ตอนที่ 651 เลือกนักแสดง (1)
วิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง หอพักชายตึก C ห้อง 317
ปักกิ่งร้อนมากในเดือนกรกฎาคม เมื่อวันที่ 1 อุณหภูมิเฉลี่ยในพื้นที่ส่วนใหญ่เกิน 30 องศา และอุณหภูมิสูงสุดในบางพื้นที่ก็เกิน 37 องศาทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังของฤดูร้อนทางตอนเหนืออย่างแท้จริง
เจียงหยางซวี่ร้อนจนตื่นขึ้นมา
เมื่อคืนเขานอนดึกมาก จึงนอนมากหน่อยตอนเช้า แต่เขาก็หลับไม่สนิท
เครื่องปรับอากาศในหอพักไม่รู้ว่ามันดับไปเมื่อไร ในห้องที่ปิด มันอบอ้าวและร้อนมาก เจียงหยางซวี่รู้สึกราวกับว่าเขาถูกดึงออกมาจากบ่อน้ำเค็ม เปียกชุ่มจนอึดอัด แม้แต่หายใจยังลำบาก
“นี่มันอะไรกัน!”
นักศึกษาสาขาการแสดงรุ่น 15 ของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งอดสบถออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง
คัตเอาต์คงดีดอีกแล้วละสิ เครื่องปรับอากาศในหอพักนี้อย่างน้อยก็อายุสิบปีเข้าไปแล้ว ถือว่าเก่าแล้วจริงๆ อะไหล่หลายอย่างก็ทรุดโทรมไปแล้ว จึงมักจะชอบตัดไฟเอง
แม้ว่าเจียงหยางซวี่และรูมเมตจะสะท้อนปัญหานี้กับคนคุมหอหลายครั้ง พวกเขาก็แค่ส่งช่างไฟมาซ่อม แต่ปัญหาแทบไม่ได้รับการแก้ไขเลย
เจียงหยางซวี่ยกคัตเอาต์ขึ้นอีกครั้ง เครื่องปรับอากาศเก่าๆ เครื่องนี้จึงเริ่มต้นทำงานเสียงดังหึ่งๆ อีกครั้ง แต่เขาไม่มีอารมณ์จะมานอนแล้ว จึงไปอาบน้ำเย็นที่ห้องอาบน้ำ
เมื่อชะล้างเหงื่อและความร้อนที่มันเยิ้มออกไป เจียงหยางซวี่ก็รู้สึกสดชื่นทันที เขาสวมเสื้อยืดที่สะอาดแล้วนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปเปิดคอมพิวเตอร์
เจียงหยางซวี่เป็นคนเซียงเป่ย หน้าร้อนปีนี้เขาไม่ได้กลับบ้าน แต่อยู่ที่ปักกิ่งกับเพื่อนส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงยังอยู่ในหอพัก
ต่างกับเด็กมหาวิทยาลัยดังทั่วไปก็คือ เหล่านักศึกษาจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งน้อยมากที่จะกลับบ้านในช่วงหน้าร้อน ไม่เพียงแต่หลงใหลในความรุ่งเรืองของปักกิ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาโอกาสมากมายที่นี่
โอกาสที่จะได้ถ่ายภาพยนตร์และละคร
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก จำนวนภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่ถ่ายทำทุกปีก็เพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีความต้องการในด้านต่างๆ อย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงนักแสดงด้วย
และวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งก็เป็นสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ระดับมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและเอเชีย ก่อตั้งขึ้นร่วมกันโดยรัฐบาลกรุงปักกิ่ง สำนักบริหารสื่อและสิ่งพิมพ์แห่งรัฐ และกระทรวงศึกษาธิการ เป็นที่รู้จักในนาม ‘แหล่งกำเนิดคนมีพรสวรรค์ด้านภาพยนตร์ของจีน’ และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา มีคนมีพรสวรรค์ด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์นับไม่ถ้วนที่จบออกจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง เช่น ผู้กำกับ นักแสดง และตากล้อง…งานเฉลิมฉลองครบรอบของวิทยาลัยในแต่ละปี ดาราและคนดังในวงการบันเทิงครึ่งหนึ่งจะมาเข้าร่วมงาน!
