ตอนที่ 563 เก่ง
“แล้วโค้ชคนสุดท้ายจะเป็นใคร”
เถียนเถียนทำตากลมโตใสแป๋วที่ดูทั้งใสซื่อและคาดหวังทำให้ลู่เฉินพูดไม่ออก…เชิญซูปเปอร์สตาร์ตัวจริงมาหนึ่งคนแล้วยังไม่พออีกเหรอ
เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม
ลู่เฉินมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตกลงสู่หลุมพรางที่เป็นคนขุดขึ้นเอง ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด “งั้นผมโทรศัพท์อีกที”
ความจริงเขาคิดออกแล้วว่าซูเปอร์สตาร์ในวงการเพลงอีกคนควรจะเป็นใคร
“พี่เลี่ยวเจี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”
นักร้องดังแห่งวงการคนนี้คือเลี่ยวเจี่ย นักเลงตัวจริงที่ร้องเพลงร็อก และเป็นผู้อาวุโสของวงการ
ความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยก็ไม่เลว ตอนอยู่ในปักกิ่ง ฝ่ายหลังมักโทรศัพท์เรียกลู่เฉินไปดื่มเหล้าด้วยกัน
แต่ความสัมพันธ์ส่วนความสัมพันธ์ ลู่เฉินไม่แน่ใจว่าจะเชิญเขาที่นิสัยไม่เหมือนใครได้หรือไม่ เพราะชื่อเสียงของเลี่ยวเจี่ยในรายการบันเทิงของจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยดีนัก
ใครใช้ให้เขาเป็นคนแนะนำเถียนเถียนให้เปิดบริษัท แล้วยังร่วมหุ้นด้วย?
เลี่ยวเจี่ยไม่พอใจมาก “น้องลู่เฉิน มีอะไรก็พูดมาตามตรง พวกเราพี่น้องต้องอ้อมค้อมกันด้วยเหรอ”
ลู่เฉินหัวเราะ “อย่างนั้นผมพูดตามตรงเลยนะครับ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งกำลังเตรียมจะผลิตรายการประกวดแข่งขันร้องเพลง โค้ชสี่คนยังขาดอีกคน ก็เลยมาถามพี่เนี่ยแหละ!”
“เชี่ยละ!”
เลี่ยวเจี่ยสบถหนึ่งคำ แล้วถามว่า “คนอื่นอีกสามคนมีใครบ้าง”
ลู่เฉินฟังแล้วรู้สึกว่ามีหวัง รีบตอบกลับไปว่า “ผม เฟยเอ๋อร์ แล้วก็ซือฟาง”
“ซือฟาง?”
ลู่เฉินรู้สึกถึงความตื่นตะลึงของเลี่ยวเจี่ยผ่านสายโทรศัพท์มา “ซือฟางจากฮ่องกง?”
“ใช่แล้ว” ลู่เฉินตอบ “พี่หลิวกั่งเซิงเป็นคนแนะนำให้”
“เชี่ย!”
เลี่ยวเจี่ยสบถอีกครั้ง “นายนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกทีเลยนะ!”
ลู่เฉินถาม “พี่เลี่ยวเจี่ยครับ แล้วพี่มาร่วมได้ไหม”
เลี่ยวเจี่ยตอบ “นับฉันเข้าไปด้วย ใช่แล้ว เพื่อนคนนั้นของนายเป็นใคร”
ลู่เฉินอธิบาย “ชื่อเถียนเถียนครับ เดิมทีเป็นพิธีกรอยู่ที่สถานีโทรทัศน์เจ้อตง ลาออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง”
“เช็ดเข้!”
เลี่ยวเจี่ยสบถครั้งใหญ่ “ฉันรู้แล้ว ไม่ใช่สาวสวยที่นายช่วยไว้ครั้งก่อนหรอกเหรอ กลายเป็นเมียน้อยนายไปแล้ว?”
“นายนี่เก่งใช้ได้เลย กล้าปิดบังเฟยเอ๋อร์….”
