ตอนที่ 782 ชุมนุมยอดมือปราบ (จบ)
ศิลปินดาราทั่วโลก มีน้อยมากที่จะไม่เล่นบล็อก
ในยุคอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน จำนวนชาวเน็ตขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน และส่วนใหญ่จะครอบคลุมสอดคล้องกับกลุ่มคนในวงการบันเทิง ดังนั้นต่อให้เป็นดาราที่รักอิสระที่สุด ก็จะเปิดบล็อกตามกระแส ถึงแม้จะไม่ค่อยเล่น แต่ก็เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการโปรโมตที่ไม่เลว
ศิลปินดารามากมายชอบที่จะเล่นบล็อก ไม่เพียงแต่มีทีมงานช่วยดูแล ตัวเองก็อยากจะโพสต์สักสิบครั้งต่อวัน แค่ไปกินข้าวซื้อรองเท้าสักคู่ก็ต้องถ่ายรูปสักสองสามรูปและโพสต์บอกคนทั้งโลก
เมื่อเทียบกันแล้ว ในฐานะดาราดังที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการบันเทิงของประเทศ ลู่เฉินไม่ได้โพสต์บล็อกบ่อยนัก เขาไม่สร้างกระแสไม่บังคับขายโฆษณา นอกจากอวดความรักโชว์ให้กับหมาโสดทั้งหลายในชีวิตประจำวันแล้ว ก็คือการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนรักในวงการ พร้อมกับโพสต์รูปภาพที่น่าสนใจ
ดังคำกล่าวที่ว่าของที่หายากย่อมมีราคาแพง เนื่องจากเขาโพสต์น้อยมาก บวกกับมีฐานแฟนคลับเป็นร้อยล้าน ดังนั้นทุกโพสต์จึงได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
ภาพถ่ายร่วมกันสี่คนฝีมือของซ่งหว่านหลิ่วภายในบ้านของถานหงภาพนี้ โพสต์ในบล็อกส่วนตัวของลู่เฉินเวลาสองทุ่มสิบห้านาที พอถึงสามทุ่มก็ติดอันดับค้นหายอดนิยมในหน้าแรกของบล็อกล่างฉาว ยอดแชร์และยอดคอมเมนต์ทะลุหนึ่งล้าน สร้างสถิติในบล็อกล่างฉาว
ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวกั่งเซิง และถานหง โดยมากแล้วคือตัวแทนที่มีประวัติศาสตร์และระดับที่ไม่เหมือนกันของวงการเพลงจีน ทั้งสี่คนเป็นบุคลลที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุด ยอดขายอัลบั้มของพวกเขารวมกันเป็นตัวเลขที่น่าตื่นตะลึงอย่างมาก
และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การถ่ายรูปของทั้งสี่คนล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเพลงป็อป แต่เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’!
แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือ แฟนนิยายกำลังภายในที่ฟูมฟักมาจากนิยาย ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’
‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ออกเล่มครั้งแรกจนถึงตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งถึงสองปีแล้ว ระหว่างนี้ได้มีการตีพิมพ์ใหม่หลายครั้ง ทำยอดขายที่ดีในร้านหนังสือซินหวามาตลอด ปัจจุบันได้ถูกแปลเป็นหลายภาษา ออกจำหน่ายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ มีอิทธิพลค่อนข้างมาก
แน่นอนว่าแฟนนิยายกำลังภายในในประเทศมีเยอะที่สุด ทุกคนรอคอยการเปิดตัวภาพยนตร์และละคร ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มานานแล้ว การตอบสนองสำหรับภาพถ่ายที่มีคำอธิบายเป็นพิเศษนี้จึงยิ่งรุนแรงมาก
“หลิวกั่งเซิงแสดงเป็นเซี่ยงเวิ่นเทียน เยี่ยมมาก!”
“ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าถานหงก็เป็นนักแสดงรับเชิญด้วย”
“นี่คือบ้านของใคร”
“ว้าว เฉินเฟยเอ๋อร์สวยจัง!”
“อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง ขอให้เรีบเปิดกล้องไวๆ ถึงตอนนั้นฉันจะซื้อตั๋วสองใบเลย!”
“ฉันอุทิศห้าใบ…”
แต่ยังไม่จบ หลังจากโพสต์ภาพถ่ายร่วมกันผ่านไปสองชั่วโมง ลู่เฉินได้โพสต์บล็อกใหม่อีกครั้ง
ข้อความโพสต์นี้คือการแอบสปอยล์ เขาแสดงตัวว่าหลังจากปีใหม่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ จะมีการออดิชันนักแสดงทั่วประเทศ และผลิตรายการประกวด เพื่อคัดเลือกบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาร่วมการถ่ายทำ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’!
ขณะเดียวกันได้แนบคุณสมบัติพื้นฐานที่ต้องการสำหรับการร่วมออดิชัน
โพสต์นี้เกิดความฮือฮามากกว่าโพสต์อันก่อน เพราะมันกระตุ้นประสาทของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน!
“ฉันจะสมัคร!”
“ฉันอยากถามว่า ตอนนี้เรียนศิลปะการต่อสู้ยังทันไหม”
“คนไม่แข็งแรงขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง”
“ชุมนุมยอดมือปราบ? จะจัดที่เมืองหลวงใช่หรือไม่?”
