ตอนที่ 746 มุกงามแห่งบูรพา (1)
“เฉินเฟยเอ๋อร์!”
ด้วยรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของเฉินเฟยเอ๋อร์ มีเสียงเชียร์ดังขึ้นทั้งในและนอกเซ็นจูรี่พลาซ่า และแฟนๆ หลายคนก็ตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดังระลอกแล้วระลอกเล่า ราวกับคลื่นในอ่าววิคตอเรีย
เมื่อสองปีที่แล้ว แม้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นที่รู้จักกันดีในจีนและเป็นราชินีแห่งวงการเพลงจีน แต่ในฮ่องกงนั้น เธอมีชื่อเสียงเพียงเล็กน้อย หลายคนรู้จักเธอและสามารถบอกชื่อของเธอได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงความสำเร็จและเกียรติยศที่เธอได้รับ
อย่างไรก็ตามเฉินเฟยเอ๋อร์ในวันนี้ ในสายตาของชาวฮ่องกง เธอไม่ได้ด้อยกว่าดาราหญิงคนอื่นๆ บนเกาะฮ่องกงแม้แต่น้อย
เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ และเรื่อง ‘ฟูลเฮ้าส์’ ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนในฮ่องกงรู้จักผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์งดงามและมีรอยยิ้มสวยคนนี้ แม้แต่อัลบั้ม ‘บุปผาราตรี’ ของเธอก็มียอดขายที่น่าประทับใจบนเกาะฮ่องกง หลายๆ เพลงได้ถูกขับร้องไปตามถนนและตรอกซอกซอย
ดังนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์จึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานเฉลิมฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีน ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจ และไม่มีใครคิดว่าการแนะนำของพิธีกรจางอวิ้นนั้นผิดพลาด เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงเบอร์ต้นๆ ของจีนอย่างแน่นอน!
แฟนๆ และผู้ชมจำนวนมากที่รู้จักคุ้นเคยกับเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างส่งเสียงเชียร์ และคิดว่าคนต่อไปคงจะเป็นลู่เฉินใช่หรือไม่?
ชื่อเสียงของลู่เฉินในฮ่องกงนั้นดังกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ ไม่ต้องพูดถึงละครโทรทัศน์ทั้งสองเรื่องที่สร้างสถิติเรตติ้งบนเกาะฮ่องกง แค่เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ และเพลงภาษากวางตุ้งสุดคลาสสิคหลายเพลง ก็เพียงพอที่จะทำให้คนจดจำศิลปินหนุ่มที่สูง หล่อ และมีความสามารถคนนี้ได้แน่นอน
และความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ก็เป็นเรื่องราวในวงการบันเทิงที่ผู้คนนับไม่ถ้วนพูดถึง!
จางอวิ้นรับช่วงต่อคำพูดของฉีเจียเหอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดเสียงดัง “ต่อไป ยินดีต้อนรับนักร้องหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในวงการเพลงป็อปและมาจากจีนเช่นกัน…”
“คุณลู่เฉิน!”
แสงสปอตไลต์ชุดที่สองส่องลงมา ส่องสว่างไปยังตำแหน่งที่ห่างจากเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่กี่เมตร และส่องไปยังร่างของลู่เฉิน
ชุดสูท เสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีดำ เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตทำให้ลู่เฉินที่สูง 183 เซนติเมตรดูสูงและหล่อเป็นพิเศษ เขาระบายรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยพลัง ในความสุขุมนุ่มลึกแฝงไปด้วยความสง่างาม
“ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!” “ลู่เฉิน!”
เสียงปรบมือที่ยังไม่ทันเงียบลงทั้งในและนอกพลาซ่าดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง
หล่อเกินไปแล้ว!
ไม่บ่อยนักที่ลู่เฉินจะสวมชุดทางการ ปกติแล้วเสื้อผ้าของเขาส่วนใหญ่เป็นแบบสบายๆ เขามักจะวิ่งไปรอบๆ ในชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงสดใสข้างบ้าน
แต่ขณะนี้เวลานี้ ลู่เฉินปรากฏตัวขึ้นบนเวทีราวกับเจ้าชายรูปงามตัวจริงเสียงจริง ร่างของเขาเต็มไปด้วยออร่า ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าลู่เฉินเดินไปหาเฉินเฟยเอ๋อร์อย่างคล่องแคล่วและสง่าผ่าเผย โค้งคำนับเชิญชวนเฉินเฟยเอ๋อร์ด้วยท่าทางที่สุภาพและงดงาม
เฉินเฟยเอ๋อร์ระบายรอยยิ้มแสนหวานและยื่นมือเรียวยาวของเธอตอบกลับไป
ทั้งสองจับมือกัน
ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน และจุดชนวนให้เกิดความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังในทันที!
“กรี๊ด ในที่สุดเฉินของฉันก็ปรากฏตัวออกมาสักที!”
“หล่อเกินไปแล้ว!”
“อย่าออกมาเลยจะดีกว่านะ ถ้ามาถึงแล้วจะโชว์สวีทหวานขนาดนี้ ตาจะบอดเอาได้ง่ายๆ เลย!”
“นี่ ในงานฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีนก็ยังไม่วายโชว์สวีทกันอีก กะจะฆ่าหมาโสดไร้คู่[1]อย่างพวกเราให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยใช่ไหมเนี่ย!”
“ฉันรู้สึกว่าจะเห็นอาหารหมาโยนมาทางฉันอยู่นะ…”
ในการถ่ายทอดสดของเฟยซวิ่นวิดีโอนั้น ข้อความที่ทั้งบ่นทั้งแขวะของผู้ชมเยอะมากจนมองไม่เห็นภาพในงานเลย ถ้าอยากดูต่อก็ต้องกดเลือกปิดโหมดไป ไม่อย่างนั้นก็มองเห็นแต่ซับกระสุนหลากสีสัน และจำนวนก็เกินคาดอีกด้วย!