ดังนั้นนักศึกษาของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งจึงค่อนข้างได้เปรียบ ต่อให้กำลังเรียนอยู่ก็ตาม หากอยากจะหางานพาร์ตไทม์ทำในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมันไม่ยากเลย ขอเพียงยินดีวางอีโก้ลง ไปเป็นตัวประกอบในกองละครสักเรื่องก็ง่ายมาก
นักศึกษาหลายคนจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งช่วงที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็เริ่มถ่ายละครหรือแม้กระทั่งภาพยนตร์แล้ว ดาราดังไม่น้อยเลยที่เคยเป็นนักศึกษาของที่นี่ก็เริ่มดังตั้งแต่สมัยที่เป็นนักศึกษา
แม้ว่าคุณไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้งาน แต่การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ก็ดุเดือดมากเช่นกัน ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถก้าวไปสู่การเป็นดาราได้เพราะจบจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง นักศึกษาของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งจำนวนมากไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับวงการบันเทิง และมีหลายคนที่เปลี่ยนอาชีพไปในที่สุด
โชคชะตาไม่อาจคาดเดาได้ พรสวรรค์ ความสามารถ เส้นสาย โชคชะตา… ล้วนเป็นตัวกำหนดชะตากรรมที่แตกต่างกันได้ ความขยันหมั่นเพียรและการทำงานหนักก็มีความสำคัญเช่นกัน และจุดเริ่มต้นก็สำคัญยิ่งกว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ เจียงหยางซวี่คิดว่ารูปลักษณ์ของเขาไม่ได้โดดเด่นมากนัก พรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้ดีที่สุด และสำหรับเส้นสายเครือข่าย เขาก็ไม่มีเลย สิ่งเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้คือความพยายามของเขาเอง
ดังนั้นในฤดูร้อนนี้ เขาจึงตัดสินใจออกไปหาประสบการณ์มากขึ้น แม้ว่าเขาจะได้รับค่าตอบแทนแค่ข้าวกล่อง ตราบใดที่เขาสามารถสะสมประสบการณ์ และได้ทำความรู้จักกับคนในวงการบันเทิงมากขึ้น มันก็จะคุ้มค่าอย่างยิ่ง
หลายวันก่อนเจียงหยางซวี่ก็ทำงานในกองละครเล็กๆ กองหนึ่ง อีกฝ่ายที่จริงแล้วเป็นแค่ทีมงานหน้าใหม่ทั้งนั้น ทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองคนหนึ่งอยากดันคนรักลับๆ ของตัวเอง ดังนั้นจึงออกเงินจ้างคนมาทำงาน
บอกว่ามาถ่ายหนัง แต่ที่จริงแล้วเป็นของก๊อบ มันไม่สามารถฉายในโรงได้ด้วยซ้ำ อย่างมากก็ไปฉายบนอินเทอร์เน็ต ยอดเข้าชมหากไม่แต่งตัวเลขเอาก็คงไม่น่าดูเท่าไร
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เจียงหยางซวี่ก็ยังคงเห็นค่าในโอกาสที่รุ่นพี่ให้ หลังจากที่ถูกแนะนำให้เข้ามาในกอง เขาทั้งแสดงเป็นตัวประกอบชายหมายเลขสี่ ทั้งยังทำงานจิปาถะไปด้วย
เมื่อคืนก็ยุ่งอยู่ในกองถ่ายจนถึงตีหนึ่งตีสองถึงได้กลับหอพัก มันลำบากจริงๆ
แต่เป็นเรื่องที่เจียงหยางซวี่เต็มใจ เพราะเมื่อถ่ายเรื่องนี้เสร็จ เขาจะได้เงินค่าตอบแทนเป็นจำนวนห้าพันหยวน ต่อให้ต้องให้รุ่นพี่สองพันเพื่อเป็นค่าแนะนำ แต่เหลืออยู่สามพันก็เพียงพอที่เขาจะใช้ดำรงชีพไปได้อีกหลายเดือน
งานแบบเดียวกันหากรับมากหน่อย เขายังสามารถส่งเงินกลับบ้านได้ด้วย
เพื่อสนับสนุนให้เจียงหยางซวี่สอบเข้าวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง ทั้งบ้านก็ติดหนี้ไปไม่น้อยเลย
แอ๊ด…
เจียงหยางซวี่เพิ่งจะเริ่มเปิดเว็บไซต์ ประตูห้องหอพักก็ถูกเปิดออก ชายร่างผอมคนหนึ่งรีบรุดเข้ามา
“เจียงหยางซวี่ นายอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
เมื่อเห็นเจียงหยางซวี่ ชายร่างผอมก็เอะอะว่า “โทรหานายตั้งหลายสายก็ปิดเครื่องตลอดเลย”
“รุ่นพี่!”
