ตอนที่ 568 รวมกัน (3)
พูดถึงคนที่เข้ามาหาในช่วงนี้ ลู่ซีมีเรื่องเล่าเต็มไปหมด เพราะล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับลู่เฉินทั้งนั้น
หนึ่งในนั้นมีเรื่องที่ทำให้พี่สาวเหนื่อยหน่ายใจที่สุด
ช่วงเทศกาลตรุษจีน นักข่าวจากสื่อมวลชนต่างๆ ติดต่อเข้ามาที่สตูดิโอ พวกเขาไม่ได้จะมาขอสัมภาษณ์ลู่เฉิน แต่มาสืบข่าวคนที่ใช้ชื่อว่า ‘อี้จินกู่’
‘อี้จินกู่’ เป็นนามปากกาของลู่เฉินที่ใช้ในการเผยแพร่และตีพิมพ์นิยายเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’
แรกเริ่ม ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้ลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ล่างฉาวบุ๊ก และเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง แต่เพราะไม่ได้เซ็นสัญญากับทางเว็บไซต์ จึงเผยแพร่อยู่ในกลุ่มนักอ่านวงเล็กๆ
แต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สำนักพิมพ์ซานไห่ได้ตีพิมพ์นิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ อย่างเป็นทางการ หนังสือหนึ่งชุดมีทั้งหมดห้าเล่ม หนึ่งล้านตัวอักษร ตามสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายเซ็นร่วมกัน ให้มีการตีพิมพ์ฉบับปกแข็งหนึ่งแสนชุด และปกอ่อนสองแสนชุด จำนวนรวมทั้งหมดในการตีพิมพ์ครั้งแรกคือหนึ่งล้านห้าแสนเล่ม!
สำหรับธุรกิจเอกชนอย่างสำนักพิมพ์ซานไห่ ตีพิมพ์นิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ด้วยมาตรฐานที่สูงเป็นความเสี่ยงอย่างสูงของพวกเขา ถ้าคู่สัญญาไม่ใช่สตูดิโอลู่เฉินที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ พวกเขาคงจะไม่ใจกล้าเท่านี้
ตอนนั้นสตูดิโอลู่เฉินก็ได้ทำการแนะนำหนังสือชุดนี้ด้วย
ผลลัพธ์คือหนังสือเล่มนี้เป็นนิยายแนว ‘กำลังภายในยุคใหม่’ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหนังสือนิยาย ด้วยการทำการตลาดของสำนักพิมพ์และชื่อเสียงที่ดีจากผู้อ่าน ทำให้หนังสือชุดนี้ติดอันดับหนังสือขายดีในช่วงปลายปีที่แล้ว
นิยายกำลังภายในไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้งแต่สมัยปลายราชวงศ์ชิงมีนิยายเรื่อง ‘สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ แหล่งที่มาก่อนหน้านั้นยังสามารถสืบย้อนไปถึงชีวประวัติของจอมยุทธ์และนักฆ่าในสมัยราชวงศ์ฮั่น
พอถึงยุคสาธารณประชาชนจีน ผู้คนได้รับการปลดปล่อยจากระบอบศักดินา แนวความคิดต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศจีน ธุรกิจสิ่งพิมพ์ สำนักพิมพ์ได้รับความนิยมมากกว่าแต่ก่อน นิยายกำลังภายในก็เริ่มกำเนิดขึ้นเช่นกัน คุณธรรมและจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวยุทธ์ที่บอกเล่าในเนื้อเรื่องเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน เป็นยุคที่เรื่องเล่าของชาวยุทธ์และตำนานวิทยายุทธ์เฟื่องฟูที่สุดยุคหนึ่ง