เสียงของเขาดังสนั่นจนเฉินเฟยเอ๋อร์กับเถียนเถียนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ได้ยินอย่างชัดเจน
เถียนเถียนอายจนไม่กล้าเงยหน้า ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์ทนฟังต่อไปไม่ได้ แย่งโทรศัพท์มาจากลู่เฉิน ตวาดลงไปในสาย “เลี่ยวเจี่ย นายพูดอะไรของนาย บริษัทนี้เราสามคนรวมหุ้นกันต่างหาก!”
เธอแปลงร่างเป็นบอสราชินีไปในพริบตา จัดการเลี่ยวเจี่ยเสียอยู่หมัด
จนลิฟต์ขึ้นถึงชั้นบนสุด เฉินเฟยเอ๋อร์ถึงได้คืนโทรศัพท์ให้ลู่เฉิน
“ฮัลโหล?”
เลี่ยวเจี่ยยังอยู่ แต่ถูกตอกกลับเสียหมดท่า เสียงที่ดังมาตามสายเบาลงมาก “รู้แล้ว นายให้คนติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวของฉันลงคิวได้เลย ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”
เขาดูเหมือนยากที่จะเอ่ยปาก
ลู่เฉินยืนอยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์ไม่เดินต่อ กลั้นขำตอบ “พี่เลี่ยว มีอะไรก็พูดมา พวกเราพี่น้องต้องอ้อมค้อมกันด้วยเหรอ”
“เชี่ย…”
เลี่ยวเจี่ยสบถไม่เต็มเสียง แต่กล่าวต่อว่า “นายกับเฉินเฟยเอ๋อร์จะถ่ายทำละครอีกเรื่องไม่ใช่เหรอ ฉันอยากได้สักบท”
‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ กับ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ละครสองเรื่องที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์เล่นเป็นพระนาง ได้รับเรตติ้งสูงสุดๆ ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และในเกาหลี จนกลายเป็นแบบอย่างละครที่ผลิตในประเทศ
‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ตอนนี้ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน มาเก๊า และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำไปออกอากาศต่อ กลายเป็นแชมป์เรตติ้งไปแล้ว ส่วนลิขสิทธิ์ออกฉายในต่างประเทศของ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ก็กำลังเนื้อหอม ถูกสถานีโทรทัศน์หลายเจ้าแย่งชิงกันอยู่
อาศัยแค่ความสำเร็จของละครสองเรื่องนี้ สตูดิโอลู่เฉินก็กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัสในวงการละคร พอลู่เฉินมีความคิดจะสร้างละครเรื่องที่สาม… ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ก็มีคนแห่แหนเข้ามาขอร่วมงานด้วยมากมาย จนธรณีประตูถูกเหยียบจนจะพังแล้ว!
คนที่คิดอยากจะมาเยี่ยมหน้าในละครเรื่องใหม่มีเยอะแยะ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ทำให้นักแสดงหน้าใหม่โด่งดังไปแล้วหลายคน ดังนั้นทั้งคนในและนอกวงการ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ล้วนหาเส้นสายไหว้วานคนให้ช่วยติดต่อให้ ทำให้ลู่ซีที่บัญชาการอยู่ในเมืองปักกิ่งปวดหัวเป็นที่สุด
พระมีเยอะแต่ข้าวมีน้อย ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ลู่เฉินเขียนบทเสร็จแล้ว ในนั้นมีตัวละครจำกัด ไม่อาจทำตามใจทุกคนได้ นอกเสียจากคนที่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะปฏิเสธอย่างสุภาพ
แต่เมื่อเลี่ยวเจี่ยเอ่ยปาก ลู่เฉินต้องไว้หน้าเขาด้วย “ไม่มีปัญหา ขอแค่พี่เลี่ยวอยากได้ ต่อให้ต้องเพิ่มบทผมก็เพิ่มให้พี่ได้”
ลู่เฉินคิดว่าเลี่ยวเจี่ยอยากจะเล่นเอง ให้บทละครเขาไปสักบทง่ายๆ ไม่ต้องแก้ไขอะไรมาก
“ไม่ใช่ฉันหรอก…”
เลี่ยวเจี่ยอ้ำอึ้ง “เป็นเด็กผู้หญิงน่ะ จบจากวิทยาลัยการละครมาหลายปีแล้ว ทักษะการแสดงไม่มีปัญหา…”
เขาพยายามอธิบาย ทำให้ลู่เฉินฟังออก
“พี่เลี่ยว คนนี้เป็นพี่สะใภ้ใช่ไหม”
“อะแฮ่มๆๆ!”
