ตอนที่ 657 เซ็นสัญญาไว้ไม่เสียหาย
ตอนที่ลู่เฉินได้ร่วมลงทุนในบาร์เดย์ลิลลี่ เฉินเจี้ยนหาวบอกเขาว่าที่นี่มีที่สำหรับเขาเสมอ
ประโยคนี้ของเถ้าแก่เฉินไม่ได้พูดพล่อยๆ บาร์เดย์ลิลลี่ขยับขยายกว้างขวางมากขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว มีที่นั่งสำหรับลู่เฉินโดยเฉพาะ…และเป็นที่นั่งที่เก็บไว้สำหรับเขาคนเดียวตลอดไป
ปกติไม่ว่ากิจการของบาร์จะดีแค่ไหน ที่นั่งตรงนี้ก็จะว่างเสมอ ถ้ามีคนอยากนั่ง จะมีพนักงานหรือไม่ก็ลูกค้าคนอื่นคอยกล่าวเตือน
นี่เป็นกฎข้อห้ามเล็กๆ ข้อหนึ่งของบาร์เดย์ลิลลี่ มีที่นั่งนี้อยู่เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่า บาร์นี้มีดาราใหญ่เป็นหุ้นส่วน มักมีเหตุการณ์เซอร์ไพรส์เกิดอยู่เรื่อยๆ
ตั้งแต่บาร์เดย์ลิลลี่ได้ตกแต่งใหม่ ที่นั่งนี้เพิ่งได้รับแขกผู้เป็นเจ้าของมันเป็นครั้งแรก
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยให้กับความตั้งใจหรือจะเรียกให้ถูกคือความคิดของเฉินเจี้ยนหาว
“ขอเบียร์แก้วหนึ่ง…”
บาร์เทนเดอร์ไม่ใช่เดวิดคนเดิมแล้ว ชายหนุ่มที่ชอบพูดจาตลกขบขันคนนั้นได้ติดตามความรักของเขาไปสู่ดินแดนทางใต้ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นชาวต่างชาติแท้อย่างร็อตนี่
ร็อตนี่เป็นคนอเมริกัน จบมหาวิทยาลัยแล้วมาท่องเที่ยวในประเทศจีน จากนั้นเขาก็ตกหลุมรักเมืองแห่งนี้ เลือกที่จะอยู่ทำงานต่อ เขาเคยทำงานพิเศษในบาร์ที่นิวยอร์ก จึงไม่ใช่มือใหม่
ร็อตนี่ยังหนุ่มมาก ผมสีน้ำตาลกับตาสีฟ้าหล่อเหลา ภาษาจีนของเขาดีใช้ได้ เขารู้จักลู่เฉินและยกย่องนับถือลู่เฉินมาก “ลู่ ผมเคยฟังเพลงของคุณ คุณเป็นนักร้องที่เก่งที่สุด!”