“ว้ายๆๆ ฉันอยากแสดงบ้างจัง…”
ผู้คนมากมายล้วนมีความฝันอยากเป็นดารา และในมุมมองของคนมากมายเหล่านี้ เป็นนักแสดงง่ายกว่านักร้องแสดงละครดังเร็วกว่านักร้อง…คนหลังอย่างแรกต้องมีลูกคอที่ดีหรือไม่ก็หน้าตาดี ดังนั้นทุกปีจะมีคนสมัครเรียนที่วิทยาลัยภาพยนตร์เยอะเป็นพิเศษ ในโรงถ่ายหนังใหญ่ๆ ล้วนมีคนร่อนเร่ที่ไล่ตามความฝันอยากเป็นดาราอยู่ทุกหนแห่ง
อันที่จริงเส้นทางของนักแสดงเดินยากกว่าเส้นทางของนักร้อง และมีการแข่งขันที่ดุเดือดกว่า แต่การยืนอยู่ใต้แสงไฟสปอตไลต์ ขึ้นโชว์อยู่บนจอเงินขนาดใหญ่เป็นสิ่งล่อใจอย่างรุนแรงสำหรับคนส่วนใหญ่
ทว่าสำหรับพวกเขา ไม่มีเส้นทางหรือโอกาสเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด แต่ภาพยนตร์ของลู่เฉินในตอนนี้กลับต้องการออดิชันนักแสดง ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดและความต้องการหลายอย่าง คนที่มีเงื่อนไขสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องมากบ้างน้อยบ้าง และมีความตั้งใจอยากจะเติบโตทางนี้ ต่างรู้สึกตื่นเต้นกันทุกคน!
อย่าพูดถึงคนธรรมดาอย่างเดียว กระทั่งศิลปินดาราระดับสองระดับสามในวงการก็ยังเข้ามาแสดงความคิดเห็นกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจังในบล็อกว่าตัวเองอยากร่วมออดิชันนักแสดงครั้งนี้
ศิลปินดาราเหล่านี้รู้ความสามารถของลู่เฉินเป็นอย่างดี โปรเจกต์ที่เขาทำมีอันไหนไม่ทำกำไรเยอะบ้าง คนที่ร่วมงานด้วยก็ได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้า บางคนดังชั่วข้ามคืน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะรับบทเล็กๆ ใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็เป็นเรื่องที่ดีสุดๆ
และยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้จองตัวดาราแถวหน้าตัวจริงทั้งสี่คนเอาไว้แล้ว เหมือนกับงานฉลองมิมีผิด!
ลู่เฉินโพสต์สองข้อความนี้เป็นความตั้งใจของเขา แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเกินความคาดหมายของเขาจริงๆ ผ่านการสะสมในเวลาสั้นๆ เกิดความฮือฮาทั้งในและนอกวงการอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้คนมากมายเกิดความเคลื่อนไหว
ผลปรากฏว่าตอนเช้าวันที่สอง ลู่เฉินยังนอนหลับอยู่ แต่ต้องถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์
เขาลืมตาสะลึมสะลือ หยิบโทรศัพท์มาดูเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า ท้องฟ้ายังไม่สว่างดีเลย เบอร์ที่โทรมารู้สึกคุ้นๆ แต่ไม่ได้อยู่รายชื่อของเขา
ใครกัน
ลู่เฉินกดรับสายอย่างสงสัย “สวัสดีครับ”
เสียงที่ดังมาจากโทรศัพท์เป็นน้ำเสียงที่หนักอึ้ง “อาจารย์ลู่เฉิน ต้องขอโทษที่รบกวนคุณจริงๆ ครับ ผมคือเฉินฉีจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง”
ลู่เฉินเดิมทีคิดว่าใครโทรมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเฉินฉีรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
เขารีบพูดว่า “สวัสดีครับ ผู้อำนวยการเฉิน มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
ลู่เฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินฉี ทว่าแค่เรื่องงานเท่านั้น ดังนั้นคนหลังจึงไม่อยู่ในรายชื่อเพื่อนของเขา
แต่ด้วยเส้นสายของเฉินฉี สามารถหาเบอร์ส่วนตัวของเขาได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แน่นอนว่าโดยปกติแล้ว เฉินฉีจู่ๆ จะไม่โทรมาหาเขาแต่เช้าตรู่อย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้
อันที่จริงลู่เฉินก็พอเดาออก
และแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะเหอะๆ ของเฉินฉี “กินข้าวเช้าด้วยกันไหมครับ ผมเลี้ยงเอง!”
รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งโทรมาเชิญเขาไปกินข้าวเช้า เป็นการให้เกียรติสูงมาก แต่ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆเอ่ยว่า “ผู้อำนวยการเฉิน ข้าวเช้าผมเลี้ยงเองครับ แค่เกรงว่าคงจะทำให้คุณผิดหวัง”
เฉินฉีเป็นใคร รีบตอบกลับทันที “คุณรู้…คุณให้เจ้อตงไปแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่เจ้อตงอยู่แล้วครับ…” ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “เป็นซีซีทีวี”
เฉินฉีพูดไม่ออก
ถ้าหากเป็นเจ้อตง เขาสามารถสื่อสารกับลู่เฉินได้อย่างเปิดเผย แต่หากเป็นซีซีทีวีนั่นคงไม่ได้จริงๆ
ข้าวเช้ามื้อนี้เฉินฉีเป็นคนเลี้ยงเอง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ คนของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีก็ติดต่อมาที่ลู่เฉิน
และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการคัดเลือกนักแสดงของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เพิ่งจะเริ่มขึ้น!
…………………………………………………………………………