ตอนที่ 812 เหตุผลที่ไม่ธรรมดา
โรงถ่ายหนิงซานในฐานะที่เป็นโครงการลงทุนที่สำคัญที่สุดของอำเภอหนิงซาน ได้ลงทุนไปมากกว่าห้าร้อยล้าน ทั้งยังรวมทิวทัศน์ของภูเขาชิงหนิงเข้าไปด้วย หวังจะสร้างจุดขายให้กับอำเภอหนิงซานเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
หลัวหรงนายอำเภอของอำเภอหนิงซานเป็นคนผลักดันโครงการนี้ด้วยตัวเอง หรือจะพูดว่าเป็นโครงการภาครัฐที่นำโดยเขาเลยก็ได้ จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับอนาคตการทำงานของเขา เพราะฉะนั้นจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้าที่เฉินเฟยมีเดียจะเข้ามาที่โรงถ่ายหนิงซาน สิ่งที่เป็นเหมือน ‘นามบัตร’ ที่สร้างมาเพื่อการท่องเที่ยวของหนิงซานแห่งนี้่ กลับต้องเผชิญหน้ากับความกระอักกระอ่วน รายรับที่เกิดขึ้นหลังจากลงทุนเข้ามาบริหารงานแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับรายจ่ายรายวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้เงินทุนหรือเงินกู้ที่ลงทุนไปกลับคืนมาเลย
อย่างนี้ตำแหน่งของหลัวหรงในราชการก็สั่นคลอนไม่น้อยเลย ดังนั้นถึงได้ไปที่ปักกิ่งด้วยตัวเองอย่างไม่กลัวความยากลำบาก ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มาถ่ายทำที่หนิงซานให้ได้
ตอนนั้นเขาก็ได้รับปากแล้วว่า ยินดีที่จะขายหุ้นให้แก่เฉินเฟยมีเดีย หรือกระทั่งให้เฉินเฟยมีเดียถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมได้เลย!
อันที่จริงหากว่ากันตามสถานการณ์ตอนนี้ หลัวหรงก็เหมือนกำลังทิ้งภาระ และเขาก็ต้องการผูกเฉินเฟยมีเดียเข้ากับเรือลำใหม่ของการท่องเที่ยวหนิงซานลำนี้ พร้อมกับอาศัยแรงลมนี้โต้ผ่านคลื่นลมไปให้ได้
ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่อง ’กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการแล้ว การเจรจาเรื่องหุ้นแน่นอนว่าต้องสำเร็จไปตามนั้นด้วย
เดิมทีลู่เฉินและลู่ซีก็เป็นคนหนิงซานครึ่งหนึ่ง จึงมีความเข้าใจในหนิงซานเป็นอย่างมาก แต่ช่วงก่อนลู่ซียังพาคนมาสำรวจด้วย จึงมั่นใจมากว่าโรงถ่ายหนิงซานนั้นมีคุณค่าและควรค่าที่จะลงทุนมาก ทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นพ้องต้องกัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เฉินเฟยเอ๋อร์ชื่นชอบทิวทัศน์ของภูเขาชิงหนิงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองฉวี่ซี เธอถึงขั้นซื้อบ้านพักเก่าแก่ไว้หลังหนึ่งในเมืองเลย ต่อไปหากมีเวลาว่างก็จะมาพักที่นี่
ด้วยรากฐานที่มั่นคงสำหรับความร่วมมือ การเจรจาระหว่างอำเภอหนิงซานและเฉินเฟยมีเดียเป็นไปอย่างราบรื่นมาก เงื่อนไขที่เสนอโดยฝ่ายแรกนั้นดีมาก มูลค่าการลงทุนรวมห้าร้อยล้านหยวนถูกใช้ในการเจรจาหุ้น และสัดส่วนการถ่ายโอนหุ้นก็สูงมาก
กล่าวคือ ตามเงื่อนไขที่เทศบาลอำเภอหนิงซานเสนอ ตราบใดที่เฉินเฟยมีเดียลงทุนมากกว่าสองร้อยห้าสิบล้านหยวน ก็จะได้รับหุ้นของโรงถ่ายละครห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หากเพิ่มอีกหนึ่งหยวนก็จะได้หุ้นที่มีอำนาจควบคุม
แต่ระหว่างการเจรจานั้น ลู่ซีที่เป็นตัวแทนของเฉินเฟยมีเดียได้ให้ข้อเสนอใหม่ เธอทำการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของโรงถ่ายหนิงซาน สุดท้ายจึงเสนอเงินจำนวนสามร้อยเจ็ดสิบห้าล้านสำหรับการซื้อหุ้นสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของโรงถ่ายหนิงซาน ทั้งยังจะลงทุนต่อไปในอนาคตอีกสามปี สุดท้ายจะถือหุ้นทั้งหมดหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ หน่วยงานบริหารโรงถ่ายเดิมที่ควบคุมโดยเทศบาลทั้งหมด จะถูกแยกออกเพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่มาบริหารโรงถ่าย และทยอยโอนหุ้นให้เสร็จ
สิ่งนี้ทำให้อำเภอหนิงซานรู้สึกเหลือเชื่อ เพราะตามข้อตกลงของเฉินเฟยมีเดียมันเทียบเท่ากับการใช้จ่ายเงินเพิ่มอีกหลายร้อยล้านเพื่อผลประโยชน์ที่เหมือนเดิม พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ต่อราคา พวกเขากลับยังเพิ่มราคาอีก!