เจียงหยางซวี่รีบลุกขึ้นยืนทักทาย เขาตบศีรษะตนเอง ก่อนจะพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ต้องเป็นเพราะไม่มีแบตเตอรี่เลยปิดเครื่องเองแน่ๆ เมื่อคืนกลับมาดึกมากครับ ลืมชาร์จแบตฯ ไปเลย!”
เขาหันไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากใต้หมอน พบว่าโทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้วจริงๆ
โทรศัพท์เครื่องนี้ยังเป็นรุ่นเก่าเมื่อสองสามปีที่แล้ว แบตเตอรี่ไม่ทนทานนัก โดยปกติแล้วจำเป็นต้องชาร์จทุกวัน
“อย่างนี้ไม่ไหวแน่ นายรีบเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เลย…”
รุ่นพี่โบกมือพูดว่า “หากเป็นเวลาสำคัญ ติดต่อไม่ได้นายพลาดโอกาส ก็ร้องไห้ไปเถอะ!”
เจียงหยางซวี่หัวเราะก่อนจะพูดว่า “ถ้าได้เงินรอบนี้แล้วผมจะไปซื้อครับ”
งานที่เขาทำอยู่ตอนนี้ถูกแนะนำโดยรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา อีกฝ่ายเรียนสาขาบริหารรุ่น 11 หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาไม่ได้จากวิทยาลัยไปไกล แต่กลับเล่นบทบาทนายหน้าคนกลางและเอเจนซี่
พูดง่ายๆ ก็คือ รุ่นพี่คนนี้คนนี้ติดต่อกับกองละครต่างๆ และแนะนำให้รุ่นน้องไปทำงานในกองละคร จากนั้นก็หักค่าแนะนำไป ทำให้เขาก็ร่ำรวยไม่น้อยเลย
สำหรับเจียงหยางซวี่ที่เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง มีตราวิทยาลัยแต่ไม่มีเส้นสาย ไปหางานในกองละครเอง ถึงแม้ว่าจะได้โอกาส แต่คงเสียต้นทุนเวลามากอย่างไม่ต้องสงสัย และหากเจอที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ สุดท้ายไม่ได้เงินสักบาทก็คงต้องถือเป็นโชคชะตาแล้ว
แต่รุ่นพี่คนนี้แตกต่างออกไป เขาจะเอาค่านายหน้า กองละครที่แนะนำก็สามารถรับประกันได้ว่าจะได้เงิน แม้ว่าค่านายหน้าจะโหดมาก แต่เจียงหยางซวี่ก็ยินดีที่จะร่วมงานกับเขา
รุ่นพี่คนนี้ฉลาดมาก แต่ก็ดีกับคนอื่นไม่เลวเลย งานที่แนะนำหลายครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน…”
รุ่นพี่เอ่ยว่า “วันนี้เฉินเฟยมีเดียมาเลือกนักแสดงที่วิทยาลัยเรา นายรู้ไหม”
“อะไรนะ?”
เจียงหยางซวี่ตะลึงไปเลย “เฉินเฟยมีเดียเหรอครับ หรือว่าจะเป็น…”
“เรื่อง ‘ยัยตัวร้ายจากนายต่างดาว’ เหรอครับ”
………………………………