อนที่ 747 มุกงามแห่งบูรพา (2)
“สายนทีคดโค้งไหลลงบูรพา ไปเยี่ยมยลธารา นามว่าเซียงเจียง…”
“มุกงามแห่งบูรพา ฉันหลงใหลร่วมเรียง ท่วงท่าสำเนียงยังงดงามหรือไร!”
เพลงที่ขับร้องร่วมกัน พิธีกรทั้งสองได้แนะนำเฉินเฟยเอ๋อร์และลู่เฉินจากจีนก่อน แต่คนที่ร้องเปิดคนแรกกลับเป็นหลิวกั่งเซิงที่ปรากฏตัวออกมาเป็นคนสุดท้าย!
ซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังที่สุดในฮ่องกงคนนี้ถือไมโครโฟน สายตาที่แน่วแน่ของเขาดูเหมือนจะมองข้ามเซ็นจูรี่พลาซ่าไปที่เกาะฮ่องกงอันวิจิตรตระการตา หวนคิดถึงความผันผวนของวันเวลาหลายศตวรรษที่มันเคยประสบมา
เขาใช้เสียงทุ้มที่แฟนเพลงนับไม่ถ้วนต่างก็คุ้นเคยร้องท่อนนำของบทเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ นี้ออกมา!
เซ็นจูรี่พลาซ่าที่รองรับผู้ชมได้กว่าแสนคนกลับไร้เสียงใดๆ ทุกสายตาจับจ้องไปที่กลางเวที มองไปที่ซูเปอร์สตาร์ทั้งสี่คนจากจีนและฮ่องกงเป็นจุดเดียว
พวกเขาจดจ่อและตั้งใจฟังอย่างเต็มที่!
“ท่าเรือริมอ่าว โค้งดั่งวงจันทร์ แสงแห่งราตรีกาลเรืองรองสว่างไสว…”
“มุกงามแห่งบูรพาไม่เคยหลับใหล คืนวันผันไป ยึดมั่นสัญญา”
นักร้องคนต่อไปคือซือฟาง เสียงของเธอยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เข้มข้น
นั่นคือความรักที่ลึกซึ้งต่อผืนดินฮ่องกง!
การตีความถ่ายทอดเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ ของราชาและราชินีทั้งสองนั้นไร้ที่ติ การร่วมมือกันของทั้งคู่นั้นยิ่งไร้ที่ติ ทำให้ผลงานเพลงใหม่และพิเศษนี้มีเสน่ห์อันทรงพลังที่สัมผัสหัวใจของผู้คนในทันที
เพลงที่ดีสามารถสร้างนักร้องได้ แต่นักร้องที่ดีเท่านั้นถึงจะสร้างความคลาสสิคให้กับเพลงเพลงหนึ่งได้
ในตอนนี้เอง ผู้ชมนับไม่ถ้วนเชื่อว่า ‘มุกงามแห่งบูรพา’ เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงสุดคลาสสิคอย่างแน่นอน
หลิวกั่งเซิงและซือฟาง การรวมตัวกันของทั้งสองไม่มีสิ่งใดเปรียบได้!
สิ่งนี้ทำให้แฟนๆ ของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์หลายคนเหงื่อตก พวกเขาทั้งสี่ร้องเพลงด้วยกันถือเป็นเกียรติ ในขณะเดียวกันก็นับว่าเป็นแรงกดดันมหาศาลเช่นกัน
มีไข่มุกอย่างหลิวกั่งเซิงและซือฟางอยู่ข้างหน้า ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์จะสามารถแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานที่เท่าเทียมกันได้ไหมนะ?
“ห้าพันปีผ่านต้านลมทะเลพัด น้ำตาทุกหยาดพร่ำเกียรติภูมิสูงสง่า…”
หลังจากซือฟางแล้ว ลู่เฉินรับช่วงต่อจากท่วงทำนองที่เธอเพิ่งร้องเสร็จอย่างเป็นธรรมชาติ ร้องออกมาเป็นเสียงของเขาเอง!
0
น้ำเสียงที่อบอุ่น ทรงพลัง ไม่ยอมใครง่ายๆ!
หลังจากซือฟางแล้ว ลู่เฉินรับช่วงต่อจากท่วงทำนองที่เธอเพิ่งร้องเสร็จอย่างเป็นธรรมชาติ ร้องออกมาเป็นเสียงของเขาเอง!