ยุคปี 70-80 ในศตวรรษก่อน ในฮ่องกงและไต้หวันมีนักเขียนนิยายกำลังภายในเกิดขึ้นกลุ่มใหญ่ พวกเขานำนิยายกำลังภายในที่มีแต่เดิมมาพัฒนาต่อ เกิดเป็นนิยายกำลังภายในชื่อดังในยุคนั้นมากมาย เช่น ตำนานจอมยุทธ์คลั่ง กระบี่ทะลุฟ้า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงมีภาพยนตร์และละครกำลังภายในตามมา
แต่เมื่อถึงยุคปี 90 นิยายกำลังภายในและภาพยนตร์กำลังภายในตกต่ำลง แต่ไม่ได้สูญสิ้นไป
ทุกวันนี้นิยายออนไลน์กำลังได้รับความนิยม นิยายแฟนตาซีมากมายมีเงาของนิยายกำลังภายในอยู่ในนั้น
ส่วน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นผลงานที่พิเศษมากเรื่องหนึ่ง เรื่องราวของมันสนุกสนานกว่านิยายกำลังภายในแบบเดิม เนื้อเรื่องมีความตื่นเต้นลุ้นระทึกไม่หยุดหย่อน เหมาะกับรสนิยมที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ ไม่เหมือนกับนิยายเหนือจินตนาการในโลกออนไลน์ที่เกินจริงและตื้นเขิน ให้ความรู้สึกแปลกใหม่กับผู้อ่าน
นักวิจารณ์นิยายได้มอบฉายาให้กับนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ว่าเป็น ‘ผลงานบุกเบิกของนิยายกำลังภายในยุคใหม่’ และยังกล่าวอย่างมั่นใจว่าจะมีนิยายแนวเดียวกันนี้เกิดขึ้นในตลาดอีกมากมาย
จนถึงวันนี้ หนังสือ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกทั้งปกแข็งและปกอ่อนถูกขายจนหมดเกลี้ยง สำนักพิมพ์ซานไห่ได้จัดพิมพ์ครั้งที่สองจำนวนสามแสนชุด และกำลังวางแผนตีพิมพ์ครั้งที่สามต่อไป
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้สร้างกระแสนิยายกำลังภายในยุคใหม่ให้กับตลาดนักอ่าน สำนักพิมพ์ซานไห่ย่อมได้รายได้เป็นกอบเป็นกำ ด้วยชื่อเสียงที่โดดเด่นเช่นนี้ จึงดึงดูดให้สื่อต่างๆ หันมาสนใจ
นักอ่านไม่น้อยที่ได้อ่าน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แล้วอยากรู้ถึงตัวตนของผู้แต่งนิยายเล่มนี้ อยากรู้ว่าเขาเขียนหนังสือเล่มใหม่อีกไหม กำลังเป็นที่วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อนในบล็อกและฟอรัมที่เกี่ยวข้อง
ด้วยเหตุนี้สื่อทั้งหลายจึงวิ่งตามกระแสอยากจะสืบค้นเบื้องหลังของนิยายกำลังภายในที่ขายดีเรื่องนี้
นักข่าวที่ไปที่สำนักพิมพ์ซานไห่เป็นอันดับแรกล้วนหมดหนทาง ความจริงสำนักพิมพ์ซานไห่เองก็สงสัยในตัวผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง เคยคิดจะเชิญผู้เขียนมาจัดกิจกรรมขายหนังสือแจกลายเซ็น แต่ถูกสตูดิโอลู่เฉินปฏิเสธกลับไปอย่างนุ่มนวล
อำนาจลิขสิทธิ์ของ ‘อี้จินกู่’ ทั้งหมดตกเป็นของสตูดิโอลู่เฉิน ตัวตนของนักเขียนลึกลับมาก แม้แต่บล็อกส่วนตัวยังไม่มี ในอินเทอร์เน็ตก็หาข้อมูลของเขาไม่พบ
พวกนักข่าวจึงทำได้เพียงวิ่งไปสืบหาความจริงที่สตูดิโอลู่เฉิน แน่นอนว่าลู่ซีต้องรู้เรื่อง แต่เธอไม่ได้ขายความลับของลู่เฉินออกไป ทำได้เพียงบอกว่าตัวนักเขียนไม่ประสงค์จะพบสื่อมาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธ
“ดูสิว่าแกทำอะไรลงไป!”