ในขณะที่บ่นนั้น หลายๆ คนก็ยังอยากรู้อยากเห็นและตั้งตารอคอย เฉินเฟยเอ๋อร์และลู่เฉินออกมาแล้ว อย่างนั้นนักร้องซูเปอร์สตาร์ชั้นนำอีกสองคนนั้นคือใครกัน?
ตามคำใบ้ของจางอวิ้น อีกสองคนน่าจะเป็นดาราศิลปินในฮ่องกง
โชคดีที่เวลาของการแสดงมีจำกัด พิธีกรทั้งสองไม่อาจยื้อเวลาได้นานเกินไป คำตอบที่สามถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็ว…ซือฟางนั่นเอง!
คืนนี้เฉินเฟยเอ๋อร์สวมชุดเดรสยาวสีขาว ส่วนซือฟางสวมชุดกระโปรงสีแดง ในหัวใจของผู้คนบนเกาะฮ่องกงไม่มีใครแทนที่ราชินีแห่งฮ่องกงคนนี้ได้ ทันทีที่เธอปรากฏตัว บรรยากาศในเซ็นจูรี่พลาซ่าเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว
คนที่นั่งดูการถ่ายทอดสดอยู่หน้าโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ตื่นเต้นมาก มีดาราดังสามคนในการแสดงเดียว น้ำหนักความสำคัญแซงหน้ารายการก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้ว
ยังมีคนที่สี่…
หลิวกั่งเซิง!
เมื่อเงาร่างของราชาแห่งฮ่องกงปรากฏขึ้นบนเวทีและปรากฏบนหน้าจอถ่ายทอดสดทั้งหมด ผู้คนต่างตื่นเต้นมากจนถึงขั้นไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
เชื่อว่าน่าจะเป็นไข่อีสเตอร์[2]ที่ใหญ่ที่สุดและเกินความคาดหมายที่สุดในงานเฉลิมฉลองสุดอลังการงานนี้
เฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉิน ซือฟาง และหลิวกั่งเซิง!
มาจากจีนสองคน มาจากฮ่องกงอีกสองคน ล้วนอยู่ในอันดับต้นๆ ของวงการบันเทิง หากพวกเขาทั้งสี่รวมกันเป็นทีมแล้วละก็ ในวงการบันเทิงที่ใช้ภาษาจีนทั้งหมดใครล่ะจะมาเทียบได้?
ไม่มีอย่างแน่นอน!
ซือฟางและหลิวกั่งเซิงยิ้มให้กันท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ชมหลายหมื่นหลายพันคน แล้วจับมือกันเหมือนลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์
แต่ไม่มีใครที่จะเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของทั้งสอง เพราะทุกคนรู้ว่าซือฟางและหลิวกั่งเซิงเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปีแล้ว และเรื่องราวมิตรภาพระหว่างทั้งสองก็เพียงพอแล้วสำหรับการสร้างซีรีส์เรื่องยาว
ซูเปอร์สตาร์ทั้งสี่คนยืนอยู่กลางเวทีด้วยกัน และไฟสปอตไลต์ก็ส่องลงมาที่พวกเขา ราวกับว่าพวกเขาเป็นเทวดานางฟ้าที่ลงมาจุติยังโลก!
“ต่อไป ขอเชิญเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉิน ซือฟาง และหลิวกั่งเซิงร่วมกันร้องเพลงให้พวกเรา…”
พิธีกรจางอวิ้นและฉีเจียเหอ ทั้งคู่พูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมกัน “มุกงามแห่งบูรพา!”
ในที่สุด การแสดงที่ทุกคนรอคอยก็ถูกเปิดเผย แน่นอนว่าพวกเขาร้องเพลงเดียวกัน แต่ชื่อเพลงนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใหม่ในคราวเดียวกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าฮ่องกงเป็นที่รู้จักในนาม ‘มุกงามแห่งบูรพา’ โดยเฉพาะตั้งแต่ยุค 80-90 ความเจริญรุ่งเรืองและความงดงามของฮ่องกงดึงดูดความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ชื่อนี้เป็นอีกชื่อที่เหมาะสมและคู่ควร!
ส่วนที่ไม่คุ้นเคยก็เพราะว่าไม่มีใครเคยได้ยินเพลงที่ชื่อว่า ‘มุกงามแห่งบูรพา’ อาจเป็นเพราะฮ่องกงพิเศษเกินไป และชื่อเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ นั้นดูยิ่งใหญ่เกินไป ไม่มีนักแต่งเพลงคนไหนกล้าท้าทาย หรือถึงจะทำก็ไม่เผยแพร่ออกไปอยู่ดี
และผู้ชมที่เฝ้าหน้าจอก็เห็นชื่อนักแต่งเพลงที่ปรากฏในซับไตเติลเป็นครั้งแรก
ลู่เฉิน!
เป็นลู่เฉินอีกแล้ว เป็นลู่เฉินจริงๆ มีเพียงลู่เฉินเท่านั้น!
สิ่งที่เกินความคาดหมายทั้งหมดมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดในตัวของมันแล้ว!
………………………………………………………………
[1] หมาโสดไร้คู่ เป็นคำแสลงใช้เรียกคนโสด
[2] ไข่อีสเตอร์ คือสัญลักษณ์ที่ผู้กำกับหรือผู้สร้างใส่ไว้หรือซ่อนไว้ในภาพยนตร์ แสดงถึงความน่าตื่นเต้น