ตามข้อตกลงนี้ อำเภอหนิงซานจะไม่เพียงแต่สามารถกู้คืนการลงทุนทั้งหมดได้ในเร็วๆ นี้ แต่ยังทำกำไรได้ภายในหนึ่งหรือสองปีอีกด้วย แม้ว่าจะละทิ้งสัดส่วนการถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม แต่ก็จะทำให้โครงการขนาดใหญ่นี้กลับมามีชีวิตและเกิดผลกำไร ซึ่งสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีใครรังเกียจการหาเงินได้เยอะด้วยหรือ การทำสัญญาจึงจบลงด้วยความเร็วสูง พิธีลงนามหลังพิธีเปิดในวันนี้ทำเป็นพิธีเท่านั้น สัญญาที่มีผลทางกฎหมายได้รับการลงนามตั้งแต่แรกแล้ว
แม้ว่าจะทำเป็นพิธี แต่ในงานเลี้ยงหลังจากการเซ็นสัญญา หลัวหรงก็ได้ถามกับลู่เฉินและลู่ซีเป็นการส่วนตัวถึงสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ ทำไมเฉินเฟยมีเดียต้องเพิ่มราคาให้อย่างผิดหลักการการทำธุรกิจ
ลู่เฉินและลู่ซีต่างมองหน้ากันแล้วยิ้ม ลู่ซีคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “นายอำเภอหลัว การลงทุนในโรงถ่ายหนิงซานก่อนหน้านี้แม้ว่าจะเพียงห้าร้อยล้าน แต่คุณค่าที่แท้จริงมันเกินกว่านั้นไปมาก ภูเขาชิงหนิงและวิวทิวทัศน์ของฉวี่ซีนั้นวัดมูลค่าไม่ได้ พวกเราเสนอราคาไปไม่มากเลย และก็ยินดีที่จะทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเท่าที่สามารถทำได้เพื่อการพัฒนาของบ้านเกิดค่ะ”
โรงถ่ายหนิงซานได้รวมเอาทิวทัศน์ของภูเขาชิงหนิงไว้ในแผนงานอยู่แล้ว แถมยังคงเป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย อำเภอหนิงซานไม่ได้คำนวณมูลค่าส่วนนี้เข้าไปด้วย ไม่ใช่เพราะว่าละเลยหรือลืมไป แต่เป็นเพราะอยากให้เป็นเงื่อนไขในการดึงดูดให้เฉินเฟยมีเดียเข้ามาลงทุนต่างหาก
ความจริงใจของอำเภอหนิงซานนั้นมีเต็มเปี่ยม แต่ลู่เฉินและลู่ซีมองว่าไม่สามารถเอาเปรียบในจุดนี้ได้ เฉินเฟยมีเดียไม่อาจรับข้อหาเอาเปรียบประเทศชาติด้วยการลงทุนเพียงไม่กี่ร้อยล้านนี้ ยิ่งไม่ยินดีที่จะถูกประณามสาปแช่งเพราะสัญญาฉบับนี้ด้วย
ดังนั้นต่อให้ถูกคนมองว่าโง่งม เฉินเฟยมีเดียก็อยากรับประกันว่าการลงทุนสำคัญในครั้งนี้นั้นเป็นไปอย่างชอบธรรม ไร้ข้อกังขา ไร้ซึ่งจุดดำด่างใดๆ
หลังจากฟังคำอธิบายของลู่ซีแล้ว หลัวหรงก็ตกอยู่ในภวังค์นานเลยทีเดียว ในใจของเขามีความรู้สึกพรั่งพรูเต็มไปหมด
เพื่อฟื้นคืนชีพโรงถ่ายหนิงซานอีกครั้ง ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักกับเฉินเฟยมีเดีย เขาเองก็เคยเฟ้นหาผู้ร่วมลงทุนไปทั่ว อยากจะโปรโมตโครงการนี้ออกไป คนที่สนใจก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่เงื่อนไขที่เสนอมานั้นกดขี่เอามากๆ
บ้างก็เหมือนหมาป่าที่มามือเปล่า จะให้ทางเทศบาลคำประกันเงินกู้ให้เพื่อเอาเงินมาซื้อ