เลี่ยวเจี่ยไอเสียงเสียงดังหลายครั้งก่อนจะตอบว่า “นายอย่าเดามั่ว บอกมาว่าได้ไหม”
ลู่เฉินยิ้ม “ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา ให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอติดต่อสตูดิโอผม ส่วนเรื่องบทคุยกันได้”
คิดไม่ถึงว่านักเลงเพลงร็อกคนนี้จะมีความรัก เพิ่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยการละครไม่กี่ปี อย่างนั้นก็เป็นหญ้าอ่อนสินะ?
ลู่เฉินกระหยิ่มยิ้มย่อง ทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์ถามอย่างระแวดระวัง “พี่สะใภ้อะไร นายกับเลี่ยวเจี่ยเล่นอะไรกันอยู่”
เธอยังค้างคาใจเรื่องที่เลี่ยวเจี่ยลากลู่เฉินไปดื่มเหล้าจนเมาอยู่ไม่คลาย จึงรู้สึกไม่ดีกับเขาสักเท่าไร
ลู่เฉินรีบอธิบาย แล้วพูดกับเถียนเถียนว่า “ตอนนี้คนครบแล้ว ไม่มีปัญหาแล้วนะ?”
เถียนเถียนกลับมาเป็นปกติแล้ว ยิ้มตอบว่า “ไม่มีปัญหาแล้ว!”
เธอดึงแขนเฉินเฟยเอ๋อร์บอกว่า “พี่เฟย ตอนนี้แฟนพี่เก่งกว่าพี่ซะอีกนะ!”
เถียนเถียนชื่นชมลู่เฉินด้วยใจจริง ตลอดทางภายในเวลาสิบยี่สิบนาที ลู่เฉินใช้โทรศัพท์สองสายเชิญซูเปอร์สตาร์ที่เก่งกาจมาได้สองคน คนหนึ่งยังเป็นถึงราชินีแห่งวงการเพลงฮ่องกงด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องโค้ชทั้งสี่คนของรายการ ‘เดอะว็อยซ์ไชน่า’ ก็เป็นอันเรียบร้อย ชายสองหญิงสอง มีทั้งซูเปอร์สตาร์ที่เป็นผู้อาวุโสของวงการ มีทั้งคนรุ่นใหม่ที่เก่งกาจ มีทั้งตัวแทนจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ชื่อเสียง ตำแหน่ง ความนิยม และความสามารถล้วนมีครบถ้วน เพียงพอที่จะมองคู่แข่งด้วยความเย่อหยิ่ง!
เถียนเถียนจัดการปัญหาใหญ่ได้สำเร็จ ย่อมต้องดีใจเป็นธรรมดา จึงอดพูดล้อเล่นกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้
แต่เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกแบบนี้จริงๆ ถ้าบอกว่าตอนแรกที่เธอรู้จักลู่เฉิน ฝ่ายหลังยังเป็นนกอ่อนหัดที่อยากกางปีกตัวหนึ่ง เช่นนั้นตอนนี้ก็กลายเป็นพญาอินทรีที่สยายปีกโบยบินอยู่กลางท้องฟ้า!
ต้นกล้าต้นหนึ่งกำลังเติบโตกลายเป็นร่มไม้ใหญ่ที่คอยกันลมกันฝนให้เธอ
ตอนนี้เอง เถียนเถียนผลักประตูกระจกเบื้องหน้าออก แล้วเอ่ยพลางยิ้มหวาน “หุ้นส่วนทั้งสองคะ ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเราค่ะ!”
บนฝาผนังสีเทาอ่อน โลโก้ของบริษัทสตาร์แฟคตอรี่กำลังเปล่งประกายสว่างไสวภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง!
………………………………