ตอนที่ 579 ยินดีที่ได้ร่วมงาน
ห้องอาหารส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง กลิ่นชาหอนกรุ่น เสียงพิณเบาๆ ที่ดังออกมาจากผนัง ไพเราะเหมือนเพลงจากสรวงสวรรค์
แต่ในใจของวั่นจินผิงกลับรู้สึกย่ำแย่ เขาโลดโผนอยู่ในวงการมาสิบกว่าปี เหตุการณ์วิกฤตครั้งใหญ่ล้วนเคยผ่านมาแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะมาหมดท่าต่อหน้าชายหนุ่มอายุน้อยคนนี้
สิ่งที่ทำให้วั่นจินผิงอึดอัดที่สุดคือ ลู่เฉินเป็นฝ่ายควบคุมการสนทนาตั้งแต่แรกจนจบ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้อธิบาย
อาหารมื้อนี้เลี้ยงเสียเปล่า!
วั่นจินผิงทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง เก็บซ่อนความระทมเอาไว้ในใจ ฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าเสียดายมากจริงๆ”
ความจริงเงื่อนไขที่ทางสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเตรียมไว้เพื่อขอเจรจาความร่วมมือกับลู่เฉินนั้นดีมาก ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งสถานีโทรทัศน์ในประเทศ เรตติ้งที่สูงลิ่วและเงินทุนอันล้นเหลือของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน ทำให้พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ทำอะไรก็ราบรื่นประสบความสำเร็จเสมอมาในวงการบันเทิง
แต่กรณีนอกเหนือจากนี้ก็มี ลู่เฉินไม่แยแสสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเลยสักนิด ตัวเขาเองมีทั้งเงินและชื่อเสียง ดังคำกล่าวที่ว่าหน้าผาสูงตระหง่านนั้นอยู่ได้เพราะไม่มีแรงปรารถนา ความพ่ายแพ้ของวั่นจินผิงไม่ได้ผิดที่การเจรจา
แต่คนที่ทำงานในสายเขา การไปล่วงเกินคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของใครบางคนนั้นเป็นเรื่องที่โง่ที่สุด วั่นจินผิงไม่ได้เกิดความคิดเช่นนี้ต่อลู่เฉิน และจะไม่ยอมให้เกิดการแตกหัก
หลังจากปรับอารมณ์แล้ว วั่นจินผิงยกถ้วยชาขึ้น “คุณลู่เฉิน ประธานลู่ การค้าของพวกเราแม้จะไม่สำเร็จแต่ยังรู้สึกดีต่อกันอยู่ หวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันนะครับ”
ลู่ซีพยักหน้า และยกแก้วขึ้นมา
ถ้าไม่จำเป็นเธอไม่อยากมีปัญหากับคุณ ‘น้ำมันวั่นจิน’ คนนี้ อย่าบอกว่าฝ่ายนั้นเป็นคนสีเทา เขาเป็นเหมือนกับแบคทีเรียในร่างกายที่ขาดไม่ได้ ในวงการบันเทิงก็ต้องมีคนแบบนี้อยู่เช่นกัน
จบด้วยดีแบบนี้เป็นการดีที่สุดแล้ว
ลู่เฉินกลับไม่ได้ยกแก้วขึ้น เขากำลังมองวั่นจินผิงด้วยสายตาไตร่ตรอง ก่อนจะกระซิบเบาๆ “ประธานวั่นครับ ความจริงถ้าอยากร่วมมือกัน ไม่ต้องรออนาคตก็ได้”
วั่นจินผิงอึ้งไป เขาอดวางแก้วลงไม่ได้ ถามว่า “คุณลู่เฉิน คุณหมายความว่า?”
ลู่เฉินยิ้มน้อยๆ “คุณก็รู้ว่าผมเตรียมจะเปิดกล้องถ่ายทำละครเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ตอนนี้ผู้ร่วมทุนของละครเรื่องนี้ยังไม่ลงตัว ไม่รู้ว่าประธานวั่นสนใจจะร่วมทุนกับเราด้วยไหมครับ”
สนใจไหม?