เมื่อเทียบกับนักธุรกิจที่โลภมากอย่างเทียบไม่ได้เหล่านั้น การกระทำทุกอย่างของเฉินเฟยมีเดียไม่อาจจะใช้เพียงคำว่า ‘มีเมตตาธรรม’ มานิยามได้
เขาหยิบขวดสุราขึ้นมารินให้ตัวเองเต็มแก้ว ก่อนจะยกแก้วแล้วพูดกับลู่เฉินและลู่ซีว่า “ทั้งสองท่าน คำอื่นผมไม่พูดแล้ว เหล้าแก้วนี้ถือว่าขอแสดงความนับถือพวกคุณ ต่อไปขอเพียงคนแซ่หลัวอย่างผมยังอยู่ พวกเราก็จะเป็นมิตรกันตลอดไป!”
มันยากที่จะจินตนาการมาก คนอย่างนายอำเภอท่านหนึ่งจะพูดคำพูดที่เหมือน ‘ท่องยุทธจักร’ ออกมา แต่คำพูดที่ค่อนข้างแปลกเหล่านี้แสดงถึงความชื่นชมอย่างจริงใจของเขา
ลู่เฉินหัวเราะก่อนจะตอบว่า ‘ท่านเกรงใจเกินไปแล้วครับ ต่อให้เฉินเฟยมีเดียทำการซื้อโรงถ่ายหนิงซานแล้ว ก็ขาดการสนับสนุนจากท่านไม่ได้หรอกครับ!’
หลัวหรงหัวเราะร่าเสียงดัง “พยายามด้วยกัน จับมือเคียงข้างไปด้วยกันนะ!”
เงินไม่กี่ร้อยล้านที่เฉินเฟยมีเดียจ่ายเพิ่ม สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ได้มีเพียงสัญญาการลงทุนที่ไร้ที่ติฉบับหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีมิตรภาพที่จริงใจจากผู้ปกครองท่านนี้ด้วย
เมื่อเวลาผันผ่าน หลายปีจากนี้เมื่อมองย้อนกลับมา เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง
แต่เวลาสำหรับกองถ่ายเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ กลับมีไม่มากแล้ว
แม้ว่าเวลาเข้าฉายของภาพยนตร์กำลังภายในฟอร์มยักษ์เรื่องนี้จะถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงวันชาติจีน แต่หลายๆ คนรวมถึงสมาชิกในกองถ่ายไม่น้อยเลยยังหวังว่าจะสามารถเข้าฉายได้ในช่วงหน้าร้อนนี้
เนื่องจากยังมีผลงานตามกระแสในทำนองเดียวกันอีกหลายชิ้นที่จะปล่อยออกมาในช่วงฤดูร้อน แต่ตอนนี้เมื่อการฉายภาพยนตร์ถูกเลื่อนออกไป ผลงานที่ออกฉายก่อนหน้าต้องลำพองใจแน่นอน… แล้วจะให้ทนได้อย่างไร
ในใจของทุกคน เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ควรจะเป็นผลงานบุกเบิกหนังกำลังภายในแนวใหม่ถึงจะถูก ไม่ควรถูกคนอื่นแย่งซีนตัดหน้าไป
สำหรับอารมณ์ความรู้สึกของคนในกอง ลู่เฉินและเฉินกั่๋วจื้อแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ แต่ทั้งสองต่างไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เพราะความฮึกเหิมนี้ของทุกคนมันดีต่อการถ่ายทำ
แน่นอนว่าคุณภาพของภาพยนตร์เองก็ต้องได้รับการรับประกัน เรื่องนี้จะสะเพร่าไม่ได้ แต่บนพื้นฐานของการรับประกันคุณภาพหากสามารถทำให้เร็วขึ้นได้ด้วย อย่างนั้นก็จะสมบูรณ์มากๆ
บ่ายวันนั้น การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการที่โรงถ่ายหนิงซาน