ตอนที่ 611 เรื่องราวของกาลเวลา
แสงไฟในบาร์มืดลง ลำแสงของไฟสปอตไลต์สาดส่องลงบนตัวของลู่เฉิน
ลู่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง เท้าข้างหนึ่งเหยียบขาเก้าอี้ นั่งกอดกีตาร์ท่าทางสบายมาก
ดีดสายกีตาร์เบาๆ ลู่เฉินรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต กลับไปตอนที่เขายังร้องเพลงประจำอยู่ที่บาร์เดย์ลิลลี่
เพียงแต่เขาในตอนนี้ ไม่ใช่เขาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนแปลงคนและเรื่องราวอย่างมากมาย
ไม่ช้าในบาร์ก็เงียบสนิท อารมณ์ของแฟนเพลงในร้านที่ถูกกระตุ้นด้วยเพลง ‘คนเก่า’ ของเลี่ยวเจี่ยค่อยๆ สงบลงบรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงบและผ่อนคลาย
ลู่เฉินยื่นมือปรับตำแหน่งไมค์อีกครั้ง จากนั้นพูดว่า “เพลงนี้มีชื่อว่า…”
“เรื่องราวของกาลเวลา[1]”
สายตาของเขามองไปข้างหน้า ราวกับจ้องมองความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางแววตาที่เงียบสงบมีร่องรอยของความคิดถึงในความทรงจำ
“ดอกไม้บานยามวสันต์ ลมฤดูสารท และอาทิตย์อัสดงแห่งเหมันต์
ตัวฉันในวัยรุ่นที่ทั้งเยาว์วัยและขมขื่นเคยคิดอะไรอย่างโง่เขลาเช่นนี้
กังหันหมุนวนไม่เคยหยุดอยู่ในบทเพลงของวัฏจักรแห่งกาลเวลา
ในบทกวีที่เต็มไปด้วยถ้อยคำพร่ำพรรณนาฉันค่อยๆ เติบโตขึ้น
สายน้ำรินไหลไปพร้อมเรื่องราวของกาลเวลาทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไป
ในยามที่อ่อนไหวที่สุดเริ่มรู้จักการเฝ้ารอของวัยแรกรุ่น
ภาพถ่ายสีเหลือง จดหมายเก่าแก่ และการ์ดอวยพรคริสต์มาสซีดจาง
เพลงที่เขียนให้เธอเมื่อครั้งยังเยาว์เธอคงลืมมันไปนานแล้วกระมัง
…”
ในวงการเพลงป็อปของประเทศจีนเมื่อพูดถึงลู่เฉิน ไม่อาจหลีกเลี่ยงหัวข้อการแต่งเพลงบัลลาดได้อย่างแน่นอน ลู่เฉินสร้างพื้นที่ ‘เพลงบัลลาดร่วมสมัย’ ที่เป็นของตัวเองเพียงคนเดียว ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘เพื่อนที่นอนบนเตียงของฉัน’ ‘ธุลีรักในสายลม’ และผลงานเพลงคลาสสิคอื่นๆ จนถึงตอนนี้ได้ถูกคนนำไปร้องอย่างแพร่หลายนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะในรั้วโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเพลงของเขามีอิทธิพลมาก
หลายคนชอบลู่เฉิน ก็เพราะชอบเพลงบัลลาดของเขา
แต่ลู่เฉินในวันนี้ แนวเพลงที่เขาแต่ง ได้เปลี่ยนจากเพลงบัลลาดและซอฟต์ร็อกมาเป็นเพลงรักที่ได้รับความนิยมมากกว่า ผลงานเพลงบัลลาดคลาสสิคเหล่านี้จึงได้แต่เก็บไว้ในอัลบั้มที่ผ่านมาของเขา
สำหรับแฟนเพลงร้อยกว่าคนที่อยู่ในบาร์แบล็กซิกซ์ตอนนี้ พวกเขาโชคดีสุดๆ เพราะพวกเขาได้ฟังลู่เฉินร้องเพลงบัลลาดเพลงใหม่ในบาร์ และยังเป็นเพลงบัลลาดร่วมสมัยที่มีความคลาสสิคอย่างยิ่ง
ที่สำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินร้องเพลงบัลลาดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นท่วงทำนองหรือว่าเนื้อเพลง ก็ยังคงประทับใจคนเหมือนเดิม!