สน! สนใจมากๆ!
วั่นจินผิงคิดไม่ถึงว่า ลู่เฉินปฏิเสธสถานีโทรทัศน์เซียงหนานอย่างไม่ลังเล แม้แต่เงื่อนไขยังไม่อยากฟัง แต่กลับโยนก้อนเค้กอันหอมหวานเย้ายวนมาที่ตัวเขาแทน
เขาอยากจะตะครุบมันเอาไว้ ถึงแม้ในเค้กชิ้นนั้นสอดไส้ยาพิษก็จะยอมกินเข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เรื่องหนึ่ง ‘ฟูลเฮ้าส์’ อีกเรื่องหนึ่ง สองปีละครสองเรื่อง บอกได้ว่าทั้งลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ขึ้นสวรรค์ทั้งคู่ ต่อให้คนในวงการมากมายพูดจาดูถูกว่า ไม่ได้รับการยอมรับจากรางวัลแมกโนเลียกับรางวัลสุวรรณหงส์ แต่ไม่มีใครปฏิเสธในความสำเร็จของภาพยนตร์ทั้งสองได้
ผู้ที่ร่วมงานกับลู่เฉินในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน สถานีโทรทัศน์ หรือบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ ทั้งหมดหาเงินได้มหาศาล คุณความดีของลู่เฉินที่เขาไม่ได้กินผลประโยชน์อยู่คนเดียวได้สร้างชื่อเสียงอันดีงามให้เขาในวงการ
ดังนั้นเมื่อลู่เฉินเตรียมจะถ่ายทำ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ คนที่ติดต่อวั่นจินผิงให้เขาช่วยเชื่อมสะพานให้นั้นมีไม่น้อย หนึ่งในนั้นได้แก่สถานีโทรทัศน์เซียงหนาน
วั่นจินผิงรู้ดีว่า ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ขอแค่ไม่ถ่ายทำมั่วซั่วย่อมโด่งดังแน่นอน โอกาสที่จะได้เรตติ้งน้อยนั้นมีน้อยนิด ในวงการไม่รู้มีคนมากมายเท่าไรที่จับจ้องอยู่ด้วยตาอันแดงก่ำ
เขาไม่เคยเชื่อมสัมพันธ์กับลู่เฉินมาก่อน เดิมทีคิดว่าจะใช้อำนาจของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานดึงเส้นสายความสัมพันธ์กับลู่เฉิน หลังจากถูกปฏิเสธแล้วเขาก็ตัดใจ สุดท้ายกลับเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
วั่นจินผิงเก็บอารมณ์ได้ดีมาก เขาไม่ได้เสียอาการทันที แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป “คุณลู่เฉิน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
ลู่เฉินหลุดขำ ยกถ้วยชาขึ้นจิบ พูดอย่างค่อยเป็นค่อยไปว่า “เวลาคุยเรื่องงานผมไม่เคยล้อเล่นอยู่แล้ว ผมสามารถยกหุ้นแบบจำกัดอำนาจ 5% ให้ได้ ไม่ว่าบริษัทของคุณเองลงทุน หรือจะเชื่อมโยงให้กับบริษัทอื่นก็ไม่เป็นไร พวกเราเซ็นสัญญาอย่างจริงจังได้”
วั่นจินผิงที่เมื่อครู่หัวร้อนกลับใจเย็นลง ในใจกำลังคำนวณผลประโยชน์อย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็นคนอื่นบอกว่าให้หุ้นเขา 5% แถมยังเป็นหุ้นแบบจำกัดอำนาจอีก วั่นจินผิงยังรู้สึกเย้ยหยัน…ป๋าวั่นยังขาดของแบบนี้ด้วยเหรอ?
