ตอนที่ 763 ที่มาและสาเหตุ
เทควันโดมีต้นกำเนิดมาจากคาบสมุทรเกาหลี ช่วงแรกพัฒนามาจากแทคคยอนและฮวารังโดในช่วงยุคสามก๊กของเกาหลี เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นที่นิยมของคนเกาหลี
ก่อนศตวรรษที่แล้ว เกาหลียังไม่มีคำว่าเทควันโด ศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีเน้นคาราเต้ ทังซุโด และแทคคยอนที่นิยมในหมู่คนกลุ่มน้อยเป็นหลัก ช่วงที่ถูกปกครองภายใต้ญี่ปุ่น นักศึกษาหนุ่มสาวของเกาหลีจำนวนมากได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น ได้รับการฝึกคาราเต้กันอย่างเป็นระบบที่ญี่ปุ่น เมื่อกลับประเทศพวกเขาได้เปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ฝึกฝนนักเรียน
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม ประเทศเกาหลีได้รับอิสรภาพ โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อย่างคาราเต้ ทังซุโดเกิดขึ้นมากมาย เหล่าผู้เผยแพร่คาราเต้ในช่วงแรกๆ ของเกาหลีใต้ได้ผสมผสานศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของชนเผ่ากับคาราเต้เข้าด้วยกัน โดยเรียกว่าทังซุโด โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีใต้กลุ่มแรกสุดเหล่านี้ ต่อมาภายหลังก็คือโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีทั้งเก้าแห่ง
ชื่อของเทควันโด สร้างขึ้นจากนายพลชุยหงซีของเกาหลีใต้ในปี 1955 ท่านเคยไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นและนำคาเรเต้มาปรับปรุง มีบทบาทสำคัญมากในการก่อตั้ง สืบทอด และพัฒนาเทควันโด
หลี่เจ๋อเฉิงก็คือหนึ่งในลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของชุยหงซี
หลี่เจ๋อเฉิงเริ่มเรียนเทควันโดตอนอายุห้าขวบ อายุสิบเจ็ดปีคว้าแชมป์ของประเทศ อายุยี่สิบเอ็ดปีเข้าร่วมโอลิมปิกได้เหรียญทองรุ่นน้ำหนักต่ำกว่าหกสิบแปดกิโลกรัม หลังจากนั้นสี่ปีป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ
เขาอุทิศตนให้กับเทควันโดไม่ได้มีเพียงเหรียญทองโอลิมปิกสองเหรียญนี้เท่านั้น แต่นอกจากโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้เก้าแห่งแล้ว เขายังได้สร้างโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ สร้างโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อู่เฉิงขึ้นมา ไม่ว่าจะด้านขนาด กำลัง หรืออิทธิพล ต่างไม่ด้อยไปกว่าโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้เก้าแห่งนั้น กระทั่งมีชื่อเสียงมากในกลุ่มเด็กวัยรุ่นของเกาหลีใต้
หลี่เจ๋อเฉิงไม่เพียงแต่ได้รับการสืบทอดเทควันโดเท่านั้น แต่ยิ่งมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ที่เขาสร้างขึ้นได้ดึงเอาแก่นแท้ของทักษะต่างๆ ออกมา อย่างเช่น คิกบ็อกซิ่ง การต่อสู้แบบฉินหนา มวยสานต่า เป็นต้น และเน้นไปที่การต่อสู้จริง
วันหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน หลี่เจ๋อเฉิงออกมาจากโรงเรียน ได้เจอคนร้ายสามคนถือมีดชิงทรัพย์อยู่ที่ริมถนน เขาพุ่งเข้าไปต่อสู้ด้วยมือเปล่า ใช้เวลาแค่สิบวินาทีกว่าก็สามารถจัดการคนร้ายตัวสูงใหญ่ทั้งหมดให้ล้มลง
เหตุการณ์ในตอนนั้นถูกกล้องวงจรปิดของร้านค้าแถวนั้นเก็บภาพไว้ได้ จากนั้นจึงถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตเกิดความฮือฮาเกรียวกราว หลังจากนั้นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ให้เข้าพบและมอบเหรียญรางวัลให้แก่หลี่เจ๋อเฉิง หลี่เจ๋อเฉิงจึงกลายเป็นฮีโร่ของคนเกาหลีใต้มากมายด้วยเหตุนี้
“ผมเองที่ทำให้คุณลู่ต้องลำบากไปด้วย..”