น้ำเสียงที่อบอุ่น ทรงพลัง ไม่ยอมใครง่ายๆ!
“วอนคลื่นกับฉันคุ้มกันกายา วอนอย่าลืมว่าพันธุ์ผิวเหลืองนี้นานวันไม่กลาย”
วินาทีต่อมา เฉินเฟยเอ๋อร์ใช้เสียงสวรรค์ของเธอเพื่อเติมเต็มท่อนแรกของเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’!
รอยยิ้มของเธอเจิดจ้าสดใส การร้องเพลงของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ!
“เรือลำน้อยใหญ่อ่าวโค้งเข้าท่า มองย้อนไปสุดตา ทะเลครามกว้างใหญ่…”
“มุกงามแห่งบูรพา โอบกอดฉันไว้ ฉันอบอุ่นใจในอ้อมอกเยือกเย็น!”
สองสามประโยคสุดท้ายที่ร้องพร้อมกันสี่คน เสียงที่แตกต่างกลับผสมผสานกันอย่างลงตัว และร้องเป็นเสียงเดียวกัน!
เสียงร้องยังคงอยู่ เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นทันที หลายคนลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรบมืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แสดงความเคารพต่อนักร้องทั้งสี่คนบนเวที!
พวกเขามีความรู้สึกซาบซึ้ง ประทับใจ และชื่นชม!
‘มุกงามแห่งบูรพา’ เป็นเพลงที่ไพเราะมากอย่างไม่ต้องสงสัย เขียนถึงความผันผวนไปตามกาลเวลานับศตวรรษของฮ่องกง ผ่านมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของความรู้สึกทางวัฒนธรรมชั้นสูง ในเวลาเดียวกัน เพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแดนบูรพาเพลงนี้ ได้ขับร้องถ่ายทอดอารมณ์ของคนฮ่องกงที่มีความรู้สึกผูกพันกับบ้าน และมีความคิดถึงจีนที่เชื่อมถึงกันโดยสายเลือดอย่างลึกซึ้ง ปลอบประโลมรอยแผลแห่งโชคชะตาของฮ่องกง
นี่เป็นผลงานที่ดีมาก แม้ว่าฮ่องกงจะกลับคืนสู่จีนมานานแล้ว แต่หลายคนในฮ่องกงยังคงจำความผันผวนของชีวิตหลังจากการล่าอาณานิคมมาเป็นเวลากว่าศตวรรษได้ ชาวฮ่องกงหลายคนยังคงมีความทรงจำที่ชัดเจน เมื่อสูญเสียไปแล้วเท่านั้นจึงจะเข้าใจสิ่งที่มีค่า
เพลงนี้บรรยายความรู้สึกของคนหลายหมื่นหลายพันคนในฮ่องกง ฮ่องกงและมาตุภูมิ (จีนแผ่นดินใหญ่)จะเป็นบ้านของพวกเขาตลอดไป มีเพียงบ้านเท่านั้นที่จะมีความรัก และมีความรักถึงจะมีความอบอุ่น บ้านจะเป็นที่พักพิงของตนเองเสมอ!
“มุกงามแห่งบูรพา ฉันหลงใหลร่วมเรียง ท่วงท่าสำเนียงยังงดงามหรือไร!”
อาศัยสัญญาณจากดาวเทียม เสียงร้องเพลงได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ของมาตุภูมิและทั่วโลก
ให้ชาวจีนทุกคนที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งคนที่ถือแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือดูการถ่ายทอดสดงานเฉลิมฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีนได้ฟังเพลงนี้ด้วยกัน!
ดอกไม้ไฟที่ตระการตากลับมาเบ่งบานเต็มที่อีกครั้งเหนืออ่าววิคตอเรียที่อยู่ไม่ไกลจากเซ็นจูรี่พลาซ่า
ฮ่องกงในค่ำคืนนี้ จะไม่หลับใหลอย่างแน่นอน!