แต่ ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ นั้นน่าดึงดูดเหลือเกิน ผู้ที่เข้าร่วมทุนด้วยมีแต่ระดับยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ลู่เฉินให้โอกาสนี้แก่เขา บอกตามตรงว่าลู่เฉินให้เกียรติเขามาก
หุ้นจำกัดอำนาจ 5% อาจดูน้อย ความจริงกลับแสดงถึงความจริงใจของลู่เฉิน เพราะวั่นจินผิงเชื่อว่าตัวลู่เฉินเองก็คงไม่อาจเก็บหุ้นเอาไว้กับตัวมากเกินไป
สิ่งสำคัญคือ เมื่อมีชื่อเสียงแบบนี้อยู่ในมือ ถ้าหากตั้งใจนำไปใช้ให้ดี ก็จะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลให้แก่วั่นจินผิงได้
เช่น การแนะนำนักแสดงหน้าใหม่เข้าสู่กองถ่าย ต่อให้เป็นบทที่ไม่สำคัญ เพียงแค่โปรโมตอย่างเหมาะสม การจะทำให้โด่งดังก็ง่ายดาย วั่นจินผิงรู้เบื้องหลังในนั้นดี
นักแสดงหน้าใหม่ทั้งในและนอกวงการที่อยากดัง รวมทั้งนักแสดงที่ไม่เก่าไม่ใหม่มีตั้งเท่าไร? เป็นพันเป็นหมื่น!
ดังนั้นแม้จะค่อนข้างแน่ใจว่านี่เป็นเหยื่อล่อที่ลู่เฉินโยนมา วั่นจินผิงก็ยังติดกับ
เขาอดถามไม่ได้ “คุณลู่เฉิน แล้วคุณอยากได้อะไรครับ”
ลู่เฉินหัวเราะ “ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับประธานวั่น มีน้ำใจต่อกัน ต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องให้ประธานวั่นช่วยเหลือ”
มีเพื่อนเพิ่มก็มีทางรอดเพิ่ม เพื่อนนั้นมีหลายประเภท
วั่นจินผิงมีสีหน้าสับสน ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนใจยาว “ผมรู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว”
เขารู้ว่าไม่อาจต้านทานเหยื่อล่อชิ้นนี้ได้ แต่ถ้าพอคิดว่าอาจจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเพราะเหตุนี้ เขากลับรู้สึกลังเล รู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกใช้
ลู่เฉินอมยิ้มไม่พูดอะไร
แผนการที่แบไต๋อย่างหมดเปลือกนี้ วั่นจินผิงไม่ว่าจะตอบรับหรือไม่ เขาไม่เสียหายอะไรเลย
ละครเรื่อง ‘ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว’ ลู่เฉินเตรียมจะเก็บหุ้นไว้ให้เฉินเฟยมีเดียแค่ 40-50% ที่เหลือแบ่งให้กับผู้ทำความร่วมมือรายอื่น หุ้นจำกัดอำนาจเพียง 5% ยกให้วั่นจินผิงไม่นับว่ามากเท่าไร
ถ้าวั่นจินผิงฉลาดพอ จะไม่ออกตัวเอง เชื่อมเส้นสายให้คนอื่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เขาต้องยอมรับน้ำใจของลู่เฉิน
และสิทธิ์อำนาจก็ยังตกอยู่ในมือของลู่เฉินตั้งแต่ต้นจนจบ!
ลังเลอยู่นาน วั่นจินผิงกัดฟังตอบ “ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณคุณลู่เฉินมาก!”
โอกาสแบบนี้สำหรับเขาแล้วหาได้ยากยิ่ง ถ้าพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปเลย
ลู่เฉินพยักหน้า “ดีครับ เรื่องรายละเอียดต่างๆ ผมค่อยติดต่อคุณอีกครั้ง”
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว วั่นจินผิงไม่ห่วงหน้าพะวงหลังอีก เขายกถ้วยชาขึ้นมาอีกครั้ง “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ!”
ลู่เฉินกับลู่ซียิ้มให้กัน ยกแก้วขึ้นมา
“ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”
……………………………………