ภายในห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของโรงแรมเดอะชิลลา หลิ่วเฉิงเซี่ยนกล่าวขอโทษต่อลู่เฉิน “ต้องขอโทษจริงๆ ครับ”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “จะโทษคุณได้ยังไงครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย…”
เมื่อวานตอนเย็นหลีเจ๋อเฉิงได้ส่งจดหมายท้ารบบนแพลตฟอร์ม FLOO วันนี้ตอนเช้าหลิ่วเฉิงเซี่ยนได้พาซ่งเจียเจินมาขอโทษลู่เฉินที่โรงแรม…หากเขาไม่ดึงดันเชิญมา ลู่เฉินคงไม่ต้องเจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้
และเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ หลี่เจ๋อเฉิงได้ส่งจดหมายท้ารบฉบับนี้ใน FLOO ถึงแม้จะใช้คำอย่างใคร่ครวญดีแล้ว แต่ไม่อาจปิดบังวาจายกตนข่มท่าน บวกกับตัวตนที่พิเศษเฉพาะของเขา สามารถพูดได้ว่าบีบลู่เฉินให้เข้าตาจนเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินไม่ได้ถูกคนท้ารบแบบนี้เป็นครั้งแรก
เหตุการณ์เที่ยวบิน UD725 รวมทั้งหลังจากที่วิดีโอการทดสอบระบบการจับการเคลื่อนไหวในบลูสกายสตูดิโอของลู่เฉินถูกเผยแพร่ออกไป กังฟูจีนจึงดังไปทั่วโลก แจ็ค รอสส์ เจ้าของเข็มขัดทองคำป้องกันแชมป์อเมริกันคิกบ็อกซิ่งอาชีพรุ่นมิดเดิลเวทของเอเอฟเอสที่ครองแชมป์ติดต่อกันสามสมัยก็เคยส่งคำท้ากับเขา
ทว่าท่าทีของแจ็ค รอสส์ ในตอนนั้นไม่ได้จริงจังมากนัก ลู่เฉินเองก็ไม่สนใจ ดังนั้นนอกจากความฮือฮาของสื่อกลุ่มน้อย สิ่งที่เรียกว่าการท้ารบนั้นถึงได้จบลง
นอกจากแจ็ค รอสส์แล้ว ในประเทศยังมี ‘มือเก๋า’ คิกบ็อกซิ่งกับมวยสานต่าอีกหลายคน ที่ได้ส่งคำท้าอยากประลองฝีมือกับลู่เฉิน บางคนก็แค่อยากเกาะกระแส ดังนั้นลู่เฉินจึงขี้เกียจตอบโต้
แต่คำท้ารบของหลี่เจ๋อเฉิงในตอนนี้ผิดปกติมาก อย่างแรกในฐานะผู้ท้ารบ ตัวตนของเขามีความพิเศษมาก เป็นตัวแทนเทควันโดของเกาหลีใต้ เวลาพูดจาจึงมีน้ำหนัก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นกันทั่วไปแน่นอน
ในหนังสือท้ารบฉบับนี้ หลี่เจ๋อเฉิงยังบอกให้ลู่เฉินเป็นคนตัดสินใจเวลาและสถานที่สำหรับการประลองของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่เกาหลีใต้หรือประเทศจีนได้หมด เขาอยากใช้การต่อสู้ครั้งนี้พิสูจน์ว่า เทควันโดรูปแบบใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเองอยู่เหนือว่ากังฟูจีน!