“…
คำสัญญาในวันวานคงคล้ายดั่งที่คั่นหนังสือที่คั่นไว้อย่างลวกๆ
บทกวีไพเราะที่จารึกไว้เสียมากมายสุดท้ายเป็นเพียงหมอกควันสายหนึ่ง
สายน้ำรินไหลไปพร้อมเรื่องราวของกาลเวลาเปลี่ยนแปลงคนสองคน
ในยามที่อ่อนไหวที่สุดจึงได้หลั่งน้ำตาแห่งวัยแรกรุ่นออกมา
เส้นทางที่ยาวไกล ความฝันในวันวาน และเสียงหัวเราะที่ห่างหายไป
เมื่อพบกันอีกครั้งเราต่างเดินผ่านมาจากเส้นทางหลากหลาย
ไม่ใช่ตัวฉันคนเดิมที่เคยคุ้นแต่ยังคงแบกความใฝ่ฝันอันแรงกล้าดุจวันวาน
และไม่ใช่เธอคนเดิมที่รู้จักแต่ยังคงมีรอยยิ้มให้กันเช่นเคย
สายน้ำรินไหลไปพร้อมเรื่องราวของกาลเวลาเปลี่ยนแปลงพวกเราไปทั้งหมด
มีเพียงยามที่อ่อนไหวที่สุดจึงได้คิดถึงวัยแรกรุ่นขึ้นมาจับใจ!
…”
ใครบ้างไม่เคยมีอดีต ใครบ้างไม่เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ใครบ้างไม่เคยมีอดีตที่ควรค่าแก่การนึกถึง
นึกถึงอดีตในวันวาน มีใครบ้างที่ไม่เคยมีความเสียใจในชีวิต
บทเพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ ลู่เฉินเล่นและขับร้องอย่างไพเราะน่าฟัง สะกิดความทรงจำที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของผู้คนขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย…ช่วงวัยเยาว์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่งดงามก็แก่ชราไปตามกาลเวลา สายน้ำไหลรินไปพร้อมกับเรื่องราวของกาลเวลา และพาช่วงวัยเยาว์ที่เปราะบางไปด้วยเช่นกัน
ผู้ชมที่อยู่ในบาร์แบล็กซิกซ์ โดยทั่วไปมีอายุสามสิบสี่สิบปี พวกเขาส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว หลายคนต่อสู้ทำงานในเมืองแห่งนี้อย่างยากลำบาก จึงเข้าใจความโหดร้ายของช่วงเวลาและความผันผวนของชีวิตเป็นอย่างดี
เพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ เพลงนี้สัมผัสจุดที่อ่อนไหวที่สุดในใจของพวกเขาอย่างไร้ความปรานี เกราะป้องกันหัวใจที่สร้างขึ้นมาแต่ละชั้นถูกเนื้อเพลงที่แฝงไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้งของลู่เฉินทำลายได้อย่างง่ายดาย เผยออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว
หนึ่งในนั้นเห็นได้ชัดว่ามีผู้หญิงที่ทำงานเก่งและฉลาดคนหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายแวววับ เธอกัดริมฝีปากทันทีไม่รู้ว่านึกถึงเรื่องอะไร สีหน้าเปลี่ยนจากหวานชื่นเป็นเจ็บปวดสลับกัน
เสียงเพลงของลู่เฉินรวมทั้งบรรยากาศในร้าน ได้ปรากฏออกมาด้วยฝีมือการถ่ายทอดสดของเฉินเฟยเอ๋อร์ คอมเมนต์สดที่วุ่นวายเหล่านั้นหายไปจากหน้าจอ แม้แต่การตบรางวัล ก็เปลี่ยนเป็นเงียบมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน
และเวลานี้ภายในห้องถ่ายทอดสดลู่เฉินของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ ยอดคนดูออนไลน์ทะลุหลักล้านแล้ว!
ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะยังคงทำหน้าที่ถือโทรศัพท์อย่างเต็มที่ แต่ความคิดของเธอกลับไม่ได้อยู่ตรงนี้ เธอรู้สึกประทับใจเพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ อย่างลึกซึ้งเช่นกัน จ้องมองลู่เฉินอย่างตั้งใจ กะพริบนัยน์ตาด้วยความอ่อนโยน
เวลาไร้ความปรานี ความสาวของเธอค่อยๆ ผ่านไป สามารถอยู่เคียงคู่กับลู่เฉิน…
คือความโชคดีตลอดชีวิต!
“มีเพียงยามที่อ่อนไหวที่สุดจึงได้คิดถึงวัยแรกรุ่นขึ้นมาจับใจ!”
ทุกคนยังคงตกอยู่ในบรรยากาศที่สร้างขึ้นมาจากเนื้อเพลง ไม่มีคนปรบมือ ส่งเสียง พูดจา จนกระทั่งมีขวดเหล้าขวดหนึ่งตกแตกเสียงดัง ทุกคนดูเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน
จากนั้นเสียงปรบมือดัง ‘แปะๆๆ’ พลันดังขึ้น อย่างเรียบร้อยบริสุทธิ์และสะอาด!
ทุกคนได้แต่ใช้วิธีนี้แสดงความชื่นชอบเพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ ของพวกเขา และมีความนับถือต่อลู่เฉินขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกขอบคุณเขาที่แต่งเพลงที่มากพอจะกลายเป็นผลงานเพลงบัลลาดคลาสสิคเพลงใหม่ออกมาอีกครั้ง
เฉินเฟยเอ๋อร์ปิดการถ่ายทอดสดชั่วคราว เธอวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ และปรบมือพร้อมกับทุกคน
แต่ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงซือฟางที่นั่งอยู่ข้างๆ น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจมาก รีบจับมือของซือฟาง “พี่ซือฟาง”
ซือฟางยกมือเช็ดน้ำตาอย่างเขินอาย ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษด้วย พอดีนึกเรื่องในอดีต ลู่เฉินแต่งเพลงนี้ได้ดีมากจริงๆ”
ใครบ้างไม่มีเรื่องในอดีต เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ แล้วพูดเบาๆ “งั้นพวกเรารีบกลับกันเถอะ”
เพราะเธอมองออกว่าซือฟางฝืนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเรื่องในใจถูกสะกิดขึ้นมาหมดแล้ว
ซือฟางส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่ต้อง นานๆ ทุกคนจะได้สนุก…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยืนกราน “ฉันก็เหนื่อยนิดหน่อยแล้วค่ะ วันพรุ่งนี้ต้องบันทึกรายการอีก คืนนี้ต้องรีบพักผ่อน”
เธอไม่สนใจคำคัดค้านของซือฟาง กวักมือเรียกลู่เฉินกลับมา แล้วบอกว่าอยากกลับแล้ว
ลู่เฉินสังเกตเห็นสีหน้าของซือฟาง แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง แต่เขาเคารพเลี่ยวเจี่ย “พี่เลี่ยว พวกเราจะกลับก่อน พี่ล่ะครับ”
เลี่ยวเจี่ยยิ้มเอ่ยว่า “คืนนี้เที่ยวสนุกมากแล้ว ไปกันเถอะ”
เขานึกจะกลับก็กลับตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นลู่เฉินและคนอื่นจะกลับแล้ว เหล่าแฟนเพลงที่อยู่ในบาร์รู้สึกเสียดายมาก แต่ทุกคนรู้ว่าคนเราจะโลภมากไม่ได้ คืนนี้ได้ฟังเลี่ยวเจี่ยกับลู่เฉินร้องเพลงให้ฟังกันสดๆ ถือว่าโชคดีมากๆ แล้ว
และไม่อาจขอร้องให้เฉินเฟยเอ๋อร์กับซือฟางขึ้นไปร้องสักเพลงใช่ไหมล่ะ
ทุกคนมาเที่ยว จึงไม่มีหน้าที่ตรงนี้อย่างสิ้นเชิง!
ดังนั้นเสียดายก็ส่วนเสียดาย หลิวหมิ่นเป็นผู้นำทุกคน ช่วยกันปรบมือส่งศิลปินตัวท็อปของวงการเพลงป็อปทุกคนกลับไป
…………………………………………………………………………
[1] 光阴的故事 หรือ เรื่องราวของกาลเวลา เนื้อร้องและทำนองโดย หลัวต้าโย่ว (罗大佑)