…
วันถัดมาหลังจากงานเฉลิมฉลองวันกลับคืนสู่อ้อมกอดจีน หน้าแรกของสื่อหลักในฮ่องกงและจีน ล้วนถูกข่าวเดียวกันครองพื้นที่ไปทั้งหมด และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานฉลองก็กินเนื้อที่ไปเยอะมาก
ปีนี้ตรงกับวันครบรอบพอดี ทำให้ข้อกำหนดของงานเฉลิมฉลองสูงกว่าปกติ จำนวนแขกรับเชิญ จำนวนผู้ชมในสถานที่ จำนวนดาราที่เข้าร่วม และแม้แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนก็ทำลายสถิติก่อนหน้านี้
‘ยิ่งใหญ่อลังการ’ ‘มหัศจรรย์’ ‘สมบูรณ์แบบ’ ‘ประสบความสำเร็จ’… คำชมเชยมากมายเต็มหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ การสรรเสริญจากทุกสาขาอาชีพทำให้สรุปได้ว่าการฉลองที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่คำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือตัวหนังสือสีดำ ‘มุกงามแห่งบูรพา’
แต่เดิมคำนี้เป็นชื่อที่น่ายกย่องสำหรับฮ่องกง แต่ตอนนี้มีความหมายเพิ่มเติมมากขึ้น นั่นคือเพลงที่ลู่เฉินเป็นผู้แต่ง และทั้งสี่ซูเปอร์สตาร์ หลิวกั่งเซิง ซือฟาง ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ ร่วมร้องด้วยกัน
คนในวงการหลายคนรวมถึงนักวิจารณ์เพลงมืออาชีพหลายคนต่างสรรเสริญเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ มาก โดยเชื่อว่าเพลงนี้สร้างมาตรฐานใหม่ระดับสูงให้กับลู่เฉินในฐานะนักร้องนักแต่งเพลง
หวังหนิงไห่ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงและนักวิจารณ์ดนตรีชื่อดัง เขียนในบล็อกของเขาว่า ‘มุกงามแห่งบูรพา’ เป็นเพลงของฮ่องกงและยังเป็นเพลงของจีนอีกด้วย บอกเล่าถึงความคิดถึงบ้านของฮ่องกงที่ไม่อาจแยกออกจากมาตุภูมิ เป็นการแสดงออกถึงความซับซ้อนของความคิดถึงบ้านของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณ และเผยให้เห็น ‘ความคิดถึงบ้านทางวัฒนธรรม’ อันเป็นเอกลักษณ์ของอารยธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง เป็นผลงานชิ้นเอกที่หายากและคลาสสิค
หลังจากงานเฉลิมฉลองจบลง หลิวกั่งเซิงในฐานะนักร้องคนหนึ่ง ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อเขาชมลู่เฉินอย่างไม่ขาดปาก และคิดว่าลู่เฉินสมควรได้รับตำแหน่งนักร้องนักแต่งเพลงที่โดดเด่นที่สุดในวงการเพลงป็อปของจีน
และเพลง ‘มุกงามแห่งบูรพา’ นี้จะกลายเป็นผลงานหลักในอัลบั้มใหม่ของเขาที่จะปล่อยต้นปีหน้าอีกด้วย!
ซือฟางนักร้องอีกคนหนึ่ง ก็แสดงความเห็นเช่นเดียวกัน
มีเพลงนี้แล้ว ทั้งยังผ่านการคอนเฟิร์มจากปากของหลิวกั่งเซิงราชาแห่งฮ่องกงและซือฟาง ชื่อเสียงและสถานะของลู่เฉินในวงการบันเทิงของฮ่องกงก้าวกระโดดขึ้นอีกหนึ่งระดับ กลายเป็นหนึ่งในดาราดังอันดับต้นๆ และกลายเป็นที่สนใจของผู้คน
สำหรับในจีน เขาร้อนแรงฉุดไม่อยู่มานานแล้ว และความนิยมของเขาก็ไม่มีใครเทียบได้ คนที่โบกเช็คในมือพากันวิ่งโร่มาที่เฉินเฟยมีเดียเพื่อขอร่วมงานด้วยนั้นล้นหลามมากมาย ทำให้โทรศัพท์ทั้งสามเครื่องของลู่ซีดังขึ้นทั้งวัน น่ารำคาญสุดๆ ไปเลย
แต่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์กลับยิ่งเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น ทั้งสองปฏิเสธการสัมภาษณ์จากสื่อต่างๆ และบินกลับกรุงปักกิ่งอย่างเงียบๆ ในวันรุ่งขึ้นหลังจบการแสดงที่ฮ่องกง
……………………………………………………………….
หมายเหตุ: ‘มุกงามแห่งบูรพา’ เรียบเรียง/แต่งโดย ลัวต้าโย่ว