เมื่อข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป โลกอินเทอร์เน็ตของเกาหลีใต้ลุกฮือขึ้นมาในทันใด มีสื่อมากมายให้ความสนใจไม่น้อย เชื่อว่าไม่ช้าคงแพร่กระจายไปถึงประเทศจีน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากลู่เฉินปฏิเสธคำท้ารบของหลี่เจ๋อเฉิง ผลเสียที่ตามมาแค่คิดก็รู้ได้
อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง มีแฟนคลับมากมายรู้สึกผิดหวังแน่นอน และจะต้องมีคนกระโดดออกมาเยาะเย้ยถากถางพูดจาแปลกประหลาดเป็นแน่ และที่ขาดไม่ได้คือมีสื่อบางเจ้าต้องฉวยโอกาสนี้สร้างกระแส
ตอนนี้ลู่เฉินดังมากจริงๆ ไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาตาร้อนมากแค่ไหน อีกทั้งตอนนี้เขายังอยู่ที่เกาหลีใต้ สามารถพูดได้ว่าหลี่เจ๋อเฉิงเลือกเวลาได้ดีจริงๆ
หลิ่วเฉิงเซี่ยนทำความเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังมาบ้าง “จริงๆ แล้วเรื่องไม่ง่ายขนาดนั้น…”
จุดประสงค์ที่หลี่เจ๋อเฉิงท้าทายลู่เฉินไม่ธรรมดาเลย หลังจากที่สร้างโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อู่เฉิงขึ้นมา เขาพยายามโปรโมตส่งเสริมการต่อสู้รูปแบบใหม่อย่างเต็มที่ ตั้งใจที่จะเป็นสมาพันธ์เทควันโดใหม่ ถึงขนาดท้าทายไอทีเอฟที่อาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งก็คือสหพันธ์เทควันโดนานาชาตินั่นเอง
แต่อิทธิพลของสหพันธ์เทควันโดนานาชาตินั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ มีสมาคมระดับภูมิภาคและครอบคลุมกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบประเทศทั่วโลก ไม่ใช่ว่าหลี่เจ๋อเฉิงจะสามารถสั่นสะเทือนได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นจุดประสงค์ที่เขาท้ารบลู่เฉินจึงชัดเจนมาก!
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…”
ลู่เฉินพยักหน้า เขาครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณคุณหลิ่วที่บอกให้ทราบนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี”
หลิ่วเฉิงเซี่ยนยิ้มเจื่อนๆ เอ่ยว่า “จริงๆ แล้วผมรู้จักคุณหลี่เจ๋อเฉิง และเคารพนับถือเขามากๆ ถ้าหากเป็นไปได้ผมหวังว่าคุณลู่เฉินกับคุณหลี่เจ๋อเฉิงจะได้เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่คู่แข่ง”
ลู่เฉินยิ้มจางๆ ไม่ได้พูดอีก
หลังจากส่งหลิ่วเฉิงเซี่ยนและซ่งเจียเจินแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วงว่า “นายคิดจะทำยังไง”
เธอเองเพิ่งตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้นำความยุ่งยากมาให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งสนใจเลยครับ พวกเราทำธุระของตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
วันนี้เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์ยังต้องพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของสถานีโทรทัศน์เคจีเอสและเอสวายจี นั่นเป็นงานที่จัดตารางไว้เรียบร้อยแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามอีกว่า “งั้นพวกเรากลับเมืองหลวงวันพรุ่งนี้ไหม”
ตั๋วเครื่องบินขากลับจองไว้เป็นวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ลู่เฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ตอนเย็นค่อยว่ากันครับ…”
ไม่ว่าภายนอกจะมีความวุ่นวายมากแค่ไหน เขาจะไม่ขัดขาตัวเอง อะไรที่ควรทำก็ต้องทำต่อไป
วันนี้วันที่ 30 ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ยังคงทำงานตามตารางเหมือนเดิม อย่างแรกคือไปเยี่ยมเยียนสถานีโทรทัศน์เคจีเอสและสำนักงานใหญ่ของเอสวายจี และเจรจาพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองแห่ง หลักๆ แล้วเกี่ยวกับการขยายธุรกิจของเฉินเฟยมีเดียทีเกาหลีใต้ในอนาคต
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีการร่วมงานที่ดีมาก สถานีโทรทัศน์เคจีเอสและเอสวายจีให้การต้อนรับคนทั้งสองอย่างกระตือรือร้น มาตรฐานการต้อนรับถือว่าสูงมาก ตอนเย็นยังมีการจัดงานเลี้ยงและรับประทานอาหารในโรงแรมเดอะชิลลา
ขณะเดียวกัน เรื่องคำท้าของหลี่เจ๋อเฉิงได้ถูกสะสมต่อไปเรื่อยๆ สร้างการตอบสนองครั้งใหญ่ในอินเทอร์เน็ตประเทศจีน เรียกได้ว่าก้อนหินหนึ่งก้อนคลื่นแตกกระเซ็นซ่านเป็นฟองฝอย
…………………………………………………………………………