉินไม่ค่อยชอบงานสังคมแบบนี้ แต่สตูดิโอลู่เฉินต้องก้าวหน้าต่อไปในฮ่องกง การสืบสานเส้นสายกับคนในวงการยังเป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญมาก
นี่น่าจะเรียกได้ว่าคนที่ท่องยุทธภพนั้นไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้
แน่นอนว่า มีคนมากมายที่อิจฉาในสิ่งที่เรียกว่า ‘ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้’ เช่นนี้ พยายามไขว่คว้าอย่างยากลำบากแต่ก็ไม่มีทางได้มา!
……………………………………