พูดถึงตรงนี้ พี่สาวมีน้ำโหขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอถูกนักข่าวก่อกวนอย่างหนัก “เล่นปริศนา…”
ลู่เฉินหัวเราะ “นี่มันก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ เล่นปริศนาความจริงเป็นหนึ่งในวิธีการตลาดที่ดีมากเลย!”
ไม่มีใครมีความสามารถรอบด้านไปทั้งหมด ลู่เฉินทั้งสร้างสรรค์เพลง ทั้งเขียนบทละครและภาพยนตร์ ยังเป็นนักแสดงและผู้กำกับเอง ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
ชื่อเสียงที่มีอยู่มากพอสำหรับเขาแล้ว ไม่ต้องการเพิ่มฉายาที่ว่า ‘นักเขียนนิยายกำลังภายใน’ ขึ้นมาอีกอย่าง ดังนั้น ‘อี้จินกู่’ จึงถูกกำหนดให้เป็นความลับต่อไป ตอนนี้ถ้าเฉลยออกมาคงไม่สนุกแล้ว
ส่วน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างผลงานกำลังภายในของลู่เฉิน ในตลาดสิ่งพิมพ์ทำได้สำเร็จขนาดนี้ ก็ทำให้เขามั่นใจเต็มเปี่ยมแล้ว
“หนังสือเล่มที่สองผมจะเขียนให้เสร็จภายในปีนี้ หนังกับละครเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็เตรียมการได้แล้ว แน่นอนว่าหลังจาก ‘โปเยโปโลเย’ เข้าโรง และ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ถ่ายทำเสร็จแล้ว”
ลู่เฉินคำนวณดู ยังไม่คิดถึงโครงการอื่นอีก งานในปีนี้ถูกอัดจนเต็มแน่นแล้ว
ในด้านนี้ เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์รวมสตูดิโอเข้าด้วยกันได้อย่างประจวบเหมาะ และจำเป็นมาก
ลู่ซียอมใจลู่เฉิน “ถ้าแกชอบแบบนั้น ก็เล่นต่อไปแล้วกัน!”
คืนนี้ตอนสองทุ่มตรง บัญชีทางการของสตูดิโอลู่เฉินกับสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ในบล็อกล่างฉาวได้ลงรูปใบหนึ่ง รูปภาพนั้นมีเนื้อหาที่ธรรมดามาก เป็นภาพมือข้างหนึ่งจับกับมืออีกข้างหนึ่ง พื้นหลังเป็นภาพเบลอ
หัวข้อของโพสต์ใหม่มีเพียงสามคำ ‘อยู่ด้วยกัน’
แฟนคลับที่ติดตามบัญชีทางการของทั้งสองสตูดิโอมีไม่เท่าบล็อกส่วนตัวของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ แต่ด้วยหัวข้อและรูปภาพที่ดึงดูดถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน ทำให้แฟนคลับของทั้งสองออกมาเคลื่อนไหวเป็นอย่างมาก
มีข่าวใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ในบล็อกล่างฉาวคอมเมนต์แทบจะระเบิด
“ว้าว! เฉินกับเฟยจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว?”
“นี่เป็นหัวข้อข่าวที่ดีทีเดียว ยินดีกับเฉินและเฟยของฉัน!”
“ถึงอยากแสดงความยินดี แต่ในใจกลับขมขื่น รู้สึกอยากร้องไห้”
“อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกัน! อยู่ด้วยกัน! อยู่ด้วยกัน!”
“ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ยินดีด้วย!”
แฟนคลับส่วนใหญ่คิดว่าทั้งสองจะเดินไปถึงก้าวสุดท้ายที่ความรักจะผลิดอกออกผลแล้ว
มีแฟนคลับส่วนน้อยที่เศร้าเสียใจ ในใจรู้สึกสับสนไปหมด
เพียงแต่ พวกเขาและพวกเธอเดาผิดทั้งหมด!
…………………………………………