ชายชาวต่างชาติกล่าวอย่างตรงไปตรงมา คำชื่นชมของเขาก็จริงใจ ลู่เฉินหัวเราะ “ขอบคุณครับ”
ร็อตนี่ยื่นเบียร์แก้วหนึ่งให้ลู่เฉิน ถามอย่างสงสัยว่า “ลู่ คืนนี้คุณจะร้องเพลงไหม”
ลู่เฉินรับเบียร์มาดื่มหนึ่งอึก ตอบว่า “อาจจะ”
ระหว่างที่คุยกันอยู่ เฉินเฟยเอ๋อร์เดินลงมาจากบันได มาหยุดอยู่ข้างกายลู่เฉิน “พวกนายคุยอะไรกันอยู่”
ร็อตนี่จ้องมองอย่างตกตะลึง ถามตาโตว่า “คุณผู้หญิงคนสวย ขอถามชื่อคุณได้ไหมครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยไม่ตอบ ยื่นมือไปคล้องแขนลู่เฉิน
ร็อตนี่อดทำท่าผิดหวังไม่ได้ “อ้อ ที่แท้คุณเป็นแฟนของลู่ คุณมีพี่สาวน้องสาวไหมครับ”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะพร้อมกัน คนคนนี้น่าสนใจดี…หน้าหนาเป็นพิเศษ
ตอนนั้นเอง นักร้องคนหนึ่งถือกีตาร์ปรากฎตัวบนเวที
ตอนที่บาร์เดย์ลิลลี่กำลังตกแต่งใหม่ ได้ลงทุนเงินมหาศาลไปกับอุปกรณ์เครื่องเสียง เวทีการแสดงแบบเดิมได้ปรับปรุงใหม่ เปลี่ยนฉากเบื้องหลังใหม่ เอฟเฟกต์แสงสีดีกว่าเดิมมาก
นักร้องคนนี้อายุประมาณยี่สิบปี รูปร่างไม่สูง สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ผมยาวปล่อยสยายลงมาถึงบ่า เครื่องหน้าคมคาย ดูเหมือนคนพเนจร
เขาเป็นที่นิยมในบาร์เดย์ลิลลี่ เวลาออกมาแสดงจะได้รับความสนใจจากแขกเหรื่อมากมาย ในนั้นมีสาวน้อยอยู่ไม่น้อย เสียงปรบมือดังขึ้นเพื่อต้อนรับการมาของเขา
เฉินเจี้ยนหาวแนะนำให้ลู่เฉินรู้จัก “เสี่ยวจวง นักร้องใหม่ มีพรสวรรค์ เพลงบัลลาดร้องได้ไม่เลว”
ลู่เฉินพยักหน้า
นักร้องใหม่ ‘เสี่ยวจวง’ นั่งลงบนเก้าอี้ เขาไม่ได้ตอบโต้กับเสียงเรียกของแฟนคลับ สนใจแต่การปรับเสียงกีตาร์ของตัวเอง จากนั้นเงยหน้าขึ้นพูดใส่ไมโครโฟนว่า “วัยเจิดจรัส”
เพลงที่เขาดีดกีตาร์และขับร้องอยู่นี้ เป็นเพลง ‘วัยเจิดจรัส’ ที่มาจากอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกับฉัน’ ของลู่เฉิน
“หวนกลับไปเดือนห้าปลายฤดูใบไม้ผลิ เช้ามืดผู้คนในตลาดสดมีไม่มาก”
“เด็กน้อยร้องเพลงอยู่หน้าประตู แสงแดดส่งไออุ่นแก่สายน้ำ”
“ปุยหลิวลอยล่องไปตามแรงลม คนใต้ร่มเงาไม้อยากหลับใหล คนผู้เงียบงันเริ่มมีความสุขขึ้นมา ปลดเปลื้องหุ่นเชิดอันเหน็บหนาวออกไปสิ้น ฉันลังเลอยู่ในเชิ้ตขาว…”
เพลง ‘วัยเจิดจรัส ’ตั้งแต่เปิดตัวมา ถูกมองเป็นผลงานเพลงบัลลาดชิ้นเยี่ยมของลู่เฉิน ตามทิศทางความนิยมของแนวเพลงนี้ที่กำลังมาแรง ถูกนักร้องมากมายนำไปร้องคัฟเวอร์
สองปีที่ผ่านมา วงการเพลงป็อปจีนปรากฏเพลงบัลลาดแนวย้อนอดีตเป็นหลัก กระแสของแนวเพลงเริ่มต้นจากอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ของลู่เฉิน จากนั้นก็มีผู้ที่เดินตามกระแสกลุ่มใหญ่
นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย วงการเพลงของจีนกำลังประสบกับปัญหาใหญ่ที่ขาดผลงานการแต่งเพลง ทุกคนเอาแต่ร้องเพลงคัฟเวอร์ เลียนแบบผลงานเพลงจากเกาหลี ญี่ปุ่น และฝั่งตะวันตก ทั้งเพลงแร็ปเพลงเร็วที่ถูกปรับเปลี่ยนให้คล้ายกันอย่างหนักหน่วง
ลู่เฉินไม่เพียงแต่สร้างกระแสเพลงบัลลาด ยังมีกระแสการแต่งเพลง ผลงานของเขาเป็นผลงานที่แต่งขึ้นเองทั้งหมด ทำให้คนในวงการรับรู้ถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
สิ่งที่ตามมาคือ สถานะของนักแต่งเพลงในวงการนั้นสูงขึ้น มีนักร้องมากมายที่อยากใช้ผลงานที่ตัวเองแต่งขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง ขณะเดียวกันก็สร้างแนวเพลงเฉพาะของตัวเอง
ในเรื่องนี้นักวิจารณ์เพลงคนหนึ่งได้กล่าวลงในบล็อกล่างฉาวว่า สิ่งที่ลู่เฉินได้นำมาให้แก่วงการเพลงป็อปจีนไม่ได้มีเพียงอัลบั้มแต่งเองที่ขายดีที่สุดสองอัลบั้ม เขายังเปลี่ยนแปลงทิศทางของวงการเพลงอย่างใหญ่หลวง ทำให้วงการเพลงป็อปจีนมีความภาคภูมิใจและเกียรติยศของตัวเองอีกครั้ง
คำยกยอนี้อาจจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ลู่เฉินได้ส่งผลกระทบถึงวงการเพลงอย่างแท้จริง!
เพลง ‘วัยเจิดจรัส’ ร้องไม่ยากนัก แต่เพราะมีคนนำไปร้องกันเยอะมาก หากอยากจะร้องให้เข้าถึงอารมณ์และรสชาติของเพลง อยากได้รับการยอมรับจากผู้ฟังที่ละเอียดอ่อนไม่ง่ายเลย
เพราะเพลงต้นฉบับของลู่เฉิน ได้สร้างมาตรฐานที่ยากจะแตะถึงเอาไว้อยู่แล้ว
แต่นักร้องเสี่ยวจวงร้องได้ไม่เลว การเล่นกีตาร์ของเขาคล่องแคล่ว โน้ตเม่นยำไร้ที่ติ มีสไตล์การร้องเป็นของตัวเอง เหมือนกับที่เฉินเจี้ยนหาวบอกว่าเขามีพรสวรรค์ รูปลักษณ์ภายนอกยังดูดี มิน่าถึงดึงดูดแฟนคลับได้มากมาย
เฉินเฟยเอ๋อร์กระซิบล้อเล่นกับลู่เฉินว่า “รู้สึกกดดันแล้วใช่ไหม”
ตอนที่เสี่ยวจวงร้องเพลงอยู่ ทุกคนสนใจอยู่ที่เขา มีไม่กี่คนที่จ้องมองลู่เฉิน
ลู่เฉินหลุดขำ
เฉินเจี้ยนหาวบอกว่า “เจ้าหนุ่มคนนี้บูชานายมาก เข้ามาที่บาร์เดย์ลิลลี่เพราะนายเชียวนะ”
ตามที่เฉินเจี้ยนหาวบอก เขาคนนี้ไม่ใช่นักร้องหลงกรุง เป็นถึงทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองผู้หลงใหลดนตรี กีตาร์ที่ใช้เป็นกีตาร์ชั้นยอดราคาแสนกว่า เขามาที่บาร์เดย์ลิลลี่ไม่ใช่เพราะเงิน
เฉินเจี้ยนหาวบอกต่อ “ถ้าชอบ เซ็นสัญญากับเขาไว้ไม่เสียหาย เป็นต้นกล้าที่ควรค่าแก่การบ่มเพาะ”
เฉินเฟยมีเดียในวันนี้เริ่มเซ็นสัญญากับศิลปินแล้ว แม้จะแค่ไม่กี่คน แต่คนในวงการต่างรู้ดี
พอดีกับที่เสี่ยวจวงร้องเพลง ‘วัยเจิดจรัส’ จบ เขายังดูเท่เหมือนเดิม ถือกีตาร์ลงจากเวทีไปโดยไม่ได้ตอบโต้กับแฟนเพลง
…………………………………